วันพฤหัสบดี, มิถุนายน 30, 2554

โอกาสและอุบัติเหตุ space and time

เมื่อเช้า ขี่ไซต์ลัดเลาะริมถนน ข้างหน้ามีรถเมล์คันใหญ่ ซึ่งบังวิสัยทัศน์ด้านหน้ารถเมล์หมด

รถเมล์ไม่ได้อยู่ที่ป้าย จอดนิ่งรถติดอยู่ เราก็เลาะไปเรื่อย ด้วยความเร็วพอประมาณ

โชคดีที่ ขอบถนนแถวบ้านผมมันไม่เรียบ ไปเร็วๆก็ได้แต่สะเทือนเครื่องใน ไปช้าจะเป็นมิตรมากกว่า

สายตามองไปข้างหน้ารถเมล์ว่าจะมี ใคร อะไร โฉบออกมาไหม

ฉับพลัน นักเรียนหญิงก็โผล่มาอย่างเร็ว เดินข้ามถนน ผ่านรถเมล์ที่จอดอยู่

และไม่ได้เหลียวมองข้างหลังเลยแม้สักนิด

ด้วย space and time ของวันนี้ ผมยังไม่ได้อยู่ตรงจุดนั้น

แต่ โอกาสที่จะเกิดอุบัติเหตุ แบบนี้มันมีง่ายจริงๆ

 

ฝากบอกเพื่อนๆสอนลูกสอนหลาน ข้ามถนนอย่าข้ามตัดรถเมล์นะครับ

อยู่ใกล้รถใหญ่ที่จอดนิ่ง ไม่ใช่จะปลอดภัยนะเออ

วันศุกร์, มิถุนายน 24, 2554

ตุ๊กตาถ้าไม่ใช้ โปรดเอามาไว้ที่ รพ เด็ก ^^

http://www.facebook.com/notes/children-hospital/%E0%B8%95%E0%B8%B8%E0%B9%8A%E0%B8%81%E0%B8%95%E0%B8%B2%E0%B8%96%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B9%84%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B9%83%E0%B8%8A%E0%B9%89-%E0%B9%82%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%94%E0%B9%80%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B9%84%E0%B8%A7%E0%B9%89%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88-%E0%B8%A3%E0%B8%9E-%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B9%87%E0%B8%81-/208693745840210
ข้อความคัดลอกมาจากลิ้งด้านบนครับ

--------------------------------------------------------------------------------------------------

ตั้งแต่ที่ผมเข้ามาทำงานที่ รพ เด็ก สิ่งหนึ่งที่เห็น แล้วต่างจากห้อง ICU ของ รพ อื่นๆ อย่างมาก คือ ที่นี่มีตุ๊กตา ให้เด็กเล่นบนเตียง ตอนแรกผมก็คิดว่า มันก็คงเป็นแค่ของเล่นขำๆ สำหรับเด็กที่เริ่มตื่นตัวดีแล้ว หรือไม่ก็เป็นอะไร ที่ตกแต่งทำให้มันเหมือนเป็น รพ ของเด็ก แต่พอมาทำงานจริงๆ ก็เลยได้รู้ว่า มันคืออุปกรณ์ที่มีส่วนสำคัญ ในการ"รักษา" คนไข้อย่างมาก ผมจะลองอธิบายให้ฟังนะครับ

สมมุติ เอาว่าผู้ใหญ่อย่างเรานี่หละ ป่วย ต้องผ่าตัด ต้องเข้าพักใน ICU ลองจินตนาการสิครับ ว่าหลังจากหมดฤทธิ์ยาสลบแล้วเราตื่นขึ้นมาจะเจออะไรบ้าง ... ห้องสีขาวๆ มีพยาบาลคอยมาป้วนเปี้ยนปลุก วัดความดัน แล้วกระตุ้นเราทุก 15 นาที มีสายระโยงระยางเต็มตัว พูดไม่ได้ เพราะต้องใส่ท่อหายใจ แผลผ่าตัดก็เจ็บ....... แต่เพราะเราเป็นผู้ใหญ่ หากทีมแพทย์ได้แจ้งเราล่วงหน้าแล้วว่าเราจะต้องผ่านอะไรบ้าง ความกังวล ตกใจก็จะคลายลง แล้วเราก็เข้าใจว่า นี่คือกระบวนการรักษาอย่างหนึ่ง ...เราก็พอจะสงบลงได้

แต่ลองมานึกถึงเด็กๆสิครับ ผมยังจำได้เลย ตอนเด็กๆที่นอนกลางวัน แล้วตื่นขึ้นมาในบ้านแล้วไม่เจอใคร ผมยังร้องไห้จ้าเลย แล้วลองนึกถึงเด็กๆที่ต้องเข้า ICU สิครับ ตื่นมาเจออะไรก็ไม่รู้ ห้องขาวๆ แล้วก็มีแต่เรื่องให้เจ็บตัว... แล้วแม่หายไปไหน เจอแต่คนตัวเขียวๆ เต็มไปหมด......ถ้าเป็นแบบเบาๆก็ร้องไห้งอแง แต่ถ้าเป็นหนักมากๆ ความรู้สึกไม่ปลอดภัย ไม่สบายเหล่านี้ มันมีผลต่อร่างกาย และการดูแลผู้ป่วยอย่างมาก ชีพจรก็จะเต้นเร็วขึ้น ความดันก็ขึ้น(ตอนอยู่ใหม่ๆผมงงมาก เพราะหาสาเหตุอื่นๆก็ไม่เจอ อยู่ดีๆชีพจรกับความดันก็ขึ้น ทั้งที่การผ่าตัดก็เรียบร้อยดี) อย่างเด็กที่ผ่าสมองบางทีไม่สบายตัวมันก็ดิ้นๆ ก็ไม่รู้ว่า มีอะไรผิดปกติในสมองเพิ่มเติมหรือเปล่า......

ปกติแล้วใน รพ เด็กเนี่ย ก็จะพยายามให้แม่ได้อยู่กับลูกตลอด เพื่อลดปัญหาเหล่านี้ แต่ใน ICU มันทำไม่ได้ ก็ต้องหาวิธีอื่น ... ก็ตุ๊กตานี่แหละครับ ช่วยได้มากเลย การให้เค้าได้เล่น จับ สัมผัส อะไรที่เค้าคุ้นเคย มันทำให้เค้าหลุดออกจากห้องไอซียู ไปอยู่ในโลกส่วนตัวของเค้าได้ แล้วก็จะทำให้เค้าได้สงบลง การสังเกตุอาการ การดูแลอะไรก็ง่ายขึ้น





โดยปกติแล้ว ตุ๊กตาพวกนี้ก็มาจากการบริจาคแหละครับ เพราะหากจะสั่งซื้อโดยรัฐบาลก็คงแปลกๆอยู่ (งบเวชภัณฑ์ตุ๊กตาเพื่อหอผู้ป่วยหนัก?) แต่ตอนนี้มันก็ร่อยหรอ แล้วก็ยับเยินพอสมควรแล้วครับ เพราะบางตัวก็ผ่านการฟัดมาหลายชั่วอายุเตียง ตัวสวยๆ เด็กบางคนเล่นแล้วติด พอจะย้ายออกจากไอซียู จะไปพรากมาจากอกก็กระไรอยู่


ทวิตตี้ตาโบ๋....
ก็เลยอยากขอรบกวน พี่ๆใจดีท่านใด มีตุ๊กตาเหลือๆที่บ้านก็เอามาปล่อยที่ รพ เด็กได้นะครับ

ที่ ศูนย์ Children frienly hospital ชั้นหนึ่งตึกสยามมิน หรือ ห้องไอซียู ศัลยกรรม ชั้น 7 ตึกสถาบันสุขภาพเด็กครับ ตรงอนุสาวรีย์

http://www.childrenhospital.go.th/main2/

วันพฤหัสบดี, มิถุนายน 23, 2554

วันอาทิตย์, มิถุนายน 19, 2554

วันพุธ, มิถุนายน 15, 2554

วันจันทร์, มิถุนายน 13, 2554

ทำ USB dlink DWA-110 ให้เป็น access point

Making the access point from the dwa-110

USB dlink DWA-110  เดิมๆ ไดร์เวอร์จาก dlink จะไม่สามารถทำ access point ได้ ใน windows XP

แต่มีวิธีครับ

 

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ขั้นเตรียมของ

 ไปที่ http://www.ralinktech.com/support.php?s=1

โหลดไดร์เวอร์ usb รหัส RT257X

ขั้นปฏิบัติ

·                  ถ้าลงไดรเวอร์ d- link ไปแล้ว ให้ลบออกตามนี้ : Start -> All Programs → D-Link → D-Link Wireless G DWA-110 -> Uninstall

·                  ถ้าลบออกไม่หมดให้ไปลบที่ USB-port device computer ด้วย

·                  ลงโปรแกรม  driver Ralink ที่เราโหลดมา

·                  ลงเสร็จจะมีไอคอน ralink ที่ตรงแถบนาฬิกา  ให้คลิกขวาปิดโปรแกรมไปก่อน

·                  ขั้นต่อไป เข้าไปที่ folder C: \ WINDOWS \ inf \

·                  มองหาไฟล์  ที่เขียนว่า  oem++.inf   ++* คือตัวเลขสองหลัก เช่น 21  79   ลองดูตัวเลขหลังๆ แล้วเปิดด้วย notepad ถ้าในไฟล์นั้น มีคำบรรทักแรกว่า  rt73.inf  ก็ใช่ไฟล์ที่เรากำลังหา  ถ้าไม่ใช่ปิดไปซะ ไม่ต้องเซฟ

·                  เมื่อเปิดไฟล์ ที่หาพบแล้ว ให้แทนค่า คำนี้          148F&PID_2573    ในไฟล์นั้น  ด้วยคำนี้           07D1&PID_3C07

·                  เสร็จแล้วเซฟไฟล์ได้

·                  ให้ลบไฟล์ oem++.PNF ในโฟลเดอร์เดียวกันด้วย   ++ คือตัวเลข ที่ตรงกับ  oem++.inf    ที่เราแก้ไขเมื่อสักครู่

·                  เสร็จแล้ว ให้ก้อปปี้ไฟล์ oem++.inf   ที่เราแก้แล้ว ไปวางที่  C: \ Program Files \ RALINK \ RT7x Wireless LAN Card \ Driver \    ถ้าไม่มีโฟลเดอร์นี้ก็ให้สร้าง ซะ      ตอนก้อปปี้ไปวาง   ให้เปลี่ยนเชื่อไฟล์เป็น rt73.inf ด้วยนะครับ

·                  ขั้นต่อมา เปิดไฟล์ สามไฟล์นี้
C: \ Program Files \ Ralink \ Common \ HWID.ini
C: \ Program Files \ Ralink \ RT7x Wireless LAN Card \ SoftAP \ HWID.ini
C: \ Program Files \ Ralink \ RT7x Wireless LAN Card \ Utility \ HWID.ini

  • เมื่อเปิดไฟล์ ที่หาพบแล้ว ให้แทนค่า คำนี้          148F&PID_2573    ในไฟล์นั้น  ด้วยคำนี้           07D1&PID_3C07
  • เสร็จแล้วเซฟไฟล์ได้ ทั้งสามไฟล์

·                  ขั้นสุดท้าย เสียบ usb Dlink DWA 110  เมื่อวินโดถามหาไดรเวอร์ ก็พามาที่นี่ C: \ Program Files \ RALINK \ RT7x Wireless LAN Card \ Driver \  rt73.inf   ถ้าวินโดฟ้องว่าไม่รู้จัก ก็ "Continue Anyway".

·                  เป็นอันเสร็จขั้นตอนการลง

การใช้งาน ถ้าลงเรียบร้อย รีสตารตเครื่องซักครั้ง

จะเห็นไอค่อน ralink เมื่อจะตั้งค่าเป็น access point หรือ hotspot ก็ให้คลิกขวาแล้วเลือก Access Point mode ครับ

--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

 ขอบคุณ เพื่อนร่วมโลก ชาวรัสเซียคิดวิธีมาให้

http://brj.pp.ru/wiki/hardware/net-dlink-dwa-110

ขอบคุณ อากู๋ ช่วยแปลภาษารัสเซียให้

วันพุธ, มิถุนายน 08, 2554

ลื๊อมีร่มไม๊......

อ่านเจอมา ขอนำมาแชร์ครับ
------------------------------------------------------------------------------------------------------
 
ลื๊อมีร่มไม๊...แค่คำนี้ นิสัยผมเปลี่ยนทันที 

สมัยก่อน ผมเป็นคนที่จริงจังกับความรักมาก ทุ่มเทกับแฟน หรือสาวที่จีบแบบสุดๆ จีบก็จีบทีละคน รักใครรักจริง Take care กระจายไม่ได้กลัวตัวเองเหนื่อย ยอมประหยัดเงินสารพัด ทำงานพิเศษ ได้เงินมาเลี้ยงแฟน อะไรอย่างนั้น ฟังๆดู ก็เหมือนวัยรุ่นทั่วไปอ่ะนะครับ แต่การเรียนก็ไม่ให้เสียนะครับ ผมก็ตั้งใจเรียนด้วย เพราะสัญญากับป๊าและม้า (พ่อกับแม่)ไว้ ว่าจะเอาเกียรตินิยมอันดับหนึ่งมาให้ท่าน ซึ่งสุดท้ายก็ทำได้จริงๆ [ เก่งไม๊เล่า ขออวดหน่อย Smiley ]
แต่ยังไงก็แล้วแต่ ด้วยความที่รักแฟนมาก แน่นอน เราย่อมมีเวลาให้แฟนอย่างที่สุด

จนลืมนึกถึงคนที่รักเราและดูแลเรามาตลอดทั้งชีวิต อย่างป๊าและม้า หลายๆครั้งท่านทั้งสองก็ห่วงเรา คอยเตือนเรา เพราะคุยโทรศัพท์ก็เสร็จดึก วันธรรมดาเรียนเสร็จก็ต้องไปส่งบ้าน กลับบ้านดึกมาก ข้าวก็กินดึก กับข้าวที่ม้าทำไว้ให้ บางทีก็ไม่ได้กิน เพราะไปกินกับแฟนแล้ว วันเสาร์อาทิตย์ ก็ไปหาแฟน เก็บเงินไว้ซื้อของให้แฟน หายใจเข้าออกเป็นสาวคนนั้นเลยทีเดียว เวลามีให้แฟนมากกว่าที่มีให้ตัวเองและป๊าม้า

หลายๆครั้ง ป๊าม้าคอยเตือน เพราะท่านห่วงเราว่าจะไม่ได้พักผ่อน กลัวเหนื่อย กลัวเสียการเรียน แต่เราก็อดที่จะหงุดหงิดไม่ได้ มีปากเสียงกับท่าน ทำให้ท่านเสียใจไปก็คงไม่น้อยหล่ะ (รู้สึกผิดจริงๆ)

ทีนี้ แน่นอนว่า ความรักผม มันไม่ได้ยืนยาวหรอกครับ....และแล้ว มันมาถึงจุดสิ้นสุดของความรัก แต่ก็เป็นจุดเปลี่ยนของชีวิตด้วยเหมือนกัน....


....ช่วงใกล้ๆเลิกกับแฟน เพราะแฟนคนนี้ มีหนุ่มมาจีบใหม่ ซึ่งแน่นอน...ดีกว่าผมทุกอย่าง ยกเว้นหน้าตา 5555 (อันนี้ให้หลายๆคนตัดสินนะนั่น ไม่ได้คิดเองนะคร๊าบบบบบ).....แฟนเริ่มเปลี่ยนไป หงุดหงิดเราง่ายขึ้น ไม่คุยเหมือนเดิม ไม่ได้เที่ยวกันเหมือนเดิม แล้วยังไงดีหล่ะ เราก็เสียใจ หงุดหงิดเหมือนกัน อารมณ์แปรปรวน ว๊ากที่บ้านไปก็มีบ้าง เวลาคนที่บ้าน ป๊าม้า พี่น้องเตือนเรา ก็คนมันหงุดหงิดอ่ะนะ ทำไงได้

แล้ววันที่ทำให้ผมคิดได้ก็มาถึง วันนั้นผมทำงานที่มหาลัยเสร็จค่ำมาก หน้าฝน แน่นอน ฝนตกหนัก...ระหว่างผมนั่งรถเมล์กลับบ้าน ก็คิดถึงแฟน (ที่กำลังจะเลิกกัน) ก็เลยโทรหา บทสนทนาคร่าวๆ:-

ผม: อยู่ไหนครับ ทำอะไรอยู่ ฝนตกหนักหรือเปล่าตรงนั้น
แฟน: กำลังกลับบ้าน ตก มีอะไรก็รีบๆพูด
ผม: มีร่มไม๊
แฟน: ไม่มี
ผม: แล้วทำยังไง เดี๋ยวตากฝน ไม่สบายนะ
แฟน: ไม่เป็นไร จัดการเองได้ โตแล้ว
ผม: แล้วกินอะไรหรือยัง
แฟน: ยัง ยังไม่หิว
ผม: กลับบ้านดีๆนะ ถ้าฝนตกหนัก หาที่หลบก่อน รอฝนซาแล้วค่อยกลับ ดูแลตัวเองด้วย เป็นห่วง
แฟน: (เริ่มหงุดหงิด) อืม รู้แล้ว ไม่มีอะไรใช่ไม๊ แค่นี้นะ !! ..... แล้วก็วางหูไป

ตอนนั้น ผมอยู่บนรถเมล์แล้วนะครับ หลังจากวางหูไป ผมเสียใจมาก เพราะว่าเราหวังดี ไม่คิดว่าจะทำให้รำคาญ....และแล้ว จุดเปลี่ยนที่สำคัญที่สุดก็มาแล้ว เสียงโทรศัพท์ดังครับ......

ผม: ฮัลโหล
ป๊า: (เรียกชื่อผม) ลื๊ออยู่ไหนเนี่ย
ผม: อยู่บนรถเมล์ ป๊ามีอะไร กำลังกลับบ้าน
ป๊า: กินข้าวหรือยัง
ผม: ยังอ่ะ
ป๊า: เออๆ ที่บ้านอาม้าทำกับข้าวไว้แล้ว มี (บอกชื่อกับข้าว)
ผม: อืม
ป๊า: แถวบ้านฝนตกหนักนะ ลื๊อเอาร่มไปหรือเปล่าเนี่ย
ผม: ไม่มีอ่ะ ไม่ได้เอามา
ป๊า: อ้าว แล้วเดี๋ยวลงรถ จะทำไง จะตากฝนกลับบ้านเหรอ (จากป้ายรถเมล์ ผมต้องเดินอีกไกลกว่าจะถึงบ้าน)
ผม: อืมๆ ไม่เป็นไร เดี๋ยวลุยกลับบ้านไป แป๊ปเดียว ไม่เป็นไรหรอก
ป๊า: เออๆ เอางี๊ ลื๊อลงรถแล้วโทรหาป๊า เดี๋ยวป๊าเอาร่มไปรับ
ผม: ไม่เป็นไรป๊า เดี๋ยวเค้ากลับเอง (ผมใช้แทนตัวเองว่า "เค้า" กับป๊าและม้ามาตั้งแต่เด็กๆ...ดูเป็นลูกแหง่เนอะ)
ป๊า: เออๆ ลงรถแล้วโทรมาละกัน แค่นี้แหละ....วางหู

....สังเกตอะไรกันไม๊ครับ...

...บทสนทนาผมกับแฟน แทบจะเหมือนกับที่ป๊าพูดกับผมเลย...นั่นหล่ะครับจุดเปลี่ยน

ในขณะที่เราห่วงใครบางคน ใครก็ไม่รู้ ผู้หญิงที่รู้จักมาไม่เกิน 2 ปี รัก และพยายามดูแลทุกอย่าง จะโดนด่าให้เจ็บช้ำน้ำใจขนาดไหนก็ทนเหลือเกิน จะห่วงเค้า แล้วเค้าเห็นค่าของเราหรือเปล่าก็ไม่รู้ แต่มีชายหญิงคู่หนึ่ง รักเรามากกกกกก มากจริงๆ ถึงแม้จะไม่เคยพูดว่ารักเลย

แต่การแสดงออก มันใช่ ต้องใช่แน่ๆ มันเป็นอะไรที่พูดยาก.....เอ้ย เริ่มเป็นเพลง...เอาใหม่ๆ ...มีชายหญิงคู่หนึ่ง ก็พ่อแม่เรานี่หล่ะ รักเรามาก ไม่เคยหวังผลตอบแทน ห่วงเราได้ทุกสถานการณ์ ต่อให้เราเคยหงุดหงิด มีปากเสียงกับท่าน ถามว่าท่านโกรธไม๊....แหะๆ ก็คงมีบ้าง แต่ท่านก็ไม่ได้คิดอะไร และสุดท้ายความโกรธนั้นก็หาย และท่านก็ยังรัก หวังดี แล้วก็ห่วงเราเหมือนเดิม แต่แปลก ทำไมเราต้องไปสนคนอื่น แคร์คนอื่น ไปเสียใจ เพราะคนอื่นไม่รัก โอย ฟูมฟายกันเลยทีเดียว ตอนเลิกกับแฟนเราเสียใจให้กับคนที่เรารัก แล้วไม่รักแล้ว....

แล้วรู้ไม๊ว่า คนที่รักเราที่สุดในโลก พ่อแม่เรา เค้าเสียใจมากขนาดไหน ที่เห็นเราเสียใจ เห็นเราเป็นทุกข์ เราเคยคิดอย่างนี้กันบ้างหรือเปล่ากับคนที่เรารัก เราซื้อของให้ มีเวลาให้ ดูแลสารพัด Take care สารพัดกับคนที่รักเราที่สุดในโลก เราเคยซื้อของดีๆแพงๆให้บ้างไม๊ เคยพาท่านไปดูหนัง เคยเลี้ยงข้าวท่าน เคยดูแลท่านเหมือนนี่ทำกับแฟนไม๊
แปลกดีเนอะ....เราไปรัก แล้วก็ดูแลใครก็ไม่รู้ เพิ่งรู้จักกันแค่ไม่นานแต่คนที่เราเห็นหน้ามาตั้งแต่ลืมตาดูโลกครั้งแรก ไม่เคยคิดจะดูแล
....นี่หล่ะครับ ความคิดที่ออกมาทั้งหมด หลังจากแค่ป๊าถามว่า.... แล้วลื๊อมีร่มไม๊

ตั้งแต่วันนั้น ผมเปลี่ยนเป็นคนละคนเลยครับ ไม่สนคนอื่นแล้ว ถึงผมจะมีแฟนใหม่ ผมดูแลแฟนผม แต่แน่นอน ไม่เท่ากับที่ผมดูแลคนที่บ้าน
ผมบวชให้ป๊าให้ม้า ผมเลิกเหล้า เลิกบุหรี่ เพื่อป๊ากับม้า ---> ผมพาป๊า ม้า ไปกินข้าว กินอาหารในร้านอาหารนอกบ้านบ่อยขึ้น อยู่บ้านมากขึ้น 
(แหงหล่ะสิ ก็ถึงตอนนี้ มันโสดนี่หว่า จะให้ไปเที่ยวที่ไหน) พาป๊าม้าไปทำบุญที่วัดบ่อยเท่าที่มีโอกาส
ผมซื้อของขวัญเล็กๆน้อยๆให้ป๊ากับม้า ทุกครั้งที่ได้มาทำงานหรือดูงานต่างประเทศ ถึงแม้บางที จะทำเป็นบ่นว่าซื้อมาทำไม แพงเปลืองตังค์ แต่...แหนะ อย่ามาแอ๊บ เห็นนะว่าแอบยิ้ม และแน่นอนครับ ผมมีความสุขมากขึ้น มากขึ้นมากๆจริงๆ เพราะว่าผมเห็นคนสองคน ที่รักผมมากที่สุด และผมก็รักเค้าทั้งสองคนมากที่สุด มีความสุข
.......จบบริบูรณ์...

ขอขอบคุณทุกท่านที่อดทนอ่าน หวังว่าคงช่วยทำให้น้องๆเพื่อนๆหลายๆคน หันมารักพ่อแม่มากขึ้นนะ แล้วก็ทำใจได้เร็วขึ้น ถ้าผิดหวังจากคนรักมาอ่ะนะ..อย่าลืม
พ่อแม่มีไว้ให้รักให้ดูแลนะครับ ไม่ได้มีไว้ให้ขอเงินไปซื้อของ กับกินขนม หรือเอาไว้คอยเลี้ยงลูกของเราเท่านั้น

บุญรักษาครับ
เป็นเรื่องที่น่ารัก + ดีมากๆ บางครั้งคนที่ใกล้ตัวเรา รักเรามากๆ เรากลับมองข้ามผ่านเลยไป ลองเปลี่ยนแปลง ลองคิดใหม่เชื่อว่า ความกตัญญูเป็นสิ่งที่นำทางไปสู่ความเจริญ และดีงาม อย่างหาที่สุดไม่ได้...

_________________
คนอื่นก็คือคนอื่น ตัวเราก็คือตัวเรา คำตอบทั้งหมดของชีวิต มันอยู่ในตัวของเราเอง!
 

วันอังคาร, มิถุนายน 07, 2554

ชีวิต มันไม่ง่ายเหมือนการปลดกระดุมนี่นา


ความสำคัญของ "กระดุมเม็ดแรก"



เคยไหมที่คุณตื่นนอนยามเช้า ครึ่งหลับครึ่งตื่น สวมเสื้อราวกับคนไร้วิญญาณ


เมื่อกลัดกระดุมเสร็จแล้วก็พบว่า ชายเสื้อทั้งสองข้างไม่เท่ากัน คุณกลัดกระดุมผิดทั้งแถว!




มันเริ่มจากการที่คุณไม่รู้ว่า คุณกลัดเม็ดแรกผิด แล้วกลัดต่อไปทีละเม็ดอย่างถูกต้อง


เมื่อกลัดกระดุมเสร็จสิ้น ก็ผิดทั้งหมด




ในตัวอย่างนี้ ความไม่รู้ทำให้คุณ 'กลัดกระดุม' ผิดทั้งแถว!


เคยไหมที่คุณเก็บเนื้อในตู้เย็นนานข้ามปี จนเนื้อหมดอายุ แต่ไม่ยอมทิ้ง


เพราะเป็นเนื้อจากต่างประเทศ ราคาแพง


คุณปรุงอาหารจนเสร็จ เมื่อกินแล้วไม่อร่อยหรืออาหารเป็นพิษ




ในตัวอย่างนี้ ความเสียดายทำให้คุณ 'กลัดกระดุม' ต่อไป ทั้งที่รู้ว่าเม็ดแรกผิดรู!


เคยไหมที่คุณสมัครเรียนสายวิชาที่คุณไม่ชอบ ไม่ว่าเพราะพ่อแม่บังคับ


หรือไม่รู้จะเรียนอะไรนอกเหนือจากสายนั้น คุณสอบได้ ลงทะเบียน


เรียนผ่านไปทีละเทอม ทีละปี จนจบ คุณได้รับปริญญาบัตร


หางานที่เกี่ยวข้องกับสายวิชาที่ร่ำเรียนมา แล้วทำงานไปทีละวันๆ


ทีละเดือนๆ ทีละปีๆ จนวันหนึ่งคุณก็หมดแรง


และยอมรับว่าคุณ 'กลัดกระดุม' ผิดมาตั้งแต่เม็ดแรก




ในตัวอย่างนี้ ความละเลยทำให้คุณดันทุรัง 'กลัดกระดุม' เม็ดต่อไปทั้งที่รู้ดีว่ากลัดเม็ดแรกผิด


กระดุมเม็ดแรกสำคัญอย่างยิ่ง มันเป็นรากฐานของกระดุมเม็ดที่สอง สาม สี่...


กลัดกระดุมเม็ดแรกผิด ก็ผิดหมดทั้งแถว ผิดทั้งยวง และอาจจะผิดทั้งชีวิต!




ตึกรามบ้านช่องไม่ว่าจะออกแบบสวยงามเพียงไร


หากคำนวณฐานรากไม่ถูกต้อง วันหนึ่งก็เอียงล้ม


เด็กไม่ว่าฉลาดเพียงไร หากเอาแต่เล่นเกม ดูแต่หนังรุนแรง เอาแต่ใจตัวเอง


โตขึ้นก็อาจเป็นปัญหาภาระที่สังคมต้องแบกรับ




ซื้อรองเท้ายี่ห้อดังมาแล้ว ถึงคับก็ทนสวม ไม่นานก็ต้องแก้ปัญหาเรื่องเท้าเจ็บ


เพื่อนให้ขนมเค้กจากร้านที่มีชื่อเสียง จะให้คนอื่นก็เสียดาย


จึงฝืนกินเข้าไปทั้งที่อ้วนอยู่แล้ว ผลที่ตามมาคือร่างกายเสียหาย




คุณอาจยอมปล่อยบางปัญหาไป หลับตาข้างหนึ่งแล้วหวังว่า ปัญหานั้นจะละลายหายไปเอง


แต่ท้ายที่สุดก็ต้องแก้ปัญหานั้นอยู่ดี ทั้งยังต้องจ่ายราคาค่าแก้ปัญหามากกว่าเดิม


ไม่ว่าจะเป็นระดับปัจเจก เช่น การใช้ชีวิต การศึกษา การทำงาน ความรัก


ไปจนถึงระดับมหภาคเช่น เศรษฐกิจ สังคม การเมือง


ไม่ว่าจะด้วยความไม่รู้ ความปล่อยปละละเลย หรือความเสียดาย หรือเหตุผลใดก็ตาม


หากกลัด 'กระดุม' เม็ดแรกผิด ทุกสิ่งที่ทำถูกต้องหลังจากนั้นจะกลายเป็นผิดไป!




การแก้ปัญหาของการ 'กลัดกระดุมผิดเม็ด' นี้มีทางเดียว


คือ ปลด 'กระดุม' ทั้งหมดออกมาก่อน แล้วกลัดใหม่


การไม่รู้เป็นเรื่องหนึ่ง การรู้แล้วยังทำต่อไปเป็นอีกเรื่องหนึ่ง




หลายคนทำงานตามคำสั่งทั้งที่รู้ว่า 'กระดุมเม็ดแรก'


ไม่ตรงรูกระดุมของมัน กว่าจะรู้ตัว ก็กลายเป็นปัญหาลูกโซ่


หลายๆ ระบบในสังคมเช่น ระบบการเมือง การศึกษา ฯลฯ




ดำเนินมานานปี ทั้งที่เรามองเห็นปัญหา แต่ก็ดำเนินต่อไปทั้งด้วยความไม่รู้


ความเขลา ความปล่อยปละละเลย ด้วยความเชื่ออย่างนกกระจอกเทศว่า


มุดหัวลงดินสักพัก เดี๋ยวปัญหาก็หายไป แต่ปัญหาไม่เคยหายไป


มีแต่สะสมด้วยดอกเบี้ยทบต้น ยิ่งแก้ไขช้า ราคาแก้ไขยิ่งแพง


บางครั้งการตัดใจเข้าห้องผ่าตัดปฏิรูปตัวเองก็เป็นทางแก้ที่ถูกต้อง




ยอมตัดใจตัดวงจรเดิมนั้นทิ้ง แล้วเริ่มต้นใหม่


เพราะความเสียหายในระยะยาวน้อยกว่า ประหยัดเวลาโดยรวมมากกว่า


ทุกๆ หลายก้าวที่เดินหน้า เราควรหยุดและทบทวนดู 'กระดุม' ของเรา


หรือของสังคมว่า กลัดถูกรูไหม ถ้าไม่ก็อย่ารอช้า ปลด 'กระดุม' ทั้งหมดออกมาก่อน แล้วกลัดใหม่




วินทร์ เลียววาริณ


22
พฤษภาคม 2533




ผู้ทำผิดแล้วไม่แก้ไข กำลังทำผิดอีกครั้งหนึ่ง


ขงจื๊อ