วันพุธ, เมษายน 30, 2551

Adobe Photoshop Express

https://www.photoshop.com/express/index.html

เมื่อโฟโต้ชอป ให้ใช้ฟรี ใช้ออนไลน์ แถมมีเวปให้ด้วย

จะเหมือน โออิชิเอกซ์เพรช ไหมนะ อิอิ

วันเสาร์, เมษายน 26, 2551

ติดตั้ง windows xp ให้กับเครื่องที่ไม่มี drive cd dvd rom ทำอย่างไรดี

พอดีกำลังสนใจโน๊ตบุครุ่นที่ไม่มี ซีดีรอม แถมมาด้วย (eeepc) เลยหาเจอวิธีนี้  น่าสนใจดีครับ
สามารถไปประยุกษ์ใช้กับคอมพิวเตอร์ทั่วไปได้ด้วย จึงขอลงไว้ ณที่นี้





http://www.pantip.com/tech/software/topic/SO2479182/SO2479182.html
http://www.trendypda.com/modules/newbb/viewtopic.php?topic_id=2155&forum=16

เอามาจาก1000Tip

Credit คุณ TonMai2K


-สิ่งที่ต้องมี-

1. คอมพิวเตอร์ที่มีเครื่องอ่าน DVD เนื่องจากไดรเวอร์ของ Eee มาในรูปแบบ DVD ครับ
โดยคอมพิวเตอร์ที่ว่าต้องมี Windows XP เป็นระบบปฏิบัติการ พร้อมโปรแกรม WinRAR
หรือโปรแกรมที่อ่านไฟล์ .ISO ได้
แต่ถ้าใช้ Windows 98 ก็สามารถทำได้ แต่ต้องมีการเปลี่ยนแปลงบางขั้นตอนครับ

2. แผ่นติดตั้ง Windows XP ควรเป็นรุ่นที่ผนวก Service Pack 2 มาเรียบร้อยแล้ว
ไม่ควรใช้แผ่น custom ของค่ายใดๆ เพราะอาจจะมีปัญหากวนใจเล็กๆ น้อยๆ ตามมาบ้างครับ
(แต่ผมได้ทดลองกับรุ่น Dark Edition ก็ใช้งานได้นะครับ
มี error message ออกมาตอนติดตั้งนิดหน่อย แต่ก็ข้ามๆ ไปได้ ไม่มีปัญหาอะไร)
อย่าลืมเอา serial number ไว้ใกล้ๆ มือด้วยนะครับ
ส่วนเรื่องลิขสิทธิ์ ผมเข้าใจว่าเราต้องซื้อใหม่เพื่อใช้กับ Eee โดยเฉพาะครับ

3. แผ่นไดรเวอร์ของ Eee PC

4. Flash Disk สามารถใช้ SD Card, MMC, Memory Stick, XD หรืออะไรก็ได้ที่คุณมีตัวอ่าน
สำหรับ SD/MMC สามารถใช้ตัว Reader ที่มากับเครื่อง Eee PC ได้เลย
หรือจะใช้ Flash Drive ก็ไม่ผิดกติกาแต่อย่างใด ขนาดตั้งแต่ 1 GB ขึ้นไป
เพราะต้องใส่ตัวติดตั้ง XP ทั้งหมด รวมถึง Driver ด้วย
จะเป็นความเร็วปกติ หรือความเร็วสูงก็ได้ แน่นอนว่าแบบความเร็วสูง จะทำให้เราทำงานเสร็จเร็วขึ้น
สำหรับประเภทของ Flash Drive ที่ใช้ได้ ผมก็ยังไม่เห็นว่าอันไหนที่ใช้ไม่ได้
ลองทดสอบทั้ง SD Card, เครื่องเล่น MP3, MicroSD Reader รวมทั้ง Card Reader แบบหลายๆ ช่อง
มันสามารถบูตได้ทั้งหมดครับ
หากต้องการความสะดวกมากขึ้น แนะนำให้ใช้ Flash ขนาด 2 GB ครับ
นอกจากจะสามารถใส่ตัวติดตั้ง Windows XP ได้แล้ว
ยังสามารถใส่ตัวติดตั้งโปรแกรมตามความต้องการได้ในคราวเดียว
นอกจากนั้นการนำ linux มาใส่เครื่องใหม่ จำเป็นต้องใช้ Flash ขนาด 2 GB ขึ้นไปครับ

5. โปรแกรมเสริม เพื่อความสะดวกในการทำงาน

ตรงนี้ให้สร้างโฟลเดอร์ชื่อ BootDisk เอาไว้เก็บไฟล์ที่แยกแล้วครับ

1. ไฟล์ระบบ DOS ของ windows 98 เพื่อใช้บูต และฟอร์แมทฮาร์ดดิสก์ในตอนแรก - ขนาด 2.62 MB
http://www.allbootdisks.com/downloads/ISO/AllBootDisks_ISO_Image_Downloads25/Win98_bootdisk.iso
อันนี้ให้เปิดด้วย WinRar เพื่อเอาไฟล์
io.sys
msdos.sys
command.com
himem.sys
และ Format.com จะอยู่ในไฟล์ ebd.cab อีกทีหนึ่งครับ
ใส่รวมกันไว้ได้เลย

2. eXtend Fdisk - ขนาด 40 KB
http://www.mecronome.de/xfdisk/files/xfd093en.zip
ตัวนี้จะช่วยแบ่งพาร์ติชั่น รวมถึงลบ linux ออกจากเครื่องของเราด้วย
จริงๆ แล้วจะใช้ Fdisk ที่มากับ DOS ในไฟล์ที่โหลดมาอันแรกก็ได้ครับ ตามสะดวก
เอาไฟล์ xfdisk.exe และ xfdisk.ini ไปใส่รวมไว้ในโฟลเดอร์ BootDisk

3. Smartdrv.exe - ขนาด 44 KB
http://www.vetusware.com/output/smqsqzkk/SMARTDRV.EXE
ตัวนี้จะช่วยสร้าง Cache ให้ฮาร์ดดิสก์ระหว่างการติดตั้ง
ทำให้คัดลอกไฟล์ได้เร็วขึ้น ไม่งั้นมันจะช้ามากๆ
** ไฟล์ตัวนี้เป็นของ Microsoft แต่ไม่มีมาในแผ่นติดตั้ง Windows XP (แป่วววว)
ทั้งๆ ที่ในเว็บของ Microsoft เองก็บอกว่า
การติดตั้ง Windows XP ผ่าน Dos Prompt ควรจะใช้มันด้วย
เลยต้องไปหาโหลดมาจากจุดอื่นแทน
(หรือว่า Microsoft อาจคิดว่า ถ้าคุณใช้ Dos Prompt ได้ ก็คงหา Smartdrv เองได้ล่ะมั้ง - -")

4. HP USB Disk Storage Format Tool - ขนาด 1.97 MB
http://learners.in.th/file/home_alone_boyz/HP+USB+Disk+Storage+Format+Tool.exe
อันนี้เราจะใช้ฟอร์แมท Flash รวมทั้งใส่ไฟล์ระบบที่โหลดมาในข้อ 1. ด้วยครับ


-ออเดิร์ฟ-

มาลองทำแผ่นบูตกันก่อนครับ แน่นอนว่าต้องทำที่คอมพิวเตอร์ที่มี Windows XP
ให้ติดตั้ง HP USB Disk Storage Format Tool ให้เรียบร้อย
เสียบ FlashDisk/Drive รอไว้ให้พร้อมเลยนะครับ
แล้วก็ดับเบิลคลิกโปรแกรมให้ทำงาน
เลือกไดร์ฟให้ถูกตัวนะครับในกรณีที่คุณมี FlashDisk/Drive หลายอันต่ออยู่พร้อมๆ กัน
File System ให้เลือกเป็น FAT32 (หรือ FAT ก็ได้ครับ)
ถ้าอยากให้เร็ว เลือก Quick Format
ทำเครื่องหมายที่ Create a DOS startup disk
และ using DOS system files locate at:
หลังจากนั้นกดปุ่ม ... เพื่อเลือกโฟลเดอร์ BootDisk ที่เราสร้างไว้ในตอนแรก
พร้อมแล้วก็คลิกที่ Start ได้เลย
แป๊บเดียวก็เสร็จ
เสร็จแล้วก็ลองมาทดสอบกัน โดยการเสียบอุปกรณ์ที่คุณฟอร์แมทแล้ว กับ Eee
ถ้าเป็น SD/MMC ก็เสียบตรงๆ ได้เลย ถ้าเป็น Flash Drive ก็เสียบผ่าน USB
ส่วน Flash Disk ในรูปแบบอื่นๆ ก็เสียบผ่านตัว reader ที่เป็นแบบ USB นะครับ
หลังจากนั้นเปิดเครื่อง Eee พอหน้าจอ Bios ขึ้นมา ให้กดปุ่ม Esc
เพื่อเลือกอุปกรณ์ในการบูต ถ้าคุณพบอุปกรณ์ของคุณอยู่ในรายการ
ก็ให้เลือกแล้วกด Enter แต่ถ้าไม่พบ แสดงว่า Eee ไม่สนับสนุนอุปกรณ์ของคุณ
(ซึ่งผมยังไม่เคยพบอุปกรณ์ที่มันไม่สนับสนุน ใครพบก็อย่าลืมโพสบอกกันนะครับ)
เมื่อกด Enter แล้ว คุณจะพบว่ามันบูตมาเป็น Windows 98 DOS Prompt ที่ C:\>
แสดงว่าอุปกรณ์ของคุณ พร้อมใช้สำหรับการติดตั้ง Windows XP แล้วล่ะครับ
เป็นอันจบการทดสอบขั้นแรกครับ


-- ยัดโปรแกรมใส่ Flash --

เอา Flash ที่ฟอร์แมทแล้ว กลับมาที่คอมพิวเตอร์สำหรับเตรียมการอีกครั้ง
จัดการก็อปปี้ไฟล์ที่อยู่ใน BootDisk ลง Flash ครับ
ประกอบด้วย xfdisk.exe, xfdisk.ini, format.com, himem.sys และ smartdrv.exe
หลังจากนั้นคุณก็ใส่แผ่นติดตั้ง Windows XP ลงไปในไดร์ฟ DVD
ก็อปปี้โฟลเดอร์ i386 ใส่ลงไปใน Flash ตรงนี้มีอยู่หลายพันไฟล์ รอสักครู่ครับ
เสร็จแล้วก็เอาแผ่นไดรเวอร์ของ Eee ใส่ลงไปแทน แล้วก็อปปี้ไดรเวอร์ใส่ลงไปด้วย
ไดรเวอร์จะอยู่ในโฟลเดอร์ \Drivers ใส่ลงไปทั้งโฟลเดอร์ก็ได้ครับ ง่ายดี
ขนาดไดรเวอร์ทั้งหมด 205 MB ครับ

สรุปว่าตอนนี้ใน Flash ของเราจะมี
1. ไฟล์สำหรับบูต (io.sys, msdos.sys, command.com)
2. xfdisk.exe
3. xfdisk.ini
4. format.com
5. himem.sys
6. smartdrv.exe
7. โฟลเดอร์ i386
8. โฟลเดอร์ Drivers
และตอนนี้จะมีพื้นที่เหลืออีกหน่อย (หากใช้ flash 2 GB จะเหลือเยอะเลยครับ)
ดังนั้นถ้าอยากติดตั้งโปรแกรมอะไรเพิ่ม ก็ยัดใส่ Flash ตอนนี้เลยก็ได้ครับ
ถ้าพื้นที่ไม่พอ ไว้หลังจากติดตั้งก็ค่อยฟอร์แมท Flash แล้วก๊อปปี้ไปติดตั้งทีหลังก็ได้
หรือถ้ามี Hub, Wireless LAN เราก็ติดตั้งผ่านตรงนั้นก็ได้เช่นกัน


-- แบ่งพาร์ติชั่น --

สำหรับงานนี้ผมใช้ XFdisk ในการปฏิบัติงาน เนื่องจากสะดวกกว่า Fdisk อยู่พอสมควร
แต่เนื่องจากไม่มีรูปประกอบ โปรดระวังการใช้งานให้ดีนะครับ

ให้บูตเครื่องด้วย Flash มาที่ C:\> แล้วพิมพ์ XFDisk แล้วกด Enter
มันจะพาคุณเข้าสู่หน้าต่างของโปรแกรม กด Enter หนึ่งครั้งผ่านคำเตือนไปได้เลยครับ

มุมบนซ้ายของโปรแกรมจะแสดงฮาร์ดดิสก์ที่เรากำลังทำงานอยู่
ในขั้นตอนนี้คุณจะพบว่า Harddisk 1 ก็คือตัวที่เราใช้บูต
ให้กดปุ่ม TAB เพื่อเปลี่ยนไปทำงานกับฮาร์ดดิสก์ตัวที่อยู่ในเครื่อง
ซึ่งโดยปกติจะอยู่ที่ตำแหน่ง Harddisk 2 ครับ ลองรวมขนาดดู ก็จะได้ประมาณ 3812 MB
(ตามสเปค 4 G ก็หายไปนิดหน่อย อย่างที่รู้ๆ กันนะครับ ว่าเป็นที่การคำนวณของคอมพิวเตอร์)
จะมีอยู่หลายพาร์ติชั่น ให้คุณกด Enter แล้วเลือกคำสั่ง Delete Partition ทิ้งให้หมดครับ

เมื่อลบหมดแล้ว จะเหลือพื้นที่ว่างๆ (FREE) รวมเป็นก้อนเดียว 3812 MB
ให้กด Enter เลือก New Partition -> Primary Partition
มันจะให้กำหนดขนาด ตอนนี้คุณสามารถเลือกได้ว่าจะสร้างพาร์ติชั่นเดียวไปเลย
หรือจะแยกส่วน ในขั้นต้นแนะนำให้รวมเป็นอันเดียวครับ เพื่อความสะดวก
ก็กด Enter ผ่านได้เลย เพราะมันจะกำหนดขนาด 3812 MB มาให้อยู่แล้ว

หลังจากนั้นมันจะถามว่าจะให้เตรียมสำหรับการฟอร์แมทด้วย DOS/Windows หรือไม่
ก็ตอบ YES ไปครับ
แล้วมันก็จะถามอีกว่าจะ initialize ทั้งฮาร์ดดิสก์หรือไม่
ถ้าตอบ YES มันจะลบข้อมูลทั้งหมดทุก sector ตอบ NO ก็ได้ครับ จะเร็วกว่า

เสร็จแล้วจะกลับมาหน้าจอเดิม ตัวหนังสือเปลี่ยนเป็นสีเหลืองแล้วครับ พร้อมใช้งาน
กด F3 เพื่อออกจากโปรแกรม

มันจะถามว่าจะให้เขียน Partition สำหรับ Harddisk 2 เลยหรือไม่ ตอบ YES ครับ
รอสักครู่ (ถ้าเลือกให้ลบข้อมูลทั้งหมดก็จะประมาณ 2 - 3 นาที)

เสร็จแล้วมันจะแนะนำให้ reboot ก็ทำตามนั้น แล้วบูตกลับมาที่ C:\> เหมือนเดิมนะครับ
(กด Esc ที่หน้าจอ bios เพื่อเลือกอุปกรณ์สำหรับบูต)

พิมพ์ Format d: /s แล้วกด Enter เพื่อทำการ format ฮาร์ดดิสก์ของเราพร้อมใส่ระบบบูตลงไป
มันจะขอคำยืนยัน ให้พิมพ์ y แล้วกด Enter
เสร็จแล้วรอการฟอร์แมทสักครู่
ต่อมามันจะให้เราตั้งชื่อฮาร์ดดิสก์ ใส่ตามอัธยาศัย หรือไม่ใส่ก็ Enter ผ่านได้เลย

ต่อมาเราต้องก็อปปี้ไฟล์ที่จำเป็นสำหรับเร่งความเร็วในการติดตั้งลงไปก่อน
(ถ้าไม่ทำก็ได้นะครับ แต่การติดตั้งจะช้ามากๆ)

พิมพ์ copy himem.sys d: แล้วกด Enter
(เพื่อคัดลอก himem.sys ไปไว้ที่ฮาร์ดดิสก์)

พิมพ์ echo device=himem.sys>d:\config.sys แล้วกด Enter
(เพื่อสร้างไฟล์ config.sys ที่จะเรียก himem.sys มาใช้งานตอนบูตเครื่อง)

ตอนนี้ เราก็พร้อมจะติดตั้ง Windows XP แล้วครับ


-- ติดตั้ง Windows XP --

ให้บูตเครื่องอีกครั้งหนึ่งด้วยฮาร์ดดิสก์ (ไม่ต้องกด Esc เลือกอุปกรณ์แล้วนะครับ)<br >รอจนขึ้น C:\>

ตอนนี้ฮาร์ดดิสก์จะเป็น c: และ Flash จะเป็น d: นะครับ
พิมพ์ d: แล้วกด Enter เพื่อเปลี่ยนไปอยู่ไดร์ฟ d:
พิมพ์ smartdrv แล้วกด Enter เพื่อเปิดโปรแกรม SmartDrive
ช่วยเร่งความเร็วในการอ่านเขียนฮาร์ดดิสก์

พิมพ์ format c: /u /q เพื่อลบระบบในไดร์ฟ c: ทิ้งไป
(อาจจะงงนิดนะครับ จุดประสงค์คือต้องการให้มันบูตจากฮาร์ดดิสก์
แต่ไม่ต้องการให้มีระบบปฏิบัติการอื่นอยู่ขณะติดตั้ง)
มันจะขอคำยืนยัน กด y แล้วกด Enter

พิมพ์ CD i386 แล้วกด Enter
แล้วพิมพ์ winnt แล้วกด Enter
เพื่อเริ่มเข้าสู่กระบวนการติดตั้งครับ

เริ่มแรกมันจะถามหาโฟลเดอร์ที่เก็บไฟล์ต้นฉบับ
ซึ่งมันจะแสดงชื่อ D:\i386 อยู่แล้ว ให้กด Enter ผ่านไป
ต่อมาถ้ามันบอกว่าไม่พบ SmartDrive แปลว่าเราไม่ได้โหลด Smartdrv
ซึ่งจะทำให้เราใช้เวลาในการคัดลอกนานมาก เราควรกด F3 เพื่อออกจากการติดตั้ง
แล้วเรียกใช้ Smartdrv ก่อนครับ
แต่ถ้ามั่นใจว่ารอไหวให้กด Enter เพื่อติดตั้งต่อได้เลย

แล้วโปรแกรมติดตั้งมันจะทำการก็อปปี้ไฟล์ต่างๆ ลงฮาร์ดดิสก์ของเรา
ให้รอสักพัก (ใหญ่ ๆ ) ครับ โดยทั่วไปประมาณ 5 - 10 นาทีก็เสร็จ
แล้วแต่ความเร็วของ Flash ของเรา

ต่อมามันจะขอรีสตาร์ทเครื่องอีกครั้ง ให้เรากด Enter
สักพักมันจะพามาหน้าจอการติดตั้ง ก็เริ่มดำเนินการติดตั้งไปตามปกติได้เลย



ขออนุญาตจบบทความแบบดื้อๆ ตรงนี้เลยครับ เพราะที่เหลือก็ไม่ยากแล้ว
ติดตั้งเสร็จ ก็ลงไดรเวอร์ไปตามขั้นตอน
Asus แนะนำให้ลง ACPI ก่อนเป็นอันดับแรกครับ แล้วค่อยลงไดรเวอร์ที่เหลือตามลงไป
หลังจากนั้นก็ลงโปรแกรมตามต้องการ และอาจจบด้วยการปรับแต่ง เพื่อให้เหลือพื้นที่มากขึ้นต่อไปครับ

วันพฤหัสบดี, เมษายน 24, 2551

คู่มือจัดการคอมพิวเตอร์

คู่มือสอนช่างซ่อมคอมพิวเตอร์ (เยอะมากครับ) มีประโยชน์

ไปเจอมาจากที่นี่ครับ http://unseentravel.lannabusiness.com/phpBB/viewtopic.php?t=299

โปรแกรมที่ใช้ในการแตกไฟล์ 
http://www.rarlab.com


108 ปัญหา เครื่องคอมพิวเตอร์.doc
agp pro ปกติเป็นของเมนบอร์ด Asus ครับ.doc
agp.txt
Audio Grabber โปรแกรมแปลงเพลงจาก ซีดีเพลงธรรมดา ให้เป็น MP3.doc
Cache นั้นสำคัญไฉน.doc
comhang.doc
cpu.doc
ddr ram.doc
Direct Rambus.doc
DOScommand.txt
Easy Recovery.doc
Form Factor.doc
internetshareing.doc
jumper.doc
Naviscope โปรแกรมเพิ่มความเร็วอินเตอร์เน็ตโดยการกำจัดการแสดงป้ายโฆษณาออกไป.doc
Norton Ghost โปรแกรมช่วย แบคอัพฮาร์ดดิสก์.doc
Partition Magic ซอฟต์แวร์สำหรับจัดการ พาร์ติชั่นของฮาร์ดดิสก์แบบง่าย ๆ.doc
RAM.doc
Regclean โปรแกรมสำหรับทำความสะอาด Registry ของระบบวินโดวส์.doc
slot1.doc
Tweak UI โปรแกรมช่วยให้การปรับแต่งค่าต่าง ๆ ของระบบวินโดวส์.doc
VGA Card หรือ Display Adapter.doc
การตั้งค่าBIOS.doc
การตั้งใช้ Virtual Memory หรือ Swap File ให้กับระบบของ Win98.doc
การติดตั้ง Driver Modem.doc
การติดตั้ง Microsoft Office 97.doc
การติดตั้ง Windows 98 Thai Edition พร้อมตัวอย่างตั้งแต่เริ่มต้น.doc
การติดตั้ง Windows 98 Thai Edition.doc
การติดตั้ง Windows XP Professional พร้อมตัวอย่างตั้งแต่เริ่มต้น.doc
การติดตั้ง WinXP ผ่าน Dos.doc
การติดตั้งซีพียู Intel Pentium4.doc
การติดตั้งระบบปฏิบัติการwin98.doc
การติดตั้งฮาร์ดดิสก์.doc
การติดตั้งโปรแกรมประยุกต์ หรือ ซอฟท์แวร์ประยุกต์.doc
การติดตั้งไดรเวอร์.doc
การติดตั้งไดรเวอร์การ์ดจอภาพ.doc
การต่อสาย LAN.doc
การต่อสายแลน.doc
การต่ออินเตอร์เน็ต โดยใช้โมเด็ม 2 ตัว.doc
การต่ออินเตอร์เน็ต โดยใช้โมเด็ม 2 ตัวพร้อมกัน.doc
การทำ Lowlevel Format.doc
การทำ Multi Boot สำหรับใช้งาน Windows หลายระบบในเครื่องเดียวกัน.doc
การทำงานของ CD.doc
การทำงานของคอม.doc
การปรับขนาด Start Menu ให้เล็กลง.doc
การปรับค่า CAS Latency.doc
การปรับหัวอ่าน CD.doc
การปรับแต่ง BIOS.doc
การปรับแต่ง Task Bar.doc
การฟอร์แมต ฮาร์ดดิสก์ เพื่อเตรียมพื้นที่สำหรับติดตั้ง Windows ใหม่.doc
การวิเคราะห์และแก้ปัญหา คอมพิวเตอร์.doc
การสร้าง พาร์ติชัน โดยใช้ fdisk.doc
การสร้าง ลบ หรือจัดแบ่ง พาร์ติชันของฮาร์ดดิสก์ โดยใช้ fdisk.doc
การสร้างแผ่น Startup Disk.doc
การสร้างแผ่นบู๊ตWin98.doc
การเกิด bad ของฮาร์ดดิสก์.doc
การเขียนแบตไฟล์ตอนบู๊ตว่าจะเข้าดอสหรือวิน98.doc
การเข้าสู่ Safe Mode.doc
การเพิ่มความเร็วให้กับwinXP.doc
การเพิ่มหรือลบโปรแกรมใน Accessories.doc
การแก้ปัญหางานพิมพ์.doc
การแก้ปัญหาระบบคอมพิวเตอร์2.doc
การแก้ไขและซ่อมคอมพิวเตอร์ด้วยตนเอง.doc
การแบ่ง Partition และ Format.doc
การใช้งาน Defrag ฮาร์ดดิสก์ เพื่อเพิ่มความเร็วให้กับการทำงานของระบบ.doc
การใช้งาน Scan Disk Win98.doc
การใช้โปรแกรม Winzip.doc
ความผิดพลาดที่เกิดจากการ post.doc
ความรู้เรื่อง Hard Disk.doc
คอนโทรลเลอร์.doc
คอมพิวเตอร์ซอฟต์แวร์.doc
จังหวะสัญญาณ Beep Code ของไบออส ยี่ห้อ AMI.doc
ชนิดคำสั่ง DOS.doc
ซิปเซต.ppt
ทำความรู้จักกับ CPU รุ่นต่าง ๆ.doc
ปรับแต่ง Registryให้แรมทำงานเร็วขึ้น.doc
ปัญหาการ shutdown และการแก้ใขเบื้องต้น.doc
ปัญหาหนังไม่มีภาพ.doc
ปัญหาเมนบอร์ด.doc
ปัญหาในการเเสดงผล.doc
พื้นฐานคอมพิวเตอร์.doc
รู้จักกับอุปกรณ์ต่าง ๆ.doc
ลีนุกซ์.doc
วิธีการบู๊ตเครื่องให้เร็วทันใจ.doc
วิธีการปรับแต่ง Windows 98 ให้ทำงานได้เร็วขึ้น.doc
วิธีการปรับแต่ง Windows XP ให้ทำงานได้เร็วขึ้น แบบไม่ต้องลงทุน.doc
วิธีการปรับแต่ง Windows98.doc
วิธีการลง XP ผ่านDOS.doc
วิธีการเลือกซื้อคอมพิวเตอร์.doc
วิธีการแบ่งไฟล์ให้มีขนาดเล็ก.doc
สารบัญ.doc
สำหรับการติดตั้งไดรเวอร์การ์ดจอภาพ.doc
ส่วนประกอบของเครื่องคอมพิวเตอร์.ppt
ฮาร์ดดิสก์.doc
ฮาร์ดดิสก์.ppt
ฮาร์ดดิสก์บูตไม่ขึ้น.doc
เครื่องแฮงค์เพราะไดรเวอร์ ไดรเวอร์คือ.doc
เจาะเทคนิค เพิ่มความเร็วระบบ ด้วยตัวคุณเอง.doc
เปลี่ยนโลโก้ขณะบู๊ต win98.doc
เปิดเครื่องแล้วใช้เวลาในการบู้ตนาน.doc
เมนบอร์ด.doc
เมนบอร์ดที่ใช้ ไบออส Phoenix.doc
เมนบอร์ดที่ใช้ไบออสยี่ห้อ Award.doc
โพรเซสเซอร์.doc
ใช้คอมพิวเตอร์ให้เป็น.doc

Attachment: commanual.rar

วันจันทร์, เมษายน 21, 2551

Windows XPE 2008 (Version: BartPE+XPE) ของดีน่าสนใจ

http://www.varietypc.net/modules.php?name=News&file=article&sid=4
มีไว้ติดโต๊ะคอม เผื่อต้องใช้งาน

1. Windows XPE
- เปิด Windows จากแผ่น มองเห็นทุกไดร์ฟเช่น Harddisk, USB Drive, CD
- เมื่อเครื่องมีปัญหาที่ต้องลงวินโดวส์ใหม่ สามารถแบ็คอัพงานจากไดร์ฟ C: ไปเก็บไว้ไดร์ฟอื่นได้
- มีโปรแกรม ERD Commander2007 ซึ่งเมื่อติดตั้งโปรแกรมต่างๆแล้ว สามารถ Retore ทุกอย่างกลับมาได้
- Acronis Disk Director Suite v10.0.2160 แบ่ง Partition หรือจะเพิ่ม-ลด พื้นที่ Harddisk ใหม่ได้
- Password Renew ลืม Password เข้าวินโดวส์ไม่ได้ เราสามารถจัดการกับระบบ Password ใหม่ได้ครับ
- สามารถติดตั้งโปรแกรมลง Flash Drive หรือ Harddisk แยกกันได้
2. Hiren's Boot CD v9.3
- โปรแกรมที่ช่างคอมหรือผู้ใช้ทั่วไปควรมีไว้ ไม่ว่าจะ Ghost, แบ่ง Partition, รีเซ็ตพาสเวิร์ด, ต่างๆก็มีให้ครบหมดครับ
3. Damn Small Linux v4.2.1
- ผู้ที่ใช้ระบบ Linux ก็รองรับด้วยครับ
4. Offline NT Password Changer (27.09.2007)
- ไว้สำหรับการเปลี่ยนแปลงรหัสผ่านในวินโดวส์ได้เหมือนกัน
5. Acronis Disk Director Suite v10.0.2160
- บูตจากโปรแกรมเพื่อแบ่ง Partition หรือจะเพิ่ม-ลด พื้นที่ Harddisk ใหม่ได้หรือไปใช้ใน XPE ก้อได้ครับ
6. Acronis True Image Enterprise Server with Universal Restore v9.1.3854
- จัดการระบบ Harddisk
7. Windows XP SP2 Recovery Console
- มีไว้สำหรับการซ่อมแซมวินโดวส์ ในยามที่วินโดวส์มีปัญหาไม่สามารถเปิดเข้างานได้ครับ




ส่วนอีกตัวหนึ่ง จับ xp มาใส่ usb โอ้ตัวนี้ก้อน่าสนจาย หุหุ
http://www.varietypc.net/modules.php?name=Content&pa=showpage&pid=34


วันอังคาร, เมษายน 15, 2551

ทำงานที่ไม่สนุกก่อน

คือ ข้อแรกของ เทคนิคการจัดการกับนิสัยผัดวันประกันพรุ่ง อิอิ

เคยโพสเรื่อง สรุปเรื่อง การบริหารเวลาอย่างมีประสิทธิภาพ ไปเมื่อ มิถุนายน ปีก่อน http://notbirth.multiply.com/journal/item/180
ผ่านไปเกือบจะปีละ  เพิ่งมานั่งอ่านเอง เหอๆ    เอาน่า  ถือว่ายังได้อ่าน  อ่านช้ายังดีกว่า


เข้าเรื่องละ บทความนั้น มีหลายบทหลายตอน แต่ จะยกตอนที่คิดว่ามีประโยชน์(ใกล้ตัว)มาโพส ย่อยละกัน


การจัดการกับนิสัยผัดวันประกันพรุ่ง

1. ทำงานที่ไม่สนุกก่อน คือ ต้องยอมดึงงานที่เราไม่ชอบมาทำก่อนเพื่อให้เสร็จส่วนงานที่เราชอบและสนุกไว้ทีหลัง เพราะในช่วงแรกเรายังมีความตั้งใจและสนใจมากอยู่อาจช่วยเราได้

2.ให้เวลาเพื่อเตรียมพร้อมที่จะทำ คือ ยอมให้เวลามากหน่อยในการเตรียมตัวเหมือนกับให้คุณค่าของงานนั้นมากขึ้น และสร้างสิ่งแวดล้อม เครื่องมือให้น่าทำ

3. กำหนดเวลาเสร็จสิ้น คือ มีเส้นตายไว้เลย วันนี้ เดือนนี้ เวลานี้เพื่อสัญญากับตัวเอง หรืออาจพนันกับตัวเอง หรือสัญญาว่าเสร็จแล้วจะได้อะไร

4.ให้รางวัลกับตัวเอง คือ เมื่อเราทำได้ก็อาจให้รางวัล ซื้อของที่ตัวเองอยากได้ไปดูหนังที่อยากดู เพื่อให้รู้ว่าเราชนะใจตัวเองได้แล้ว

5.แบ่งงานเป็นชิ้นย่อยๆ คือ หากงานมีมากเห็นแล้วอ่อนใจ ก็อาจแยกเป็นส่วนๆเพื่อให้มีกำลังใจ

6. ทำเท่าที่มี คือการไม่หาข้อแม้ ไม่รอข้อมูล เริ่มต้นทำเลย คิดว่าถ้ามีทรัพยากรเท่านี้ จะทำเรื่องนี้อย่างไร จะได้เริ่มต้นได้

7. มอบหมายจ้างคนอื่นทำหรือไหว้วาน คือ เมื่อไม่แน่ใจในตัวเอง ก็มอบหมายให้คนอื่นที่เริ่มต้นได้เริ่มต้นให้เราเลย หรือจ้างเขาเลยก็ได้และถ้าเขาทำเสร็จก็เรียนรู้จากเขาไปเลย

8. นั่งเฉยๆ ให้มีเฉพาะงานชิ้นนั้นบนโต๊ะ เป็นการบังคับตัวเองให้เผชิญหน้า ให้รู้ว่าถ้าไม่ผ่านงานชิ้นนี้งานชิ้นอื่นเข้ามาไม่ได้ วัดใจกันไปเลย

9. เลิกนิสัยนี้ เลิกมีข้อแม้ ทำทันทีเดี๋ยวนี้ ให้บอกตัวเองว่าพอแล้วกับนิสัยแบบนี้ เลิกซะ ทุกครั้งที่ขี้เกียจไปมองหน้าตัวเองในกระจกแล้วบอกว่าพอแล้วนะอายุมากขึ้นแล้วนะ นิสัยแบบนี้เลิกได้แล้ว

10.อย่าถามคำถามที่จะทำให้เราเลี่ยงงาน เช่น อย่าถามว่าเราจะทำอะไรตอนนี้ดีแต่ถามว่าเรื่องที่สำคัญที่สุดที่ต้องทำเดี๋ยวนี้ คือเรื่องอะไร




วันจันทร์, เมษายน 14, 2551

จับสายฟ้า

มีคนเขียนโปรแกรมขึ้นมา ให้กล้องสามารถกดชัตเตอร์เองได้ เมื่อพบความเคลื่อนไหว  หรือเมื่อพบฟ้าแลบฟ้าผ่า  อิอิ  ต้องลอง


โปรแกรมชื่อ Motion/Lightning Detect

Written for/on: Canon A640
Also works on: Other Canon AXXX (Not tested), Canon A720 (tested), Canon A710 (tested), Canon A540 (tested)

แต่ยังใช้ได้กับกล้องไม่กี่รุ่น ดังที่กล่าวมาข้างต้น    เมื่อคืนลองกับภาพเคลื่อนไหวแล้ว (เอามือมาไหวๆหน้ากล้อง)   โอ้  มันเวิค

แต่  ต้องหาโอกาส ลองจับสายฟ้าต่อไป

อ่านเพิ่มเติม http://chdk.wikia.com/wiki/UBASIC/Scripts/CanonA640:_Motion%2BLightning_Detect

บทความสำหรับคนไม่ค่อยชอบทานยา : )

อ่านมาจาก  http://www.bangkokbiznews.com/bodyheart/20080401/news.php?news=column_26110753.php


เลือกยาให้ถูกโรค

: เพ็ญลักษณ์ ภักดีเจริญ

จากข้อมูลสถิติทางการแพทย์พบว่า คนไทยใช้ยามากกว่าคนในประเทศพัฒนาแล้ว แค่มีอาการป่วยเล็กๆ น้อยๆ ก็กินยา ทั้งๆ ที่ไม่จำเป็น ลองมาทำความเข้าใจ เรื่องการใช้ยาให้เหมาะสมกับอาการของโรค

แม้การใช้ยาเกินจำเป็นจะเป็นเรื่องที่กล่าวถึงบ่อยครั้ง แต่ก็ไม่ได้ทำให้คนไทยเข้าใจเรื่องเหล่านี้ เพราะไม่มีคำอธิบายที่ชัดเจน หรือมีรณรงค์อย่างเป็นรูปธรรม ประกอบกับแพทย์ไม่ค่อยอธิบาย เรื่องการใช้ยาที่ถูกต้อง คนส่วนใหญ่ก็เลยใช้ยาตามความเคยชิน และความเชื่อที่บอกต่อกันมา

ทั้งๆ ที่เรื่องนี้เป็นปัญหาระดับชาติ ตามข้อมูลสถิติ ปี 2549 ประเทศไทยสูญเสียงบประมาณค่ายาประมาณ 76,000 ล้านบาท และกลุ่มยาที่มีมูลค่าการใช้สูงสุด เป็นอันดับหนึ่งของประเทศ คือกลุ่มยาฆ่าเชื้อ รวมถึงยาปฏิชีวนะ (คนส่วนใหญ่เรียกว่า ยาแก้อักเสบ แต่ยาปฏิชีวนะไม่ได้แก้อักเสบ)

ความเชื่อเรื่องการใช้ยา

ถ้าคุณป่วยเป็นหวัด เจ็บคอ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญยืนยันว่า ไม่จำเป็นต้องกินยาฆ่าเชื้อหรือยาปฏิชีวนะ เพราะอาการส่วนใหญ่ของโรคหวัดเกิดจากเชื้อไวรัส แต่ยาปฏิชีวนะใช้ฆ่าแบคทีเรีย เมื่อกินไปแล้ว จึงไม่ช่วยบรรเทาอาการเจ็บคอ น้ำมูกไหล ไอ และจาม

"เวลาคออักเสบ คนเข้าใจว่าต้องกินยาแก้อักเสบ นั่นเป็นความเข้าใจผิด เพราะการอักเสบเป็นผลมาจากการที่ร่างกายมีปฏิกิริยาต่อสิ่งแปลกปลอม หรือสิ่งที่ก่อให้เกิดการบาดเจ็บต่อร่างกาย ยกตัวอย่างคนเป็นภูมิแพ้เพราะสูดหายใจเอาฝุ่นที่ตัวเองแพ้เข้าไป ก็เกิดการอักเสบที่จมูก ทำให้คัดจมูก น้ำมูกไหล หรือตากแดดนานๆ ก็ทำให้ผิวหนังอักเสบ

ยาปฏิชีวนะไม่มีประโยชน์ต่อการอักเสบ ถ้าร่างกายติดเชื้อไวรัส 2-3 วัน ร่างกายก็จะปรับสมดุล หายป่วยได้เอง แค่ดื่มน้ำอุ่น พักผ่อน ร่างกายก็ฟื้นตัว แต่บางครั้งก็ยืดเยื้อเป็น 7 วัน ซึ่งเป็นปัญหาที่คนจะคิดว่า ทำไมไม่หายป่วย ก็เลยกินยาปฏิชีวนะ พอกินก็หายป่วย ก็เลยตอกย้ำความเชื่อว่า หายเพราะกินยา ทั้งๆ ที่ช่วงที่กินยา อาการก็ใกล้จะหายป่วยแล้ว" ผศ.นพ.พิสนธิ์ จงตระกูล คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และผู้อำนวยการโครงการส่งเสริมการใช้ยาอย่างมีเหตุผล กองควบคุมยา สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา กล่าวถึงความสำคัญในการใช้ยา

เพราะคนไทยมีความเชื่อกันว่า ต้องใช้ยาปฏิชีวนะเพื่อลดไข้ จึงมีการใช้ยาอะม็อกซี แอมพิซิลลิน คลาซิด คราวิท ซีแด็กซ์ ฯลฯ บางครั้งเขียนกำกับไว้ว่า ยาฆ่าเชื้อ บางชนิดเป็นยาผง ซึ่งไม่ได้ทำให้โรคติดเชื้อในทางเดินหายใจส่วนบนหายเร็วขึ้น และไม่ช่วยป้องกันโรคแทรกซ้อนจากการติดเชื้อไวรัส เพราะยาปฏิชีวนะออกฤทธิ์ได้เฉพาะโรคที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย

ไม่ต่างจากโรคท้องเสีย ท้องเดิน ส่วนใหญ่เกิดจากเชื้อไวรัสหรืออาหารเป็นพิษ มีเพียง 5 ใน 100 คนเท่านั้นที่มีสาเหตุจากเชื้อแบคทีเรีย ดังนั้นการกินยาปฏิชีวนะหรือยาฆ่าเชื้อจึงไม่จำเป็น วิธีการรักษาที่ดีที่สุดคือ ดื่มน้ำเกลือแร่เพื่อทดแทนน้ำและเกลือแร่ที่เสียไป และไม่ควรดื่มนม

"อย่างยาแก้ท้องเสีย มีตัวยาชนิดหนึ่งใช้ยาปฏิชีวนะสี่หรือห้าชนิดในเม็ดเดียวกัน และประชาชนนิยมใช้ ยาตัวนี้อยากให้เลิกใช้ ถ้าพูดไปคนรู้จักทั้งประเทศ ในร้านขายยามียาตัวนี้ ในโรงพยาบาลก็มี แต่น้อย และบางโรงเรียนมียาชนิดนี้ ไม่ควรใช้กับเด็กๆ"

ส่วนอีกอาการที่ไม่ควรใช้ยาปฏิชีวนะก็คือ แผลเลือดออก ไม่จำเป็นต้องกินยาพวกนี้ เพราะไม่ได้ป้องกันการติดเชื้อ ยกเว้นผู้ป่วยเบาหวาน วิธีการรักษาคือ อย่าให้แผลโดนน้ำอย่างน้อยสามวัน ล้างแผลให้ถูกวิธี ยกเว้นแผลบวมอักเสบต้องรีบไปพบแพทย์

"ในสามโรคนี้เราพบว่า มีคนใช้ยาเกินจำเป็น เพราะความเชื่อผิดๆ ของผู้ใช้ยา และถูกทำให้เชื่อว่า เจ็บคอต้องใช้ยาปฏิชีวนะ ถ้าเจ็บคอจากเชื้อไวรัส อาจใช้เกลือละลายน้ำกลั่วคอ ก็จะช่วยบรรเทาอาการ ถ้าปากแห้งก็เพราะขาดน้ำ ก็ดื่มน้ำมากขึ้น และอากาศเย็นทำให้ภูมิต้านทานลดลง" คุณหมอพิสนธิ์ กล่าว

ใช้ยาอย่างสมเหตุสมผล

หมวดหมู่การใช้ยาไม่ถูกต้องของคนไทยยังมีอีกมากมาย คุณหมอพิสนธิ์บอกว่า ต้องรณรงค์ทำความเข้าใจจากสามโรคก่อนคือ หวัด เจ็บคอ /ท้องร่วง ท้องเสีย และแผลเลือดออก เพราะยังใช้ยาปฏิชีวนะจำนวนมากและไม่เป็นผลดีต่อร่างกาย

"เท่าที่ผ่านมา กระบวนการแก้ปัญหาสุขภาพ ทำไมมีวิธีเดียวคือ การใช้ยา ต้องกลับมาทบทวนว่า ทำไมคนไทยใช้ยาเกินความจำเป็น เพราะเราไม่ได้ใช้ยาเพื่อรักษาโรค แต่ใช้ยาทุกชนิด ไม่ว่าความสวยงาม สมรรถภาพ หรือยาที่เกี่ยวกับไลฟ์สไตล์เพื่อสุขภาพที่ดี ประชาชนยังขาดความรู้เรื่องนี้อีกมาก ใช้ยาผิดขนาด กินยาไม่ถูกวิธี ซึ่งต้องเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ยา" ภ.ญ.เขมวดี ขนาบแก้ว เล่าถึงการใช้ยาของประชาชน

ส่วนภญ.ดร.นิธิมา สุ่มประดิษฐ์ บอกถึงการทำงานรณรงค์เรื่องการใช้ยาอย่างสมเหตุสมผลในโครงการว่า เรื่องความรู้ไม่ยากในเผยแพร่ทำความเข้าใจ แต่เรื่องความเชื่อ ความมั่นใจในการใช้ยายังมีปัญหา

โครงการดังกล่าวจึงได้นำกระบวนการต่างๆ นำไปปฏิบัติจริงในพื้นที่นำร่องจังหวัดสระบุรี เพื่อลดการใช้ยาในกลุ่มประชาชนและทำความเข้าใจกับแพทย์ พยาบาลและเจ้าหน้าที่สาธารณสุข รวมถึงในอนาคตจะดำเนินการขยายผลออกไปอีก 18 จังหวัด

“บัญชียาหลักแห่งชาติ ทำการวิเคราะห์ยาทุกระบบอย่างละเอียด ใช้ผู้เชี่ยวชาญกว่าร้อยคน ยาที่ไม่มีประสิทธิภาพจะเอาออกจากบัญชี ยาอยู่ในบัญชีนี้มีประมาณ 1,000 รายการ แต่ยาที่จำหน่ายในประเทศนี้มีประมาณ 2,000 ชนิด และใน 1,000 ชนิดที่มีอยู่ก็มีปัญหา และอาจไม่มีประสิทธิภาพ” คุณหมอพิสนธิ์ กล่าวถึงยาที่ไม่มีประสิทธิภาพ

ว่าไปแล้วประชาชนมีสิทธิซักถามแพทย์ด้วยคำถามง่ายๆ และแพทย์ต้องมีหน้าที่อธิบายให้คนไข้เข้าใจ แม้ในทางปฏิบัติจะไม่เป็นเช่นนั้น แต่คนไข้ก็ควรสอบถามเบื้องต้นว่า ป่วยเป็นโรคอะไร ใช้ยาชนิดนี้ด้วยเหตุผลใด เมื่อใช้ยาแล้วจะมีผลข้างเคียงอย่างไร

"การใช้ยาอย่างสมเหตุผลคือ จำเป็นต้องใช้ มีประโยชน์จริง มีความเสี่ยงต่ำ มีความคุ้มค่า"

ถ้าจะพูดถึงยาอีกกลุ่ม ซึ่งไม่ใช่ยาแก้อักเสบ แต่เป็นยาลดไข้ ลดน้ำมูก ภาษาอังกฤษเรียกว่า Antihistamines ยาชนิดนี้ไม่มีผลในการฆ่าเชื้อแบคทีเรีย และไม่มีผลต่อการรักษาโรคหวัด

ยาคลอเฟนนิรามีน เป็นยาในกลุ่ม Antihistamines ใช้รักษาโรคภูมิแพ้ ทำให้เมือกน้ำมูกแห้ง คนส่วนใหญ่นำมาใช้รักษาโรคหวัด คุณหมอบอกว่า นั่นคือ ยาเม็ดสีเหลืองๆ กินแล้วง่วงนอน ใช้ลดน้ำมูกที่เกิดจากโรคภูมิแพ้ เคยมีงานวิจัยเปรียบเทียบยาสองกลุ่ม โดยให้คนกลุ่มหนึ่งกินยาคลอเฟนนิรามีน และอีกกลุ่มกินยาหลอกที่ผลิตจากแป้ง ผลการทดลองพบว่า คนทั้งสองกลุ่มน้ำมูกลดไม่ต่างกัน ดังนั้นยาคลอเฟนนิรามีนที่ใช้กับโรคหวัดไม่ได้มีประสิทธิภาพ

นี่คือ การใช้ยาไม่สมเหตุผลที่คุณหมอยกตัวอย่าง แต่ยากลุ่มนี้มีราคาถูก ผลข้างเคียงไม่มากนักและไม่ก่อให้เกิดภาวะดื้อยา จึงไม่กระทบต่อคนจำนวนมาก

“เมื่อเร็วๆ นี้คุณสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีป่วย และหมอบอกว่า เป็นไข้หวัดใหญ่ชนิดเอ ซึ่งตามภาษาอังกฤษโรคนี้จะมีคำว่าไวรัสอยู่ด้วย ไม่ว่าจะกินยาปฏิชีวนะชื่ออะไร ก็ไม่หายป่วย ถ้าจะหายป่วย ก็ไม่เกี่ยวกับยา เช่นเดียวกันเมื่อเราไม่สบายจากเชื้อไวรัส อาการป่วยก็จะหายเอง ไม่จำเป็นต้องกินยา แต่พอกินยาเข้าไปแล้ว ก็เข้าใจว่า ยาทำให้หายป่วย ซึ่งจริงๆ แล้วไม่ใช่เพราะยา”

ยาแบบไหนอันตราย

ถ้าปวดหัวจำเป็นต้องกินยาพาราเซตามอลหรือไม่ เรื่องนี้คุณหมออธิบายว่า ยาชนิดนี้ใช้แก้ปวดหัวและลดไข้ ถ้ากินตามปริมาณที่ระบุไว้ก็ปลอดภัย แต่ถ้ากินแอสไพริน แม้จะกินตามปริมาณที่ระบุไว้ ก็เกิดอันตราย ก่อให้เกิดแผลในกระเพาะได้ โดยเฉพาะเด็กเล็ก ถ้ารับประทานยาพวกนี้ อาจชักและเสียชีวิตได้ แต่ก็ยังมีชาวบ้านใช้ยาพวกนี้ ยาประสาทหน่อแรดและทัมใจ ก็คือแอสไพริน ส่วนคนไข้เป็นโรคหอบหืด ถ้ากินแอสไพรินจะกระตุ้นให้อาการหอบเกิดขึ้นและอันตรายมาก

กรณีของยาพาราเซตามอล ถ้ากินในระยะสั้น ไม่ควรเกินวันละ 4 กรัม (ประมาณ 8 เม็ด) ระยะยาวไม่ควรเกินวันละ 2 กรัมกว่า และต้องคอยตรวจเลือดว่า มีพิษต่อตับไหม

คนส่วนใหญ่ยังเข้าใจผิดคิดว่า ผู้ใหญ่ควรกินยาพาราเซตามอลครั้งละ 2 เม็ด ปริมาณการกินยาต้องแปรผันตามน้ำหนักของผู้ป่วย ถ้าน้ำหนักไม่ถึง 50 กิโลกรัม ควรกินแค่หนึ่งเม็ด

คุณหมอย้ำว่า ถ้ากินยาแก้ปวดชนิดนี้ครั้งเดียว 20 เม็ด ถือว่าฆ่าตัวตาย เพราะคนในต่างประเทศ ใช้ยาพาราเซตามอลฆ่าตัวตายมากที่สุด เนื่องจากไม่สามารถซื้อยานอนหลับโดยไม่มีคำสั่งแพทย์ แต่สามารถซื้อยาพาราเซตามอลในร้านขายยาได้

“มีงานวิจัยบางชิ้นบ่งชี้ว่า คนที่ไม่สบาย ไม่จำเป็นต้องกินยาในนาทีแรกที่รู้ตัวว่าป่วย ควรทิ้งไว้สักระยะหนึ่ง เพื่อให้ร่างกายได้ปรับตัวและรู้ว่า เชื้อโรคตัวนี้ได้เข้าสู่ร่างกายแล้ว ถ้าเราใช้ยาทันที บ่อยเกินไป ร่างกายจะอ่อนแอ เราต้องให้ร่างกายมีภูมิต้านทานโรคตามสมควร จึงจะใช้ชีวิตได้นานๆ ส่วนคนที่มีความคิดว่า กินยาป้องกันไว้ก่อนป่วย อาจเป็นแนวคิดไม่ถูกต้องนัก”

การใช้ยาผิดประเภทและเกินจำเป็นยังมีอีกหลายกลุ่ม ถ้าเป็นยาแก้ปวดในกลุ่ม NSAIDs ซึ่งเป็นยาต้านการอักเสบแต่ไม่ได้ฆ่าเชื้อโรค ที่รู้จักดีคือ แอสไพริน ,ยา Mefenamic acid ยี่ห้อ Ponstan แก้ปวดประจำเดือน,ยา celecoxib ยี่ห้อCerebrex แก้ปวดลดอาการอักเสบของข้อ ,ยา Rofecoxib (โรฟีคอกซิบ) ยี่ห้อ Vioxx แก้ปวดข้อ ปวดประจำเดือน (ปัจจุบันบริษัทถอนยาออกจากตลาดเพราะมีความเสี่ยงที่จะเกิดกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด (Myocardial infarction) จากการใช้ยา)

คุณหมอบอกว่า ยากลุ่ม NSAIDs ใช้กันกว้างขวางเพราะลดการอักเสบจากการปวด อย่างคนสูงอายุป่วยจากเข่าเสื่อม กล้ามเนื้ออักเสบ ปวดข้อปวดกระดูก มักกินยาพวกกลุ่มและหายจากอาการปวด

“ปวดประจำเดือน เกิดจากการอักเสบในช่องท้องบริเวณมดลูก ผู้หญิงบางคนจะกินยาพวกนี้ทุกเดือน ถ้ากินปริมาณไม่มาก ก็ไม่มีปัญหา แต่ไม่ใช่ว่าแพทย์สั่งว่า กินสองเม็ด แต่พอรู้สึกปวดมากๆ ก็เพิ่มเป็นสี่เม็ด นั่นไม่ถูกต้อง อย่างปวดหัวไมเกรน ปวดหัวธรรมดา ลดไข้ ก็มีการใช้ยาในกลุ่มนี้ ขณะที่มีประโยชน์ แต่ปัญหาก็คล้ายๆ กับยาแอสไพริน ถ้ากินไประยะหนึ่งจะทำให้กระเพาะและลำไส้เป็นแผล พอแผลใหญ่และลึกจะเกิดเลือดออก ความเข้มข้นของเลือดก็ลดลง แต่บางคนเลือดไม่ได้ค่อยๆ ซึมออก ถ้าเลือดออกมาก อาจช็อกเสียชีวิตได้ ในประเทศไทยมีคนตายจากการกินยาในกลุ่ม NSAIDs ไม่ใช่น้อย” คุณหมอเตือนและมีคำแนะนำว่า

ไม่ควรใช้ยากลุ่มต้านการอักเสบเป็นระยะเวลานาน ให้ใช้ระยะสั้นๆ เพื่อบรรเทาอาการปวด เพราะทุกวันนี้คนที่ปวดเข่าจะกินยาชนิดนี้ติดต่อเป็นระยะเวลา 5-10 ปี ก็จะเกิดปัญหา

คุณหมออธิบายเพิ่มว่า เมื่อเลิกกินยาก็จะกลับมาปวดอีก จึงต้องมีกระบวนการอื่นๆ มาทดแทน อาจลดปริมาณยา หันมาใช้ยานวด เวลาปวดเข่ามากๆ เพราะความอ้วนก็ต้องลดน้ำหนัก ออกกำลังกาย ใช้ลูกประคบ

“ต้องเลี่ยงยากลุ่ม NSAIDs ซึ่งไม่ต่างจากยาปฏิชีวนะ”

ปัญหาใหญ่คือ เชื้อดื้อยา

คำจำกัดความของการใช้ยาอย่างสมเหตุผลคือ ประโยชน์ที่ได้รับจากการใช้ยาต้องมากกว่าความเสี่ยง แพทย์ต้องใช้วิจารณญาณเพื่อชั่งน้ำหนักว่า คนไข้ถึงจุดที่ต้องรับความเสี่ยงจากยาหรือไม่

คุณหมอพิสนธิ์ บอกว่า ตัวเลขที่ตรวจวัดออกมา อาจไม่ใช่เครื่องบ่งชี้ทั้งหมด เพราะยังมีปัจจัยแวดล้อมเป็นทางเลือกในการตัดสินใจใช้ยา ยกตัวอย่างการใช้ยาเพิ่มมวลกระดูกเพราะกระดูกบาง หรือใช้ยาลดไขมันเพราะไขมันสูง ใช้ยาปฏิชีวนะเพราะเจ็บคอ เป็นการใช้การคาดเดาหรือสันนิษฐานโดยไม่ตรวจสอบกับหลักฐานเชิงประจักษ์ทางการแพทย์ ซึ่งมีงานวิจัยที่น่าเชื่อถือทางการแพทย์ยืนยันจำนวนมาก ถ้าไม่ศึกษาข้อมูลอาจทำให้เกิดการใช้ยาอย่างไม่สมเหตุสมผล

"ดังนั้นเวลาสอนนักศึกษาแพทย์ต้องพยายามบอกว่า อย่ารักษาตัวเลข ต้องดูองค์ประกอบอื่นๆ เพื่อให้แน่ใจว่า การใช้ยามีประโยชน์เหนือความเสี่ยงอย่างชัดเจน"

ในกรณีป่วยเป็นโรคที่อันตรายต่อชีวิต คุณหมอพิสนธิ์แนะว่า ต้องขอคำอธิบายจากแพทย์ แต่ถ้าไม่แน่ใจก็ปรึกษาแพทย์คนที่สอง อย่างการกินยาเพื่อป้องกันโรคกระดูกพรุน ก็มีหลายรูปแบบ เท่าที่ทราบต้องเสียค่าใช้จ่ายปีละเกือบสองหมื่นบาท แล้วจำเป็นต้องใช้ยานั้นหรือไม่

"คนป่วยต้องถามว่า ประโยชน์ที่ได้รับจากการกินยาและไม่กินต่างกันอย่างไร ต้องศึกษาข้อมูล แต่บางครั้งก็พึ่งพาข้อมูลพวกนี้ไม่ได้ เพราะมีการโฆษณาให้ใช้ยา ถ้าเราเดินไปร้านขายยาแล้วบอกว่า เจ็บคอ เขาก็หยิบยาปฏิชีวนะให้ ซึ่งเป็นปัญหาการใช้ยาอีกประเด็นที่ขาดข้อมูล อย่างยาป้องกันกระดูกพรุนก็ซื้อหาได้ง่าย และเครื่องตรวจวัดภาวะกระดูกพรุน ก็ใช่ว่าได้มาตรฐาน"

หากถามว่า เราสามารถตัดสินใจใช้ยาได้ด้วยตนเองหรือไม่ คุณหมอบอกว่า เรื่องนี้ยาก จำเป็นต้องใช้การวินิจฉัยจากแพทย์ แต่อีกส่วนที่พึ่งพาได้คือ การเปิดดูบัญชียาหลักแห่งชาติ ดูในเวบไซต์ก็ได้ ถ้าไม่มีในบัญชีก็ซักถามแพทย์ได้ว่า ทำไมต้องกินยาชนิดนี้

"ตอนนี้ผมเน้นเรื่องการใช้ยาปฏิชีวนะที่เกินจำเป็นก่อน เพราะเรื่องนี้สำคัญมาก ถ้าใช้ยาผิดจะเกิดผลกระทบกับคนทั้งประเทศ เมื่อเกิดเชื้อดื้อยาปนมากับโรคหวัด ก็จะสามารถแพร่พันธุ์ผ่านการไอและจามในที่สาธารณะ เมื่อเกิดอาการดื้อยาอีก ก็เปลี่ยนมาใช้ยาปฏิชีวนะตัวใหม่ ซึ่งมีราคาแพง แต่ก็ไม่ได้แก้ปัญหาเชื้อดื้อยา ทำให้หมดทางรักษา เพราะไม่สามารถคิดค้นยาตัวใหม่ได้ทันอัตราการเกิดของเชื้อดื้อยา และมีภาวะการดื้อยามากขึ้นเรื่อยๆ บางโรคน่าจะรักษาได้ แต่มีอาการดื้อยากว่า 80%" คุณหมอพิสนธิ์ กล่าว

ภูมิต้านทานในร่างกาย

อาการเจ็บคอเป็นหวัด น้ำมูกไหล ไอ และมีไข้ ประมาณ 80 % เป็นโรคที่เกิดจากเชื้อไวรัส ทำให้เกิดการอักเสบขึ้นในอวัยวะต่างๆ ทำให้คัดจมูก น้ำมูกไหล ระคายคอ เจ็บคอ คอแดง ทำให้เสียงแหบ และเชื้อไวรัสบางชนิดอาจทำให้มีอาการตาแดง

ขณะที่ติดเชื้อไวรัส ร่างกายจะเริ่มสร้างระบบภูมิต้านทานเชื้อไวรัส เพื่อไม่ให้เพิ่มปริมาณมากขึ้นและป้องกันไม่ให้แพร่กระจายไปยังอวัยวะอื่นๆ และสารภูมิต้านทานตัวนี้จะทำการจดจำลักษณะสำคัญของไวรัสไว้ในเม็ดเลือดขาวที่เรียกว่า ลิมโฟไซต์

ดังนั้นถ้าร่างกายรับเชื้อไวรัสชนิดเดิมเข้ามาในอนาคต ร่างกายก็จะปลอดภัยเพราะมีภูมิต้านทานเก็บไว้ในเม็ดเลือดขาว ซึ่งไม่ต้องดูอื่นไกลเด็กที่เคยเป็นหัด อีสุกอีใส จึงไม่เป็นโรคดังกล่าวซ้ำอีก

การมีไข้ที่เกิดขึ้นเป็นปฏิกิริยาหนึ่งที่เกิดจากกระบวนการภูมิต้านโรคเพื่อทำการต่อสู้กับเชื้อไวรัส มีการสร้างสภาวะแวดล้อมไม่เหมาะสมกับการแพร่กระจายเชื้อไวรัสด้วยการทำให้อุณหภูมิของร่างกายให้สูงขึ้น แต่โรคติดเชื้อไวรัสบางชนิดก็เป็นอันตราย เช่น ไข้เลือดออก ในวงการแพทย์ยังไม่มียาต้านไวรัสเพื่อทำลายไวรัสไข้เลือดออก แพทย์จึงรักษาตามอาการ เช่น ให้ยาลดไข้ ให้น้ำเกลือเพื่อแก้ไขภาวะเลือดข้นในโรคไข้เลือดออก เพื่อรอให้ร่างกายสร้างภูมิต้านทานหยุดยั้งโรค ซึ่งอาจใช้เวลา 7-10 วัน

โรคติดเชื้อไวรัสจึงเป็นโรคที่หายเองด้วยภูมิต้านทานของร่างกาย


วันศุกร์, เมษายน 11, 2551

master of macro

http://lordv.smugmug.com/popular/
ดูแล้วจะรู้เอง



LordV Macros- powered by SmugMug

Digital Photography Tutorials

http://www.cambridgeincolour.com/tutorials.htm
ภาคทฤษฎีนะ และแน่นอน เป็นภาษาอังกฤษ


* Cameras
* Understanding Digital Camera Sensors
* Understanding Camera Metering & Exposure
* Understanding Camera Lenses: Focal Length & Aperture
* Choosing a Camera Lens Filter: Polarizers, UV, ND & GND (NEW)
* Understanding Depth of Field
* Understanding Camera Autofocus (NEW)
* Understanding RAW Files: Why Should I Use RAW?
* Camera Lens Flare: What It Is and How to Reduce It
* Understanding the Hyperfocal Distance
* Imaging
* A Background on Color Perception
* Understanding Digital Pixels: PPI, Dithering and Print Size
* Understanding Bit Depth
* Understanding Image Types: JPEG & TIFF
* Understanding Histograms, Part 1: Tones & Contrast
* Understanding Histograms, Part 2: Luminance & Color
* Understanding Image Noise
* Understanding Sharpness
* Understanding White Balance
* Understanding Image Posterization
* Understanding Dynamic Range
* Understanding Digital Image Interpolation

TIPS & TECHNIQUES

* Using "Levels" in Photoshop
* Using "Curves" in Photoshop
* Sharpening Using an "Unsharp Mask"
* Using Local Contrast Enhancement
* Converting a Color Photo Into Black & White
* A Closer Look at Resizing an Image for the Web & Email
* Optimizing Digital Photo Enlargement
* Averaging Images to Reduce Noise
* A Flexible Depth of Field Calculator
* Color Management
* Color Management, Part 1: Concept & Overview
* Color Management, Part 2: Color Spaces
* Color Management, Part 3: Color Space Conversion
* Working Space Comparison: sRGB vs. Adobe RGB 1998

ADVANCED TOPICS

* Understanding Diffraction: Pixel Size, Aperture and Airy Disks
* Digital Camera Sensor Sizes: How Do These Influence Photography?
* Using the High Dynamic Range (HDR) Feature in Photoshop CS2/CS3
* Tilt/Shift Lenses: Using Shift Movements to Control Perspective (NEW)
* Tilt/Shift Lenses: Using Tilt Movements to Control Depth of Field (NEW)
* Intro and Common Obstacles in Night Photography
* Photo Stitching Digital Panoramas, Part 1: Overview & Capture
* Photo Stitching Digital Panoramas, Part 2: Using Stitching Software (NEW)
* Photo Stitching Digital Panoramas: Image Projections
* Plus many more as time permits...

ขำปนน้ำตา ทหารเกณฑ์ ที่กลับจาก 3 จังหวัดชายแดน ภาคใต้

http://billbew.multiply.com/journal/item/32
ไปอ่านเจอมาครับ

อ่านแล้วให้รู้สึก พูดไม่ออก ประเทศเราไมเปนไปได้ขนาดนี้

วันอังคาร, เมษายน 08, 2551

น้องปอร์เช่ เราจะไม่รักนาย




ชื่อฝรั่ง น้องปอร์เช่
ชื่อไทย โป๊ะเชะ
สถานภาพทางเพศ ชาย
สถานภาพทางสังคม หมาของหลาน
สถานภาพทางเศรษฐกิจ อดมื้้อกินสองมื้อ อิอิ


ปอร์เช่เราจะไม่รักนายหรอก เพราะไม่งั้นวันที่นายจากไปเราจะเสียใจ

วันศุกร์, เมษายน 04, 2551

วันพฤหัสบดี, เมษายน 03, 2551

~* Is it true? *~?


คำหนังจีนว่าไว้ว่า "จริงคือเท็จ เท็จคือจริง  จริงจริงเท็จเท็จ อิอิ"

ไม่รู้ว่าจริงป่ะ เพื่อนส่งมาให้จาก สสส.


 

 

1.

กิน หวาน มากทำให้ผิวเหี่ยว จริงหรือ

 

เฉลย

จริง เพราะ เมื่อร่างกายมีน้ำตาล อยู่ ในกระแสเลือดมากเกินไป มันจะไปเกาะติดกับเส้นใยโปรตีนที่อยู่ระหว่างเซลล์ ผิว ทำ ให้เกิดภาวะผิวเครียดขึ้น และนำไปสู่อาการแก่ก่อนวัย ผิวหยาบกร้าน และ เหี่ยวย่น ในที่สุด

2.

การยืนเอาปลาย นิ้ว มือแตะปลายนิ้วเท้าจะทำให้ผิวหน้าดูสดใส จริงหรือ

 

เฉลย

จริง โดยการยืนเอาปลายนิ้วมือแตะ ปลาย นิ้วเท้า ก้มตัวต่ำๆค้างไว้นับ 1-30 แล้วค่อยๆ ยืนขึ้นจะทำให้โลหิต บริเวณหนังศีรษะ และใบหน้าหมุนเวียนได้ดียิ่งขึ้น ส่งผลกระทบให้ผิวหน้าดูสดใส ขึ้น

3.

เอาน้ำแข็งถูหน้า ก่อนนอนจะทำให้หายมันได้ จริงหรือ

 

เฉลย

ไม่จริง แต่แก้ปัญหาหน้ามันได้โดยการ ใช้น้ำเมือกว่านหางจระเข้ทาหน้าให้ทั่วใบหน้า ทาแล้วไม่ต้องล้างออก น้ำเมือกจะ แห้งไปเองภายใน ๕ - ๑๐ นาที ทำก่อนนอน แค่นี่หน้าก็จะ หาย ขอย้ำ... เมือกจากว่านหางจระเข้เท่านั้น เมือกอย่างอื่นที่ทำเป็นประจำ ผิวหน้าอาจอักเสบ หรือ ติดโรคได้...

4.

การสวมเสื้อผ้า หนาๆ เพื่อให้เหงื่อออกเยอะๆ จะทำให้ผอมเร็วจริงหรือ

 

เฉลย

ไม่จริง การที่เหงื่อออกเยอะคือ ภาวะ ที่ ร่างกายโดนความร้อนแล้วระบายความร้อนออกมา ไม่ใช่การเผาผลาญไขมันออกมา เพราะ ฉะนั้นพอเราดื่มน้ำเข้าไป น้ำหนักก็จะเท่า เดิม

5.

คนผิวแห้งมีโอกาส เกิดริ้วรอยกว่าคนผิวมัน จริงหรือ

 

เฉลย

จริง เพราะคนผิวแห้งขาด ซีบัม หรือ สารไขมัน ทำให้กลไกลการปกป้องตนเองของผิวหนังทำงานได้ไม่ดีเท่าที่ควร เพราะ ฉะนั้นคนผิวแห้งควรดูแล และทาครีมบำรุงเพื่อความชุ่มชื่นแก่ผิวพิเศษกว่าคนผิว มัน

6.

การฝึกกลั้นหายใจ สามารถชะลอหน้าแก่ก่อนวัยได้ จริงหรือ

 

เฉลย

จริง โดยการหายใจออกทางปากอย่างช้าๆ จนสุดลม แล้วหายใจเข้าทางจมูกอย่างช้าๆ ให้เต็มปอด กลั้นไว้ระยะหนึ่ง แล้วจึง หายใจออกอย่างช้าๆ ทำแบบนี้วันละ 2 ครั้งๆ ละ 20 นาที จะช่วยชะลอผิวแก่ก่อนวัย และรอยคล้ำ ได้

7.

การ ร้องไห้ช่วยลดความอ้วนได้ จริงหรือ

 

เฉลย

ไม่จริง แต่การหัวเราะต่างหากที่ช่วย เผา ผลาญแคลอรีให้หมดไปได้ดีกว่าอยู่เฉยๆ ได้มากถึง 20% ซึ่งหากได้หัวเราะวัน ละสัก 10 -15 นาที จะช่วยเผาผลาญพลังงานลงได้มาก ถึง 50 แคลอรี

8.

กาวตราช้างใช้ รักษาส้นเท้าแตกได้ จริงหรือ

 

เฉลย

จริง เพราะ เมื่อปิดหนังที่แตกด้วย กาวตราช้าง สิ่งสกปรกจะเข้าไปในรอยแตกไม่ได้ ผิวจะไม่ ถูกรบกวน จึงมีการซ่อม แซม ตนเองขึ้นมา มีการสร้างเซลล์ใหม่ และผลัดเซลล์เก่าออก กาวช้างก็จะหลุดออก ไป แต่ ห้ามใช้กับคนที่แพ้กาวตราช้าง

9.

การ เต้น รำทำให้ผิวสวยได้ จริงหรือ

 

เฉลย

จริง เพราะ การเต้นรำเพียงวัน ละ 20 นาที ช่วยเผาผลาญแคลอรี กระตุ้นระบบการหายใจ และระบบหมุนเวียนโลหิต ทำ ให้เลือดลมเดินทั่วผิว ทำให้ผิวสวยมีสุขภาพ ดี

10.

การใส่ กระโปรงสั้นในห้องแอร์เป็นประจำทำให้ขาใหญ่ได้ จริง หรือ

 

เฉลย

จริง เพราะ ช่วงขาส่วนที่อยู่ นอกกระโปรงจะเกิดการสะสมไขมันเป็นพิเศษ เพื่อให้เข้ากับสภาพอากาศ โดยเฉพาะ เมื่อ ผิวหนังเจอความหนาวเย็น ทำให้เกิดเซลลูไลท์= A

 

ชุดคำถาม ที่ 3 หมวด รู้ไว้ใช่ว่า

 

1.

การแลบลิ้นให้น้ำลาย ยืดลงพื้น 3 หยด จะแก้เผ็ดได้ จริงหรือ

 

เฉลย

จริง อาการเผ็ดเกิดจากสารที่ชื่อ แค ปไซซิน ที่อยู่ในพริกเข้าไปจับกับปลายประสาทรับรถที่ลิ้น ร่างกายจะก็จะแสดงปฎิ กริยาโดบขับน้ำลายออกมาชะล้างเอาเจ้าสารนี้ออกไป

2.

ดูดนมยางของเด็กทารก ตอนนอนจะแก้อาการนอนกรนได้ จริงหรือ

 

เฉลย

จริง การคาบหรืออมนายางของเด็กทารก ไว้ในปากจะทำให้ลิ้นในปากอยู่นิ่ง ก็จะพลอยให้เนื้อเยื่อของเพดานไม่กระเทือน สั่นไหวขึ้นจึงไม่เกิดอาการกรน และไม่นอนอ้าปากอีก ด้วย

3.

การสูดกลิ่นตัว ผู้ชาย ทำให้หายเครียดได้ จริงหรือ

 

เฉลย

จริง เพราะกลิ่นตัวผู้ชายที่เป็นคน รักนั้นมีสาร ฟีโรโมน ผสมอยู่โดยเฉพาะในผมและผิวของเขา เมื่อสูดดมแล้วจะช่วยลด อาการเครียดและเหนื่อยล้าลงได้

4.

แอปเปิ้ลผลิตกระแส ไฟฟ้าได้ จริงหรือ

 

เฉลย

จริง ถ้าเสียบแผ่นสังกะสี และแผ่น ทอง แดง กรดในแอปเปิ้ลจะทำให้เกิดการแตกตัวของไอออน ทำให้ลูกแอปเปิ้ลเป็น เหมือน แบตเตอรี่ ซึ่งผลไม้ชนิดอื่นเช่น มะนาว เกรป ฟรุ๊ต หรือมันฝรั่ง ก็ทำได้ เช่น กัน

5.

ปัสสาวะ มนุษย์ใช้ทำยาสีฟันในสมัยโบราณ จริงหรือ

 

เฉลย

จริง โดยแพทย์ชาวโรมันเชื่อว่า ปัสสาวะมนุษย์ มีคุณสมบัติทำให้ฟันขาว และแข็งแรง ยาสีฟันในยุคดังกล่าว จึง เป็น น้ำยาบ้วนปากที่ทำจากปัสสาวะมนุษย์

6.

วัวกระทิงเกลียดสี แดง จริงหรือ

 

เฉลย

ไม่จริง เพราะ วัวเป็นสัตว์ตาบอดสี ไม่ สามารถแยกแยะสีต่างๆ ได้ แต่การที่วัวเมื่อถูกล่อด้วยผ้าแดงเหมือนในสนามสู้วัว แล้วก็พุ่งเข้าใส่นั้น เป็นเพราะความรำคาญ และเพราะถูกยั่วยุ มากกว่า

7.

เพชรแท้จะ ไม่ติดสีหมึก จริงหรือ

 

เฉลย

จริง การทดสอบดูเพชรแท้นั้น ให้ป้าย น้ำหมึกสีดำไปบนเพชร ถ้ามีความลื่นออก ไม่ติดอยู่บนเพชร แสดงว่าเป็นเพชรแท้ แต่ ถ้ายังมีจุดดำตรงที่แต้มอยู่ ก็แสดงว่าเป็นเพชร เทียม

8.

การทะเลาะ กันทำให้แผลหายช้า จริงหรือ

 

เฉลย

จริง เพราะ ความเครียดที่เกิดขึ้น ทั้งระหว่าง และหลังจากการทะเลาะกัน จะส่งผลให้ร่างกายลดการผลิตโปรตีนเม็ด เลือด ที่มีประโยชน์ต่อการรักษาบาดแผล หรือส่วนที่สึกหรอในร่างกายให้น้อยลง ทำ ให้บาดแผลต่างๆ หายช้า

9.

แสงแดด อ่อนๆ ช่วยป้องกันโรคซึมเศร้าได้ จริงหรือ

 

เฉลย

จริง เพราะ แสงแดดอ่อนๆ จะช่วยลดการ สร้างฮอร์โมนเมลาโตนิน ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ควบคุมการนอนหลับ ถ้าหากเก็บตัวอยู่ แต่ในที่มืดจะทำให้ฮอร์โมนตัวนี้สูงขึ้น และอาจส่งผลให้เกิดการง่วง เหงา ซึม เซา ได้

10.

การฟัง เพลง ช่วยบรรเทาอาการปวดข้อได้ จริงหรือ

 

เฉลย

จริง เพราะ การฟังเพลงทำให้สมอง หลั่ง สารเอนดอร์ฟินส์ ซึ่งเป็นฮอร์โมนสร้างความสุขออกมา ช่วยลดความดันโลหิต และ บรรเทาอาการปวดข้อลงได้

 

ชุดคำถาม ที่ 2 หมวด กินเพื่อสุขภาพ

 

1.

กินน้ำมะนาวปั่น สามารถแก้อาการเมาค้างได้ จริงหรือ

 

เฉลย

ไม่จริง แต่แก้อาการเมาค้างได้โดยการ ดื่มน้ำกล้วยปั่นกับนมและน้ำผึ้ง เพราะกล้วยจะทำให้กระเพาะของเราสงบลง ส่วนน้ำ ผึ้งจะเป็นตัวช่วยหนุนเสริมปริมาณน้ำตาลในเส้นเลือดที่หมดไป ในขณะที่นมก็ช่วย ปรับระดับของเหลวในร่างกายของเรา ทำให้อาการเมาหายไป ได้

2.

เมื่อ เป็นไข้ไม่ควรกินฝรั่ง จริงหรือ

 

เฉลย

จริง เพราะในฝรั่งมีแร่โพแทสเซียม สูง เมื่อเวลาเป็นไข้ร่างกายจะมีอุณหภูมิสูงขึ้น การกินอาหารที่มีโพแทสเซียม สูง จะส่งผลให้เกิดอาการชักได้

3.

มัน ฝรั่งช่วยลดความดันโลหิตให้ต่ำลงได้ จริงหรือ

 

เฉลย

จริง เพราะในมันฝรั่งมีสารเคมีที่ เกิดขึ้นตามธรรมชาติที่ชื่อว่า คูคัวไมน์ส มีสรรพคุณในการควบคุมความดันโลหิต ให้ ต่ำลง และมันยังรักษาโรคที่ลึกลับที่เรียกว่า โรคนอนหลับ ได้อีก ด้วย

4.

ดื่มนม ร้อนก่อนนอนจะช่วยกระตุ้นอารมณ์ทางเพศได้ จริง หรือ

 

เฉลย

ไม่จริง แต่การดื่มนมร้อนก่อนนอนจะช่วยให้นอนหลับสบาย ยิ่งขึ้น เพราะนมร้อนจะส่งเสริมให้สมองหลั่งสาร

5.

การเคี้ยวหมาก ฝรั่งช่วยเพิ่มฮอร์โมนเพศชายได้ จริงหรือ

 

เฉลย

ไม่จริง แต่การเคี่ยวหมากฝรั่งช่วยให้ คน ไข้ผ่าตัดลำไส้ใหญ่หายเร็วขึ้น เพราะการเคี้ยวหมากฝรั่งหลังการผ่าตัด เป็น การ บริหารให้ลำไส้กลับมาทำงานตามปกติได้เร็วขึ้น คนไข้จะไม่เกิดอาการลำไส้อืด ซึ่ง ทำให้ปวดท้อง และท้องอืด หลังจากที่ต้องหยุดทำงานไปพัก หนึ่ง

6.

การกินเนยก่อนนอน ทำให้นอนหลับสนิทขึ้น จริงหรือ

 

เฉลย

จริง เพราะในเนยมี กรดอมิโน ที่มี ชื่อ ว่า ทริปโตพัน ซึ่งมีสรรพคุณช่วยให้เกิดความรู้สึกผ่อนคลาย และสะกดให้หลับ ได้ สนิทดีขึ้น

7.

กินส้ม ช่วยแก้อาการเซ็งได้ จริงหรือ

 

เฉลย

จริง การรับประทานส้มโดยปอกเปลือก เอง จะมีกลิ่นส้มที่ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย และวิตามินซีที่ร่างกายได้รับในจำนวน ที่ เพียงพอ ช่วยให้สมองหลั่งฮอร์โมนที่ทำให้คลายความเครียดลงได้ดีออกมา ด้วย

8.

การกินช็อคโกแล๊ต ช่วยแก้ไอได้ จริงหรือ

 

เฉลย

จริง เพราะ โกโก้ที่ใช้ทำช็อคโกแล๊ต มีสารที่ชื่อว่า ธีโอโบรไมน์ จะไปออกฤทธิ์ที่เส้นประสาทชื่อ เวกัสเนอร์ฟ ที่ทำ หน้าที่เกี่ยวกับการไอ ทำให้สามารถหยุดอาการไอเรื้อรังอย่างได้ ผล

9.

การกิน บ๊วยช่วยเพิ่มกำลังได้ จริงหรือ

 

เฉลย

จริง เพราะ การที่คนเรามีอาการ เหนื่อย อ่อนเพลีย เพราะกรดในเลือดสูง ร่างกายไม่สามารถปรับดุลความเป็นด่างได้ ทัน แต่บ๊วยมีความเป็นด่าง Ph 7.35 ใกล้เคียงกับเลือดคนเรา จึง ช่วย ถ่วงดุลความเป็นด่างได้ และยังมีโปรตีน เกลือแร่ และสารอาหารจำเป็นอยู่มาก อีก ด้วย

10.

การกิน อาหารมื้อเช้าช่วยป้องกันความจำเสื่อมได้ จริง หรือ

 

เฉลย

จริง เพราะ เลือดตอนเช้าจะแข็งตัว ง่ายกว่าปกติ จึงมีโอกาสที่หลอดเลือดอุดตันมากขึ้น สารอาหาร ไปเลี้ยงสมองได้ น้อยลง สมองจึงค่อยๆ เสื่อม

ด้วยรักจาก หมอ

 

.


__,_._,___

*****************************