วันอาทิตย์, มิถุนายน 29, 2551

ยุติสุข

ราวปี 2535 ได้เรียนปรัชญากรีก หลักรัฐศาสตร์ เกี่ยวกับโสเครติส สอนโดย อ.กนก วงศ์ตระหง่าน มีอยู่เรื่องนึงของแนวคิดโสเครติสว่าด้วย ความยุติธรรมคืออะไร  เรียนผ่านไปด้วยกระบวนการตั้งคำถามว่า จริงๆแล้ว ความยุติธรรมนั้นมีอยู่จริงหรือไม่ ใครบ้างได้รับความยุติธรรม แล้วมันมีอะไรเป็นองค์ประกอบ


ปี 2542 คำถามเดียวกัน กลับมาอีกครั้งหนึ่ง คราวนี้ถามโดย คุณโสภณ สุภาพงษ์ ที่ถามพวกเราเพราะเชิญท่านมาบรรยายให้ฟัง ท่านคิดเช่นไรมิรู้ตั้งคำถามเดียวกันนี้ "ความยุติธรรมคืออะไร" ตอนนั้นด้วยอาการอมภูมิและไม่รู้ว่าจะตอบเช่นไร เลยไม่มีคนตอบชัดเจน คุณโสภณ ก็บอกว่า ยุติธรรมก็คือ  ยุติลง อย่างเป็นธรรม เช่นนั้นเอง


ยุติลงอย่างเป็นธรรม จึงเป็นสิ่งที่ถูกนำมาใช้ในสังคม
เพื่อสยบ ความเห็นที่ไม่ตรงกัน
สยบ ข้อพิพาท
สยบ ความขัดแย้ง
สยบ การแข่งขัน


โดยการกำหนด สิ่งที่มีอำนาจเหนือกว่า เช่น คน คำสั่ง กฏเกณฑ์ เป็นกรอบบังคับให้ยอมรับกัน
เช่น การแข่งขัน จบลงอย่างยุติธรรมตามที่  คน คำสั่ง กฏเกณฑ์ กำหนด
เช่น ความขัดแย้ง จบลงอย่างยุติธรรมตามที่  คน คำสั่ง กฏเกณฑ์ กำหนด


แต่จริงๆแล้ว ในใจของคู่กรณีนั้น เรื่องมันยุติหรือป่าว เรื่องนั้นจบลงอย่างเป็นธรรมหรือป่าว
ไม่มีใครตอบได้ หรือถ้าจะตอบ คงต้องเดาว่า ฝ่ายเสียประโยชน์คงต้องคิดว่าตัวเองไม่ได้รับความเป็นธรรม
เพียงแต่ต้องยอมรับ ตามสภาพบังคับ ตามอำนาจที่เหนือกว่า


ดังนั้น หากย้อนกลับมาคิดว่า จริงๆแล้ว ความยุติธรรมมันมีจริงไหม
คงขอตอบว่ามันไม่มีหรอก ความยุติธรรม แต่มันถูกอุปโลกขึ้นมาเพื่อใช้สยบเรื่องราวต่างๆ เหมือนการกำจัดฝุ่นโดยกวาดเข้าไปซุกใต้พรม  ความยุติธรรมจึงเป็นพรมผืนใหญ่ ใช้ซุกอะไรต่อมิอะไรไว้ข้างในเยอะแยะมากมาย รอการโผล่ออกมา



แล้วเมื่อสองวันก่อน อยู่ดีดี ก็มีเหตุการณ์ให้นึกถึงคำคำนึงขึ้นมา นั่นคือคำว่า ยุติสุข

หากความยุติธรรมเกิดขึ้น โดยใช้ยุติ ข้อพิพาทลงโดยการสยบต่ออำนาจของ คน คำสั่ง กฏเกณฑ์
เช่นในกรณี รถเฉี่ยวชน
เชื่อได้ว่า ต่างฝ่ายต่างต้องมีจุดยืน ความถูกต้อง และเรียกร้องความเป็นธรรมของตนไม่เป็นที่สิ้นสุด
และเมื่อเรื่องจบลงอย่าง"ยุติธรรม"แล้ว ยังจะต้องมีอีกฝ่ายที่คิดว่า มันไม่เป็นธรรม

แต่หากข้อพิพาท ความคิดเห็นไม่ตรงนั้น จบลงด้วยความเข้าใจ ความประนีประนอม ถ้อยทีถ้อยอาศัยแล้ว
คงไม่ต้องมานั่งสงสัยว่า ความเป็นธรรมอยู่ตรงไหน ใครผิด หรือ ใครถูก 

ดังนั้น หากเราหรือสังคมสามารถ (ต้องใช้คำว่าสามารถ เพราะท่าจะยาก) ยุติเรื่องราวต่างๆลง ด้วยความสุขของฝ่ายต่างๆแล้ว คงเป็นเรื่องที่ดีไม่น้อย  และยุติสุข ย่อมดีกว่า ยุติธรรมอย่างแน่นอน


firefox : fire your fox เผาจิ้งจอก

เขาว่าจะทำให้ไฟฟอกเร็วขึ้นไปอีก



Got another one for all of you tweaking firefox out:

1) Ok fire up the fox biggrin.gif

Just a heads up these settings make you download sites considerably faster, BUT they put a great deal of overload on the sites you visit

2) type in "about:config" the address bar and then hit enter

You'll see a whole load of options here you will need to change some of the values.
These ones:

network.http.max-connections = 64
network.http.max-connections-per-server= 20
network.http.max-persistent-connections-per-server= 10
network.http.pipelining = true
network.http.pipelining.maxrequests = 100 or 200 (choose one)
nglayout.initialpaint.delay = 0
network.http.request.max-start-delay = 0


if you can't find "nglayout.initialpaint.delay" your going have to make it. Just right click and hit new integer.

network.http.max-persistent-connections-per-proxy = 10
network.http.proxy.pipelining = true
network.http.proxy.version = 1.0


now close down firefox and start it up again.

Now Firefox will burn up the web biggrin.gif




http://www.astahost.com/info.php/tweak-firefox_t2199.html

วันเสาร์, มิถุนายน 28, 2551

เมื่อมอไซต์ปะทะเบนซ์แบบประนีประนอม

ผลจะลงเอยอย่างไรรือ



เมื่อคืนขี่รถกลับบ้าน ผ่านหน้าโรงแรมแห่งหนึ่ง แล้วมีอุบัติเหตุเฉี่ยวชนกับรถเบนซ์ที่จะเข้ามาทานอาหารในโรงแรม
(รูปการณ์และความเสียหาย ไม่ขอพูดถึงครับ เอาเป็นว่าผมไม่บาดเจ็บอะไร)


เหตุการณ์ต่อจากนั้นคือ  ต่างคนต่างจอดรถลงมาคุยกัน ผมไปคุยว่ามันเป็นอุบัติเหตุไม่ตั้งใจ  ส่วนเค้า(มากันสองคน)ก็ค่อนข้างโล่งอกที่ผมไม่เป็นอะไร (ตอนเฉี่ยวผมคิดแวปขึ้นมาในใจว่า จะลงพื้นท่าไหนดีละเนี่ย)

 
เค้าบอกว่ากำลังจะเข้ามาหาอะไรกินในนี้ ระหว่างนั้นเค้าโทรเรียกประกัน   ประกันคงบอกให้เค้ายึดใบขับขี่ผม  และเค้าบอกคงต้องเสียเวลารอประกัน ผมบอกไม่ต้องยึดหรอก ผมไม่หนีไปไหน เดวไปนั่งรอเป็นเพื่อนก็ได้


สรุปก็คือ เข้าไปหาอะไรดื่มกันสามคน เค้าเลี้ยงเครื่องดื่มผม แถมจะให้ยิมมือถือโทรกลับไปบอกที่บ้านที่กลับช้า
นั่งคุยกันไป ดื่มกันไปรอประกัน คุยเรื่องงานการ บ้านเมือง เศรษฐกิจ การเมือง ค่าเงินบาท จนประกันมา


ประกันแสนดีมาดูรถสอบถามเหตุการณ์ แล้วกล่อมจนผมคิดว่า ผมน่าจะเป็นฝ่ายผิดมากกว่า (มาตรา 40 รถหลังต้องระวังรถหน้า)   เอาละ  "ผมผิดเอง" ยืดอกกล่าวออกไป  แล้วยังไงต่อดี


-คู่กรณีผมประวัติการขับรถดี ไม่เคยชนมาก่อน และไม่อยากให้เสียประวัติเพราะมีผลกับเบี้ยประกัน (และผมไม่อยากให้เค้าเสียอะไร)
-ผมไม่อยากเสียเงินมาก แต่พร้อมรับผิดชอบ   แต่ขึ้นชื่อว่า "เบนซ์" แพงแน่นอน (เค้าซ่อมห้าง ไม่ซ่อมอู่)
-ประกัน ประเมินราคาซ่อมแล้ว บอกตัวเลขมาระดับซื้อกล้องคอมแพคดีดีได้ตัวหนึ่งทีเดียว (เค้าว่า ห้างคงเปลี่ยนอะไหล่ใหม่ ไม่มาเคาะพ่นสีเหมือนอู่  ราคาจึงสูง)



ทางออกที่เป็นไปได้ที่สุด คือผมจ่ายค่าเสียหายส่วนหนึ่งให้บริษัทประกัน แล้วได้ใบยอมความมาใบนึง เป็นอันจบเรื่อง

ประเด็นคือ จ่ายเท่าไหร่ดีที่สุด  ประกันถามว่า พี่ไหวเท่าไหร่ ให้ผมเสนอตัวเลขมาก่อน ผมก็บอกออกไป  ประกันโทรปรึกษาหัวหน้า หัวหน้าบอกขอครึ่งนึงราคาซ่อม ซึ่งสูงกว่ากว่าที่ผมเสนอไปเกือบเท่าตัว


ผมมองหน้า ประกันที   มองหน้าคู่กรณีที่แสนสุภาพทั้งสองคนที มองนาฬิกาที โอ้ดึกแล้ว รีบกลับบ้านไปนอนดีกว่า
เอาละ ผมจ่ายก็ได้ขอให้จบตรงนี้ โดยคู่กรณีผมไม่เสียประวัติ และต้องไม่มีการเรียกร้องอะไรหลังจากนี้อีก



ระหว่างที่ประกันเขียนเอกสารยอมความ คู่กรณีแสนสุภาพทั้งสองเรียกผมไปคุยอีกมุมหนึ่ง  บอกว่าเค้าไม่คิดว่ารูปการณ์จะออกมาแบบนี้และไม่คิดว่าผมจะต้องเสียเงินให้ประกันเยอะเช่นนี้ เค้าขอช่วยเหลือผมโดยช่วยจ่ายให้ในส่วนที่เกินจากที่ผมเสนอไปในครั้งแรก พอจะเอ่ยปากว่าไม่ต้อง เค้าก็บอกว่ารับไปเถิด ผมทำได้แต่รับมาและขอบคุณเค้า


คู่กรณีแสนสุภาพเดินจากไปแล้ว  โดยก่อนจากผมเอ่ยปากขอโทษอีกครั้ง ที่ทำให้เสียเวลา เสียบรรยากาศการมาหาอะไรกินที่โรงแรมหรูๆของเค้า





เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า  ขนาดคนรถเฉี่ยวกัน ก็นั่งดื่มนั่งคุยช่วยเหลือกันได้

แล้วคนอื่นๆ แค่ไม่ถูกใจกันด้วยเรื่องของคนอื่น จะมาโกรธเกลียดกันทำไม  คนไทยด้วยกัน อย่าทะเลาะกันเล้ย



มล.
1.ประกันบอกว่า พี่น่าจะทำประกันชั้นสามนะ สำหรับมอไซต์ อืม รับไว้พิจารณา
2.ขับรถช้าๆ ชีวิตยืนยาว slow down please

วันอังคาร, มิถุนายน 24, 2551

เค้าว่า เราสามารถไปดู css เก่าที่เราเพิ่งแก้ไขได้

ช่วงนี้ มัลติพลายทำโน่นทำนี่มากไปหน่อย  ทำให้ระบบเจ๊งๆ  css ที่ปั้นแต่งไว้ หากทำการแก้ไขในช่วงนี้ก็เกิดเดี้ยงแปลกๆขึ้นมา

ถ้าเราได้เซฟ css ไว้เป็นระยะๆ คงไม่เป็นไร    แต่ถ้าไม่ได้เซฟก็ เห้อ

แต่มีคนเขาบอกมาว่า เราสามารถเข้าไปหาดู css เดิมของเรา ก่อนการเปลี่ยนแปลงแก้ไขได้ครับ

วิธีคือ

เข้าไปดู page source  ของมัลติพลายเรา

แล้วมองหา บรรทัดนี้ ประมาณบรรทัดที่10
<link rel="stylesheet" type="text/css" href="http://ชื่อเรา.multiply.com/style-custom/ชื่อเรา/ตัวเลข/custom.css">

เสร็จแล้วก้อปปี้  ตรงนี้มาครับ
http://ชื่อเรา.multiply.com/style-custom/ชื่อเรา/ตัวเลข/custom.css

แล้วลดตัวเลขลง 1ตัว เช่น 79 ก้อเป็น 78

ลองเข้าไปดูตามลิ้งค์ที่เราลดตัวเลขลงแล้ว ก็น่าจะเห็น css เดิมของเราก่อนการแก้ไขครับ




มล.
1.ผมลองดูแล้ว ลดตัวเลขแล้วไม่เห็นความแตกต่างของ cssครับ อาจเป็นไปได้ที่ผมอาจไม่ได้แก้ไข css ในช่วงนี้ หรือวิธีนี้อาจจะไม่เวิร์ค หุหุ
2.อ่านที่ผมเขียนแล้วไม่รู้เรื่อง ตามไปอ่านที่นี่ครับ http://multiplydesign.multiply.com/journal/item/248/Getting_an_older_version_of_your_Custom_CSS

วันจันทร์, มิถุนายน 23, 2551

ร่างสัญญาแบบต่างๆ

  มี 400 กว่าแบบ

แปะไว้เผื่อยามจำเป็นหยิบใช้ใกล้ตัวครับ

มีอยู่หนึ่งวันที่เราทำอะไรกับมันไม่ได้

วันก่อนไปอ่านเพาเวอพ้อนึงที่แปลมาจากภาษาอังกฤษแวบๆ

ได้ความว่า มีอยู่สองวันที่เราทำอะไรกับมันไม่ได้ 

คือเมื่อวานนี้ (วันที่ผ่านมาแล้ว) และวันพรุ่งนี้ (วันที่ยังมาไม่ถึง)

ฉะนั้น ทำอะไรก็ให้คิดถึงวันนี้ คิดว่าจะทำอะไร ทำให้ได้แค่ไหน และทำเต็มที่ (รักใครก็ให้รักวันนี้ให้มากที่สุด)

อ่านแล้วก็ให้รู้สึกชอบใจ เข้าใจง่ายดี  แบ่งเป็นแค่สามวัน

แต่อีกใจนึง มันมีความเห็นแย้ง แย้งว่า

วันข้างหน้ายังมาไม่ถึงเราทำอะไรกับมันไม่ได้  แต่เราเตรียมได้นี่ ทำวันนี้เพื่อเตรียมให้วันหน้า

วันที่ผ่านมาแล้ว เราย้อนกลับไปทำอะไรไม่ได้ แต่เราใช้เป็นบทเรียนที่มีประโยชน์ในวันนี้ได้นี่นา



ดังนั้น เมื่อเราสามารถมีเอี่ยวทั้งในวันที่ผ่านมาแล้วและวันที่ยังมาไม่ถึง ผมจึงคิดว่าน่าจะลดเวลาลงจากสองวันที่ทำอะไรไม่ได้   ลงอย่างละครึ่งวันละกัน     รวมกันแล้ว เป็นหนึ่งวันที่ทำอะไรไม่ได้


(แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น คิดต่อยอดไปแล้ว ทั้งการคิดถึงบทเรียนในอดีต และเตรียมความพร้อมในอนาคต เราก็ทำแต่เฉพาะวันนี้นี่นา  เอ  รึจะคงไว้เป็น สองวันเหมือนเดิมดี)


งง มะ หุหุ




วันอังคาร, มิถุนายน 17, 2551

วิธีแก้ไขเมื่อภาพกลายเป็นสีขาว thumbnail white not show pic

learning by doing



chalvarit wrote today at 11:16 AM
รบกวนหน่อยครับ พอดีอัพภาพใหม่เพิ่มจากอัลบัมเดิมแล้วภาพเก่าที่มีคนคอมเม้นมันไม่โชว์ภาพอ่ะครับต้องทำไงดี จะชมภาพได้ก็ต่อเมื่อต้องกดเข้าไปจะคอมเม้นอ่ะครับ แต่รูปที่เพิ่งอัพใหม่โชว์นะครับ รบกวนช่วยตรวจสอบด้วยครับ หรือว่าจะเป็นที่เนต แต่อัลบัมอื่นที่มีภาพคลิกเข้าไปก็โชว์หมดนะครับ ยังไงก็ช่วยดูให้ด้วยนะครับ อัลบัม Ligth in dark waY ครับ

notbirth wrote today at 11:34 AM
ครับ

notbirth wrote today at 11:44 AM
chalvarit said
ภาพไม่โชว์.....คลิกที่รูปเลยนะครับ..
ลองแก้ไขดูนะครับ
1. ย้ายรูปไปมา ลากรูป (รึลองย้ายอัลบั้ม อันนี้ไม่รู้ว่าคอมเม้นจะตามไปไหม)
2. ลองแก้ไข เฟรมของรูป

ถ้าลองแล้วไม่เวิค แจ้งผู้ดูแลระบบครับ help help
http://multiply.com/info/inquiry


chalvarit wrote today at 11:52 AM
ขอบคุณมากมากครับ.....ลองแล้วครับแต่ยังไม่ขึ้นเลยอ่ะครับ แต่ยังไงก็ขอบคุณมากนะครับ


notbirth wrote today at 11:54 AM
แหะๆ

notbirth wrote today at 11:50 AM
ลองเพิ่มนะครับ
ลองแก้ไข พลิกรูป ซ้ายที แล้วเซฟ ขวาทีแล้วเซฟ
ลองเปลี่ยนกลับไปใช้ default theme (เซฟตีมนี้ไว้ก่อน เดี๋ยวค่อยกลับมาใช้)


chalvarit wrote today at 4:19 PM
ยังไม่ได้เลยครับทำตั้งแต่เช้าจนถึงตอนนี้ล่ะเลยลองส่งไปทางลิงค์ที่แนะนำมาอ่ะครับ แล้วนานเปล่าครับกว่าผู้ดูแลมัลติพายจะแก้ไขให้อ่ะครับ


notbirth wrote today at 4:26 PM
อยากลองเข้าไปช่วยแก้ไข แต่กลัวทำเจ๊ง รับผิดชอบไม่ไหว อิอิ
ส่วนความช่วยเหลือนั้น คงตามมาในไม่ช้า หรือท่าไม่มาก็คงขอให้ช่วยซ้ำ
สุดท้าย ของท้ายสุด ถ้าทำไรไม่ได้ ก้อ ทำลิ้งภาพเองเลยครับ ลิ้งใส่รูป ชิวๆ


chalvarit wrote today at 7:24 PM
แวะมาบอกกล่าวครับ หายแล้วครับโอ๊วหลังจากทำมาทั้งวัน สรุปก็แค่หมุนภาพครับแล้วหายเลย โอ๊วดีใจจัง ขอบคุณมากครับ


notbirth wrote today at 8:12 PM
โอ้ว ยอดที่ซู้ด ดีใจด้วย

เดวไปบอกคนอื่นด้วย ขอบคุณที่ช่วยลอง


ปวดศีรษะ อาการที่เป็น ๆ หาย ๆ

ใครปวดหัวบ่อยๆ ยกมือขึ้น แล้วลองอ่านๆดูนะ  (ดีจังเราไม่เป็น)




ปวดศีรษะ อาการที่เป็น ๆ หาย ๆ

ทีมอายุรแพทย์ระบบประสาทวิทยาโรงพยาบาลวิภาวดี

 

เนื้อเยื่อสมองไม่เคยปวด เพราะเนื้อเยื่อสมองไม่มีตัวรับความเจ็บปวด ฟังดูไม่น่าเชื่อ

โดยเฉพาะเมื่อคนเรายังรู้สึกปวด ศีรษะได้ตลอดเวลา

 

อาการปวดศีรษะเป็นอาการป่วยที่พบในรายงานแพทย์มากที่สุด น้อยมากที่พบว่าอาการปวดศีรษะส่อเค้าถึงการเป็นโรคร้ายแรงบางอย่าง

 

อาการปวดศีรษะประมาณร้อยละ 95 เป็นอาการปวดที่ไม่พบโรคอะไรผิดปกติ ลักษณะนี้เรียกว่า อาการปวดศีรษะปฐมภูมิ ซึ่งมีหลากหลายลักษณะแตกต่างกันไป นักวิจัยเองยังไม่แน่ใจว่าการปวดศีรษะเกิดจากอะไร และเรากำลังเฝ้าคอยคำตอบนั้นอยู่ การปวดศีรษะประเภทต่าง ๆ

 

เราสามารถแบ่งลักษณะอาการปวดศีรษะปฐมภูมิออกได้เป็น 3 ประเภท

แต่หลายคนอาจปวดศีรษะหลาย ๆ ประเภทพร้อมกันได้


การปวดศีรษะเหตุจากความเครียด

พบในผู้ที่มีอาการปวดศีรษะปฐมภูมิทั้งหมด 9 ใน 10 ราย

พบในผู้หญิง และผู้ชายเท่าๆกัน

มีอาการค่อย ๆ ปวด ปวดตื้อ ๆ เหมือนถูกกดหรือรัดอยู่ที่คอ หน้าผาก หรือศีรษะ

 

การปวดศีรษะไมเกรน

พบในผู้มีอาการปวดปฐมภูมิประมาณร้อยละ 6 • พบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชายสามเท่า

อาการมักจะเริ่มปรากฏในวัยรุ่นมากกว่าในคนที่อายุเกิน 40 ปีไปแล้ว

อาการนำ คือ การมองเห็นที่ผิดปกติ มีอาการปวดแปลบที่ใบหน้าข้างใดข้างหนึ่ง

เจ็บแปลบตามร่างกายหรือมีความอยากอาหารบางชนิดอย่างรุนแรง

 

การปวดศีรษะเฉพาะที่

มีอาการปวดบริเวณรอบดวงตาข้างใดข้างหนึ่งตลอด มักจะเกิดเป็นช่วง ๆ และเป็นช่วงเวลาเดียวกันเสมอในแต่ละวัน

ตาแดง น้ำตาไหล และมีอาการคัดจมูกข้างเดียวกัน

เป็นอาการที่เกิดขึ้น ตามเวลาและสัมพันธ์กับอากาศและแสงสว่างที่เปลี่ยนไป

พบบ่อยในผู้ชาย โดยเฉพาะผู้ที่สูบบุรี่จัดและดื่มจัด

แพทย์อาจวินิจฉัยผิดว่า เป็นการติดเชื้อในโพรงอากาศหรือเป็นโรคฟัน

 



ทฤษฏีปวดศีรษะแนวใหม่

นักวิจัยกำลังมุ่งความสนใจไปที่วิถีของเส้นประสาทไทรเจมินัล และสารเคมีในสมองชื่อ ซีโรโตนิน ที่พวกเขาคิดว่าเป็นสาเหตุของอาการปวดศีรษะอย่างรุนแรง

การปวดศีรษะอาจเป็นผลมาจากการเสียสมดุลของสารเคมีในสมอง กล่าวคือ เมื่อปวดศีรษะ ระดับซีโรโตนินในสมองจะลดต่ำลง ทำให้เกิดการกระตุ้นผ่านเส้นประสาทไทรเจมินัลไปยังหลอดเลือดที่เยื่อหุ้มสมองด้านนอก ส่งผลให้หลอดเลือดขยายตัวจนบวมและอักเสบ เมื่อสมองรับสัญญาณ เจ็บปวด

ผลก็คือ อาการ ปวดศีรษะนั่นเอง

 

การดูแลรักษาตนเอง


อาการปวดศีรษะเหตุความเครียดเป็นครั้งคราว

อันดับแรก ลองใช้วิธีนวดประคบด้วยความร้อนหรือความ

เย็น อาบน้ำอุ่นพักผ่อนหรือใช้วิธีผ่อนคลาย ถ้ายังไม่ได้ผล ให้กินแอสไพริน (สำหรับผู้ใหญ่เท่านั้น) หรืออะเซตามิโนเฟน หรือไอบูโปรเฟน การออกกำลังกายเบาๆปริมาณต่ำ อาจทำให้อาการปวดศีรษะดีขึ้น

 ประคบด้วยความร้อนหรือความเย็น



อาการปวดศีรษะซ้ำซาก

 บันทึกการปวดศีรษะที่เกิดขึ้นในแต่ละวัน โดยระบุรายละเอียดต่างๆ ดังนี้

ความรุนแรง ปวดแบบทำอะไรไม่ได้เลย หรือแค่น่ารำคาญ

ความถี่และระยะเวลาที่ปวด เริ่มปวดศีรษะเมื่อไร ปวดแบบค่อยเป็นค่อยไปหรือปวดทันที ปวดเวลา

เดียวกันทุกวัน ปวดทุกเดือนหรือเฉพาะบางฤดูเป็นอยู่นานเท่าไร และต้องทำอย่างไรถึงจะหาย

อาการอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง มีอาการเตือนหรือไม่ คลื่นไส้หรือเวียนศีรษะหรือเปล่า มองเห็นภาพเป็นสีวูบวาบหรือเป็นจุดดำ หรืออยากอาหารบางอย่างก่อนปวดศีรษะหรือไม่

ตำแหน่งที่ปวด ปวดศีรษะข้างเดียว ปวดที่กล้ามเนื้อคอหรือปวดรอบๆดวงตา

ประวัติครอบครัว สมาชิกคนอื่นปวดเหมือนๆ กันหรือเปล่า

สิ่งกระตุ้นเร้า ปวดศีรษะเพราะกินอาหารบางชนิด หรือทำกิจกรรมบางอย่างหรือไม่ สภาพภูมิอากาศ เวลา หรือสภาพแวดล้อมต่างๆมีผลอย่างไรหรือไม่ หากมีควรหลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้นเร้าให้มากที่สุดและอาจต้องปรับวิถีการใช้ชีวิตบางอย่าง

 นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอและออกกำลังกายพอสมควร

 



อาการปวดศีรษะไมเกรนโดยเฉพาะ

คนที่ปวดศีรษะไมเกรน ถ้ารีบรักษาจะหายเร็ว กินยาแก้ปวด เช่น อะเซตามิโนฟน ไอบูโปรแฟน หรือแอสไพริน (สำหรับผู้ใหญ่เท่านั้น) ตามขนาดที่แพทย์แนะนำ บางคนอาจบำบัดด้วยการนอนในห้องมืดหรือดื่มเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน (กาแฟหรือโคล่า) พบแพทย์

 



     ถ้าใช้วิธีดูแลรักษาตนเอง 1-2 วัน แล้วอาการปวดยังไม่ดีขึ้น ควรไปพบแพทย์

แพทย์จะตรวจวินิจฉัยได้ว่า เป็นอาการปวดศีรษะชนิดใด มีสาเหตุจากอะไร

และจะพยายามตัดต้นเหตุที่ไม่เกี่ยวข้องออกไป ผู้ป่วยอาจต้องตรวจร่างกายเพิ่มเติม

แพทย์จะสั่งยาแก้ปวดขนาดใดขนาดหนึ่ง ให้ เพื่อระงับอาการปวดชนิดที่แพทย์วินิจฉัยได้

ซึ่งยาระงับอาการปวดแต่ละชนิดจะมีสรรพคุณระงับอาการปวดศีรษะบางอย่างโดยเฉพาะ

ซึ่งไม่เหมือนกัน สำหรับผู้ที่มีอาการปวดศีรษะไมเกรนขั้นรุนแรงแพทย์อาจสั่งซูมาทริปแทนหรือยาตัวอื่นๆ

ให้ผู้ป่วยซูมาทริปแทนจะทำหน้าที่เหมือนซีโรโตนินสารเคมีในสมองชนิดหนึ่งถ้าเป็นไมเกรนบ่อยๆ
แพทย์อาจจ่ายยาป้องกันให้กินทุกวัน

 


ข้อควรระวัง

อย่ามองข้ามอาการปวดศีรษะที่หาสาเหตุไม่ได้ควรรีบไปพบแพทย์ทันทีถ้าหากอาการปวดศีรษะ

เกิดขึ้นอย่างรุนแรงในทันที

เกิดพร้อมอาการไข้ คอแข็ง เป็นผื่น สับสน ชัก เห็นภาพซ้อน อ่อนเพลีย ชา หรือพูดลำบาก

เกิดจากการเจ็บคอหรือการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ

รุนแรงขึ้นหลังจากได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะหกล้ม หรือถูกกระแทก

ไม่เคยเป็นมาก่อน และผู้ป่วยอายุมากกว่า 55 ปี

 


ไม่อยากปวดศีรษะ

การกิน การดื่ม หรือการทำกิจกรรมบางอย่าง มีส่วนทำให้คุณปวดศีรษะหรือเปล่า

คนที่ไม่อยากปวดศีรษะควรหลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้นเร้าเหล่านี้ ซึ่งแตกต่างกันไปในแต่ละคน ที่พบบ่อยคือ

แอลกอฮอล์ ไวน์แดง

การสูบบุหรี่

ความเครียด หรืออาการอ่อนเพลีย

สายตาล้า

การมีกิจกรรมทางเพศ หรือการออกกำลังกายต่างๆ

การวางท่าทางของร่างกายที่ไม่ถูกต้อง

เปลี่ยนเวลานอน หรือเปลี่ยนเวลาอาหาร

อาหารบางชนิด เช่น อาหารหมักดอง  กล้วย กาเฟอีน เนยแข็งที่ทิ้งไว้นาน   ช็อกโกแลต ผลไม้ประเภทส้มและมะนาว สารปรุงแต่งอาหาร     (โซเดียมไนไตรตในฮ็อตด็อก ไส้กรอก เนื้อวัว ผลชูรสในอาหารสำเร็จรูป )และเครื่องปรุงรสอื่นๆ ถั่วและเนยถั่ว พิซซ่า
 ลูกเกด ขนมปังที่ใส่เชื้อหมักให้ฟู

สภาพภูมิอากาศ ระดับความสูงของภูมิประทศหรือการเดินทางข้ามเขตเวลาที่ต่างกันมากๆ

การเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมนในรอบประจำเดือน หรือการหมดประจำเดือน

การกินยาเม็ดคุมกำเนิด หรือการบำบัดด้วยฮอร์โมนทดแทน

แสงจ้าหรือแสงกะพริบ

กลิ่นจากน้ำหอม ดอกไม้ หรือน้ำมันรถ

มลภาวะในอากาศ หรือห้องที่อยู่กันอย่างแออัด

เสียงที่ดังมากเกินไป

 

การดูแลเด็ก เด็กโตและผู้ใหญ่มักปวดศีรษะซ้ำซากแต่น้อยมากที่จะส่งเค้าถึงโรคร้ายแรงบางอย่าง

การปวดศีรษะอาจสัมพันธ์กับโรคติดเชื้อไวรัสหลายชนิดแต่ถ้าเด็กปวดศีรษะบ่อยๆทั้งที่สุขภาพปกติ

ควรปรึกษาแพทย์

 

เด็กบางคนอาจปวดศีรษะไมเกรนหรือมีแนวโน้มปวดศีรษะไมเกรน ถ้าคนในครอบครัวมีประวัติเป็นมา

ก่อน อาการคือ เด็กมักจะอาเจียน ตาสู้แสงไม่ได้และอยากนอนตลอดเวลา แต่จะดีขึ้นเองภายใน 2-3

ชั่วโมง เด็กอาจจะปวดศีรษะเพราะความเครียดที่โรงเรียน มีปัญหากับเพื่อนหรือครอบครัว

หรือเป็นผลจากการใช้ยาบางชนิด โดยเฉพาะยาแก้คัดจมูก

 

ถ้าคิดว่าเป็นการปวดศีรษะเหตุความเครียด ให้ลองวิธีบำบัดโดยไม่ใช้ยา

แต่ถ้าเป็นบ่อยๆคุณต้องช่วยเด็กบันทึกอาการปวดศีรษะเป็นประจำทุกวัน

อาจต้องให้กินอะเซตามิโนเฟน หรือไอบูโปรเฟนบ้าง แต่ไม่ควรใช้ต่อเนื่องเป็นเวลานาน

เพราะยาอาจปกปิดสาเหตุอาการของโรคที่แท้จริง

 

ถ้าเด็กปวดศีรษะอยู่นานไม่ยอมหายหรือปวดทันทีทันใดโดยไม่มีเหตุสมควรหรือปวดมากขึ้นเรื่อยๆควรปรึกษาแพทย์ รวมถึงกรณีปวดศีรษะเพราะหูติดเชื้อ ปวดฟัน เจ็บคอจากการติดเชื้อ

 

สเตปโตคอคคัสหรือเชื้ออื่นๆ ด้วย และที่สำคัญควรแจ้งให้แพทย์ทราบด้วย ถ้าบุคคลในครอบครัวเคยมีปร

ะวัติปวดศีรษะไมเกรนมาก่อน เพื่อให้ตรวจวินิจฉัยง่ายขึ้น

 

กาแฟกับเรื่องปวดศีรษะ

ฤทธิ์กาแฟทำให้หลายคนปวดศีรษะในตอนเช้าจริง โดยเฉพาะคนที่ดื่มกาแฟมากกว่า 4 ถ้วย ต่อวันเป็นประจำ และถ้าหยุดไปหนึ่งวันจะมีอาการถอน (คือปวดศีรษะ) ทันที การปวดศีรษะบางอย่างจะทุเลาลงได้ถ้าดื่มกาแฟ เพราะฤทธิ์ของกาแฟจะทำให้หลอดเลือดที่ขยายตัวอยู่หดลงชั่วคราวเพราะฉะนั้นสำหรับผู้ใหญ่

ถ้ากินแอสไพรินหรืออะเซตามิโนเฟนแล้วยังไม่หายปวดศีรษะให้ลองกินยาที่มีส่วนผสมของกาแฟอีนแทน

แต่ไม่ควรมากเกินไป การได้รับกาแฟอีนมากๆ จะทำให้กระวนกระวาย หัวใจเต้นเร็ว

เหงื่อออก และแน่นอนจะกลับมาปวดศีรษะอีก เพราะอาการ ถอนนั่นเอง

ผู้หญิงนะค่ะ.คอม

วันจันทร์, มิถุนายน 16, 2551

รายได้ไม่เพิ่ม มาลดรายจ่ายกันเถิด

หั่นค่าใช้จ่ายสไตล์ "กำพล อัศวกุลชัย"

 
                                                                                                                                                  

 ตัด..ฉับ..ฉับ หั่นค่าใช้จ่ายสไตล์ "กำพล อัศวกุลชัย"                                                           

 ยุคข้าวยากหมากแพงแบบนี้ ใครๆ ก็อยากให้มีรายได้วิ่งให้ทันค่าใช้จ่ายกันทั้งนั้น แต่ในโลกแห่งความเป็นจริง ช่างเป็นเรื่องยากเสียเหลือเกิน                                           

                                                                 

 วันนี้ "กำพล อัศวกุลชัย" ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ บลจ.ไทยพาณิชย์ จะมาแนะนำวิธีที่จะช่วยลดความอ้วนของรายจ่ายลงไปบ้าง เพื่อให้ทุกคนมีเงินเหลือพอให้

 เก็บออมกันมากขึ้น ในยามที่ข้าวของปรับราคาขึ้นตั้งมากมาย กำพล ได้แนะ 10 วิธีเพื่อลดค่าใช้จ่ายที่สามารถหั่นและตัดได้อย่างที่บางทีหลายคนก็นึกไม่ถึง                                 

                                                                                                                                                   

                                                                                                                                                  

 1. ค่าโทรศัพท์มือถือ                                                                                         

 ค่าโทรศัพท์มือถือเป็นอย่างแรกที่กำพลบอกว่าทุกคนควรจะหันมาพิจารณาลดค่าใช้จ่าย เพราะค่าโทรศัพท์มือถือนี้ค่อนข้างแพงเอาการอยู่ และที่สำคัญคือตอนอยู่บ้าน หรือออฟฟิศก็ไม่คุยกับเพื่อน พอออกจากบ้านหรือออกจากออฟฟิศ ทีไรเป็นต้องหยิบโทรศัพท์มือถือ มาคุยกันเหลือเกิน ถ้าเลิกโทรไม่ได้ ก็เลือกโปรโมชั่นให้สอดคล้องกับลักษณะการใช้ของเรา บางคนไม่เคยดูโปรโมชั่นเลย ทั้งๆ ที่มีโปรโมชั่นที่มีค่าโทรถูกมาก ลองเลิกและเลือกโปรโมชั่นดี ๆ ก็ช่วยลดค่าใช้จ่ายได้                                                                                                

                                                                                                                                          

 2. ค่าฟิตเนส                                                                               

ก่อนที่จะตัดสินใจต่อโปรแกรมฟิตเนสในแต่ละปี ลองทบทวนดูว่าปีที่ผ่านมาคุณไปใช้บริการจริงๆ จังๆ กี่ครั้ง คุ้มไหม หรือถ้าไปบ่อยๆ ก็ดี                                                 

 แต่ที่สำคัญลองทบทวนดูว่าหากเปลี่ยนสถานที่มาออกกำลังกายตามสวนสาธารณะบ้าง ไม่มีค่าใช้จ่ายด้วย แถมยังเปลี่ยนสถานที่ออกกำลังกายได้อีก                                          

                                                                                                                  

 3. ค่าเคเบิลทีวี      

 คุณเคยทราบหรือไหมว่า เดือนๆ หนึ่งได้ดูเคเบิลทีวีบ่อยแค่ไหน บางคนดูฟรีทีวีผ่านเคเบิลทีวีอีกต่างหาก ก็เสียค่าใช้จ่ายแต่ละเดือนเยอะมาก แต่หากดูเคเบิลทีวีติดซะแล้ว ลองเลือกแพ็คเกจที่สอดคล้องกับช่องที่คุณต้องการดูก็ได้ บางทีค่าใช้จ่ายส่วนนี้ของคุณอาจลดลงมาก หรือถ้าจะลองหันมาดูฟรีทีวีกัน ก็ลดค่าใช้จ่ายได้เยอะเลย                            

                                                                                                                                                   

                                                                                                                                                  

 4. ค่ากาแฟ                                                                                                                                                         

 ตรงนี้หลายคนอาจจะบอกว่าเลิกไม่ได้ กำพล ออกตัวว่าเขาก็เป็นอีกคนหนึ่ง ที่ยังไม่ได้เลิกกาแฟ แต่ก็พยายามลดกาแฟลง โดยเฉพาะลดเหลือวันละแก้วก็พอ ไม่ต้องดื่มกาแฟทุกมื้อ เพราะนอกจากไม่่เป็นผลดีต่อสุขภาพแล้ว ที่สำคัญกาแฟของต่างประเทศก็แสนจะแพง                                                                                                  

              


 คุณอาจลองเปลี่ยนรสนิยมมาดื่มกาแฟแบบไทยๆ บ้าง ก็จะช่วยลดค่าใช้จ่ายได้มากโขทีเดียว จากราคาแก้วละร้อยกว่าบาทเป็นไม่เกินสามสิบบาท ก็แก้ง่วงได้เหมือนกัน แต่เสียอย่างเดียวคือ อาจไม่เท่เหมือนเดิม                                                                                                                                                                            

 5. ค่าอินเทอร์เน็ต                                                                                                                                                       

 ในยุคปัจจุบัน หลายๆ คนติดอินเทอร์เน็ตงอมแงมเลย ทั้งใช้เล่นเกมอินเทอร์เน็ต ใช้หาข้อมูล คุณลองทบทวนดูว่าแพ็คเกจไหนให้ชั่วโมงอินเทอร์เน็ตมากๆ ไม่หลุดบ่อย เพราะถ้าหลุดบ่อยๆ ก็ต้องเสียค่าต่อโมเด็มเพิ่มขึ้นอีก และบางครั้งคุณเป็นสมาชิกแบบต่อเนื่องจำนวนชั่วโมงก็ได้เพิ่มขึ้น และหากลดการใช้ลงก็ประหยัดชั่วโมงอินเทอร์เน็ตได้อีก ลองใช้เวลาไปหาข้อมูลที่่ "ห้องสมุดประชาชน" หรือ "ห้องสมุดมารวย" บ้างก็ได้                                                      

                                                                                                                          

 6. ค่า SMS ดาวน์โหลดเพลง และเพลงรอสาย                                                                                                                                                                                                   

 ค่า SMS ดาวน์โหลดเพลง และเพลงรอสาย แต่ละเพลงก็แพงเอาการอยู่ และบางอย่างเช่นเพลงรอสายคุณก็ไม่ได้เป็นคนฟัง แต่เสียสตางค์เอง แปลกดีเหมือนกัน ก็ลองทบทวนดูว่าคุณใช้จ่ายในเรื่องเหล่านี้มากไปหรือเปล่า ถ้ามากเกินไปก็ลดลงบ้างก็ไม่เสียหายอะไร                                                     

                                                                                                                                                   

                                                                                                                                                  

 7. ค่าแผ่น DVD หรือCD                                                                                                                              

        


 หนัง DVD กับ CD เพลงเพราะๆ นั้น เชื่อไหมถ้าคุณไปดูที่ตู้เก็บแผ่นเหล่านี้ จะพบว่ามีเยอะมากจริงๆ บางแผ่นซื้อมายังไม่มีเวลาดูเลย ก็กลัวว่าถ้าไม่ซื้อตอนนี้ก็จะอดดู แต่อยากจะบอกว่า ถ้าคุณซื้อช้าลง

 อีกสักนิด ราคาแผ่น DVD หรือ CD เหล่านี้จะลดราคาลงมาให้ซื้อในราคาที่ถูกลง หรือไม่คุณก็จัดก๊วนดู DVD หรือ CD กับเพื่อนๆ แล้วผลัดกันซื้อแล้วเวียนดูกันในก๊วน อย่างนี้ก็ลดค่าใช้จ่ายด้านนี้ได้ตั้งเยอ                                                                                                                                                

                                                                                                                                                   

                                                                                                                                                  

 8. เลิกซื้อของเพราะของแถมหรือลดราคา                                                                                                                  

      


 เรื่องจริงที่คุณเองก็น่าจะเคยเป็น คือ บางครั้งอยากได้ของแถมมากกว่าที่จะซื้อสินค้าหรือจะใช้สินค้าหลักๆ นั้นเสียอีก ซึ่งต้องบอกว่า "ของแถม" นี้จะมีผลต่อจิตใจหลายคนอย่างมาก ทั้งที่ บางทีของยังไม่จำเป็นต้องซื้อเลย หรือจะซื้อครั้งละไม่มาก แต่คุณก็ยินดีจ่ายซื้อยกโหลเพื่อจะได้ของแถม อย่างนี้ทำให้รายจ่ายของคุณไม่สม่ำเสมอ                         

 


 ที่สำคัญ "ของลดราคา" บางครั้งคุณก็ชอบซื้อมาเสร็จก็ไม่ได้ใช้งาน เพราะอารมณ์ตอนแย่งซื้อของลดราคานั้น เห็นคนมุงกันคุ้ยกระบะลดราคามันช่างเย้ายวนใจเสียเหลือเกิน ดังนั้นช่วงห้างลดราคา อย่าไปเดินเลยจะได้หักค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นออกเสียบ้าง                                                                                                    

                                                                                                                                                   

                                                                                                                                                  

 9. เลิกซื้อสินค้าตามเทคโนโลยี                                                                

 ข้อนี้ส่วนใหญ่จะเป็นผู้ชาย (ผู้หญิงหลายๆ คนก็เป็นเหมือนกัน) พวกผู้ชายจะชอบโทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่ กล้องถ่ายรูปรุ่นใหม่ที่ถ่ายได้ 10-20 ล้านพิกเซล โทรทัศน์จอ LCD                        

 เครื่องเล่น DVD รุ่นใหม่ และอื่นๆ อีกมากมาย รุ่นใหม่มาทีไร จิตใจเป็นต้องโหยหาเสียเหลือเกิน ทั้งที่ของที่มีอยู่ก็เพิ่งซื้อไปไม่เกิน 6 เดือนถึงหนึ่งปีเอง                                   

  
 ดังนั้น ลองใช้ของที่มีอยู่ให้เจ๊งสักอย่างดีไหม ลองเก็บเงินเท่าที่จะซื้อของใหม่ไว้ทุกครั้ง เชื่อไหมว่าสักสองสามปี จะมีเงินเยอะพอสมควรเลยทีเดียว                                      

                                                                                                                                                   

                                                                                                                                                   

 10. งดทานข้าวนอกบ้านลงบ้าง                                                                                                                          

หลายคนต้องทานข้าวนอกบ้านทุกวัน ทั้งที่คุณพ่อคุณแม่ที่บ้านเตรียมอาหารไว้แล้ว แต่คุณมักจะอ้างว่าไปกับเพื่อนเพื่อสังสรรค์ ก็ขอบอกว่าคุณสามารถเชิญเพื่อนๆ มาทานข้าวที่บ้านได้ แต่ก่อนสมัยอายุไม่มาก 

 เชื่อไหมว่าการทานข้าวนอกบ้านต้องเป็นวาระสำคัญๆ ทีเดียว เวลารวมญาติ หรือมีวาระที่สำคัญจึงจะทานข้าวนอกบ้าน แต่ปัจจุบันเท่าที่สังเกตคนส่วนใหญ่จะกลับกัน ทานข้าวนอกบ้านเป็นประจำแต่วาระพิเศษจึงจะทานข้าวที่บ้าน                                                                    

 ลองกลับด้านดู หันมาทำกับข้าวทานเอง นอกจากสะอาดถูกหลักอนามัยแล้ว ยังมีราคาถูกว่าอีก เอาเป็นว่าลดการทานข้าวนอกบ้าน                                            

                                                                                                                                                  

 

วันอาทิตย์, มิถุนายน 08, 2551

Can't read file header unknown file format (fixed)

เมื่อวาน โหลดรูปที่ถ่ายมาจากกล้อง olympus 550uz
โดยถอด XDcard เสียบผ่าน card reader แล้วโหลดผ่านโปรแกรม picasa
โหลดไปได้สัก 90 เปอเซนต์ เครื่องเกิดแฮงต์ขึ้นมา
เลยรีสตาร์ต ลองโหลดใหม่  ผลปรากฏว่า รูป 10 เปอเซนต์สุดท้าย เป็นสีเทา
ลองเปิดด้วย irfanview บอกว่า can't read file header unknown file format
ลองเปิดด้วย ACDsee บอกว่า Unreadable

เอาละหว่า ทำไงดี ลองค้นเนต เค้าบอกให้แก้ hex file แต่ทำไม่เป็น

เอาใหม่  ลองเสียบการ์ดเข้ากล้อง เปิดดู เฮ้ยมองเห็นนี่นา

ลองอีกวิธี  สั่งให้กล้อง แต่งรูปที่มองเห็น เพิ่มแสงเล็กน้อย แล้วเซฟเป็นไฟล์ใหม่เอามาเปิดดู ในกล้องมองเห็นแต่คอมเปิดไม่ได้เช่นเดิม  แหงะ ไม่เวิค

สุดท้าย ไปค้นกล่องกล้อง  หาสายต่อ usb มาเสียบกับกล้อง แล้วลองเปิดดูให้มันมองเห็นเป็น removable drive
yeh yureka  ในที่สุดคอมก็มองเห็นและกู้ภาพกลับมาได้


ข้อค้นพบจาก เหตุการณ์นี้
ภาพที่โหลดเสียบางภาพ  หากก้อบมาใส่การ์ด มาโหลดจากกล้อง อาจแก้ไขได้




วันจันทร์, มิถุนายน 02, 2551

จำศีล๕

คนรู้้จักเล่าให้ฟังว่าเคยฟังครูบาหนือชัย  หรือพระครูขี่ม้า

เทศน์ให้ฟังว่า รักษาศีล๕ ง่ายนิดเดียว

ทำได้ทุกคน และทำได้ทุกวันด้วย

แล้ว......จะทำได้อย่างไรละ



คำตอบก็คือ  ตอนนอนหลับ (ตอนจำศีล เหมือนกบ เหมือนหมี)

นอนหลับ เราไปฆ่าใครมั้ย
นอนหลับ เราไปลักขโมยใครได้
นอนหลับ เราไปโกหกใครรึป่าว
นอนหลับ เราไปประพฤติผิดในกามกะใครที่ไหน
นอนหลับ เราจะดื่มของมึนเมาได้อย่างไร

เห็นไหมว่า การรักษาศีล๕ เราทำได้ง่ายเพียงไหน

เมื่อไรที่รู้ตัวว่า มีแววว่าวันนั้นจะทำผิดศีล ก็เข้านอนเสีย



(แต่ถ้าเข้านอนแล้วฝันว่าได้ทำผิดศีลก็อีกเรื่องนึงน้อ  มโนกรรม ของใครก็ของใคร ห้ามกันยากส์)