วันอังคาร, มีนาคม 14, 2549

ปล่อยวางถั่วในมือท่าน

พระพุทธองค์ทรงตรัสว่า... 

จิตของคนเรานั้น เหมือนกับลิง 

 

 

เราจึงเรียนรู้เรื่องของจิตใจของเราได้มากมายจากพฤติกรรมของลิง 

ลิงนั้นเกลียดกะปิ ถ้ากะปิถูกมือมันเมื่อใด 

มันจะถูนิ้วกับพื้นจนเลือดไหลเต็มมือจนกว่ากลิ่นกะปิจะหายในที่สุด 

 

จนกลายเป็นว่ากะปิถึงจะร้าย ก็ไม่ร้ายเท่าความเกลียดกะปิ 

ที่มือลิงเป็นแผลเหวอะหวะ ไม่ใช่เพราะกะปิ 

หากเป็นเพราะความจงเกลียดจงชังกะปิต่างหาก 

 

 

สิ่งที่เราเกลียดนั้น บ่อยครั้งไม่น่ากลัวเท่ากับความเกลียดชังในจิตใจเรา 

ความเกลียดชัง หรือพูดให้ถูกก็คือความรู้สึกอยากผลักไส ซึ่งรวมทั้งความโกรธและความกลัว 

 

แต่นั่นเป็นเพียงครึ่งหนึ่งของความจริงเท่านั้น 

 

นอกจากความอยากผลักไสแล้ว ความยึดติดเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่เราต้องระวังไม่แพ้กัน 

 

 

 

กลับมาที่ลิงจอมซนอีกที 

 

ในอินเดีย ลิงเป็นไม้เบื่อไม้เมากับชาวบ้าน 

เพราะชอบขโมยผลไม้ในสวน ชาวบ้านจึงคิดวิธีจับลิง 

 

โดยใช้กล่องไม้ซึ่งมีฝาด้านหนึ่งเจาะรูเล็กๆ พอให้ลิงสอดมือเข้าไปได้ 

ในกล่องมีถั่วซึ่งเป็นของโปรดของลิงวางไว้เป็นเหยื่อล่อ 

วันดีคืนดี ลิงมาที่สวน เห็นถั่วอยู่ในกล่อง ก็เอามือล้วงเข้าไปหยิบถั่ว 

แต่พอถอนมือออกมาก็ติดฝากล่อง เพราะกำมือของลิงนั้นใหญ่กว่าฝากล่องที่เจาะไว้ 

ลิงพยายามดึงมือเท่าไรก็ไม่ออก พอชาวบ้านมาจับ ก็ปีนหนีขึ้นต้นไม้ไม่ได้ 

เพราะมีมือเปล่าอยู่ข้างเดียว สุดท้ายก็ถูกคนจับได้ 

 

ลิงหาได้เฉลียวใจไม่ว่า

เพียงแค่มันคลายมือออกเท่านั้น มันก็เอาตัวรอดได้ 

แต่เพราะยึดถั่วไว้แน่น ไม่ยอมปล่อย จึงต้องเอาชีวิตเข้าแลก 

 

มีหลายสิ่งหลายอย่างในชีวิตที่เราใฝ่ฝันอยากได้ จนถึงกับยึดไว้อย่างเหนียวแน่น 

เวลาประสบปัญหา เพียงแค่คลายสิ่งที่ติดยึดนั้นเสียบ้าง ปัญหาก็คลี่คลาย 

แต่เป็นเพราะเราไม่ยอมปล่อย จึงเกิดผลเสียตามมาอย่างมากมาย..ไม่คุ้มกับสิ่งที่ติดยึด 

 

ปัญหาทั้งหลายในชีวิตนั้น ถ้าเรารู้จักปล่อยวางเสียบ้าง มันก็จะบรรเทาไปได้เยอะ 

บ่อยครั้งการปล่อยวางไม่เพียงแต่เป็นจุดเริ่มต้นของการแก้ปัญหาเท่านั้น 

หากแต่เป็นทางออกจากปัญหาเลยทีเดียว 

 

ความจริงการอยากผลักไสอะไรสักอย่าง ก็เป็นการติดยึดอีกแบบหนึ่ง 

 

ทั้งๆ ที่ลิงพยายามถูกำจัดกลิ่นกะปิไปจากมือ ก็อดไม่ได้ที่จะดึงมือมาดมหากลิ่นกะปิซ้ำแล้วซ้ำเล่า 

 

ในหลายๆกรณี ความทุกข์ไม่ได้มาจากไหน หากมาจากการยึดติดไม่ยอมปล่อย ดั่งเจ้าลิงหวงถั่ว.

 


วันอาทิตย์, มีนาคม 05, 2549

เทคนิค canon powershot A80 การทำ SNAP MODE

การทำให้เป็นกล้องทันใจ เล็งแล้วถ่าย

ทำไมต้องมี SNAP MODE
เพื่อใช้เวลาต้องการถ่ายภาพเหตุการณ์ปัจจุบันทันด่วนต่อเนื่อง ไม่อยากเสียเวลาเสี้ยววินาทีให้กล้องโฟกัส
มีเวลาเล็งกล้องไม่มากนัก แถมยังประหยัดแบตปิดจอถ่าย เพราะเน้นเล็งจากช่องมองก็พอแล้ว กล้องไม่ต้องทำการปรับโฟกัส

วิธีทำ
1. เปิดกล้อง ในโหมดเตรียมถ่าย เลือกโหมด P
2.กด "FUNC" เพื่อกำหนดค่าต่างๆ ตามถนัด กด "FUNC" อีกครั้ง
3. เลือกซูม แบบมุมกว้างให้สุด
4. กดปุ่ม MENU ไปที่ "Set up" ไปที่ Distance Units เลือก "m/cm" กดปุ่ม MENUอีกครั้ง เพื่อออกจากเมนู
5. กด Macro / MF สองครั้ง เพื่อใช้โหมด MF (Manual Focus)
6. เลื่อน กดปุ่มไปทางลูกศรขวามือ จนได้ระยะที่ 5 เมตร แล้ว กดไปทางซ้าย 1 ครั้ง จะได้ระยะที่ต่ำกว่า 5 เมตร นิดหน่อย
7. กดปุ่ม "SET" เพื่อ ล็อคโฟกัส
8. กดปุ่ม "MENU" อีกครั้ง เพื่อไปที่ "Rec. Menu" แล้วกด "UP" 1 ครั้ง จะไปที่ "C Save Settings".
9. กดปุ่ม "Set" เลือกเอาว่า จะเซฟเปน C1 รึ C2 แล้ว กด set อีกครั้ง
10. เสร็จแล้วครับ เวลาจะใช้งาน ก้อเลือก C1 รึ 2 ตามที่ตั้งไว้ เล็งนิ่งๆแล้วก็ถ่ายได้เลยครับ

ตัวอย่างการตั้ง FUNC C1 ควรปรับตามประสบการณ์ของแต่ละคนครับ
- 1/3 EV
Auto White Balance
ISO 50
Continuous Drive Mode
Vivid Off
Evaluative Metering Evaluative Metering
Superfine 2272 x 1704
AiAF off
~Manually Focused @ 5 meters. (ลดลง 1 คลิ้ก ประมาณ 3.59 เมตร)

(F2.8 เปิดหน้ากล้องกว้างสุด 7.8mm ซูมมุมกว้างสุด สองอันนี้ไม่ควรปรับครับ เดี๋ยวไม่เปนไปตามสูตร )


ทำไมต้องตั้งโฟกัสไปที่ 5 เมตรแล้วลดมา 1 คลิ้ก
ตามที่อ่านมานั้นในกล้อง A80 หากเราตั้งระยะจุดโฟกัสที่ประมาณ 3.59 เมตร ที่ F2.8 เปิดหน้ากล้องกว้างสุดและ7.8mm ซูมมุมกว้างสุด จะทำให้ เกิดระยะชัดลึก ตั้งแต่ 1.89 เมตร ไปถึงระยะอนันต์ ครับ

ข้อควรระวัง ควรอยู่ห่างจาก วัตถุที่ถ่ายประมาณ 2 เมตรขึ้นไปครับ เพื่อให้อยู่ในระยะชัด

อ้างอิงจากhttp://albert.achtung.com/cameras/A80/index7.html#SNAP

ปล. ผมได้ลองทดลองใช้ดูแล้วครับ ผลยังไม่แน่นอน ท่านอื่นหากเอาไปลองทำแล้วลองแนะนำมานะครับ ขอบคุณครับ


วันศุกร์, มีนาคม 03, 2549

แอปเปิ้ลปลายยอด

 
เดิมทีสำนวนสำหรับผู้หญิง(สูงวัย)และโสด เคยใช้กันติดปากว่า...."ขึ้นคาน"...หลังจากอ่านเรื่องนี้จบ คงต้องเปลี่ยนเป็น........"แอปเปิ้ลปลายยอด".... ดูดีทีเดียวเนอะ...คนไม่พยายามก็มักจะเอื้อมไม่ถึงกัน คุณผู้ชายทั้งหลายโปรดเปลี่ยนแนวคิดใหม่นะคะ...

ใครหนอช่างคิดเสียจริง..คงโดนเรียกว่าขึ้นคานจนทนไม่ได้...

ผู้หญิงก็เหมือนลูกแอปเปิ้ล

Woman are like apples on trees. The best ones are at the top of the tree.
ผู้หญิงก็เหมือนแอปเปิ้ลบนต้นไม้นั่นแหละ ลูกที่ดีที่สุดจะอยู่สูงที่สุด

The men don't want to reach for the good ones because they are afraid of falling and getting hurt.
พวกผู้ชายที่ไม่อยากหยิบลูกดีๆ ก็เพราะกลัวจะตกและเจ็บตัว

Instead, they just get the rotten apples from the ground that aren't as good, but easy.
ก็เลยหันมาเก็บลูกเน่าๆ ที่หล่นอยู่บนพื้นแทน ไม่ดีแต่ง่าย

So the apples at the top think so! mething is wrong with them, when in reality, THEY'RE amazing.
แอปเปิ้ลสูงส่งด้านบนก็เลยคิดว่าชั้นมีอะไรไม่ดีเหรอ ในขณะที่ความเป็นจริงแล้ว พวกหล่อนออกจะดี เลิศ

They just have to wait for the right man to come along, the one who's brave enough to climb all the way to the top of the tree.
ก็แค่ต้องรอคอย ผู้ชายที่ใช่เท่านั้นแหละ ใครคนนั้นที่กล้าพอจะปีนสู่ยอดไม้มาเก็บเราไป

YOU'RE A GOOD APPLE. SHARE THIS WITH OTHER WOMEN WHO ARE GOOD APPLES, EVEN THOSE WHO HAVE ALREADY BEEN PICKED.
สาวโสดทั้งหลาย เธอน่ะเป็นแอปเปิ้ลที่ดีต่างหาก (ไม่ใช่ไม่มีใครเอา)

ส่งต่อไปนะจ้ะถึงผู้หญิงที่ ถูกเก็บไปแล้วด้วย