วันอังคาร, มกราคม 29, 2551

Djvu การแสกนเอกสารแบบบีบอัดสุดๆ

คุณวี นักเล่าเรื่องจากบ้านนอก เอ่ยถึง Djvu  ให้ได้ยินเลยไปตามหาดูครับ
ก้อคล้ายๆ pdf แต่บีบอัดได้มากกว่า เร็วกว่า
ต้องใช้โปรแกรมของเขาเปิดดู เหมือนpdf มีปลักอินให้พร้อม
มีระบบ แปลงผ่านเวปให้ด้วย

image DjVu (pronounced "déjà vu") is a new image compression technology developed since 1996 at AT&T Labs to solve precisely that problem. DjVu allows the distribution on the Internet of very high resolution images of scanned documents, digital documents, and photographs. DjVu allows content developers to scan high-resolution color pages of books, magazines, catalogs, manuals, newspapers,historical or ancient documents, and make them available on the Web.


DjVu typically achieves compression ratios about 5 to 10 times better than existing methods such as JPEG and GIF for color documents, and 3 to 8 times than TIFF for black and white documents.

imageScanned pages at 300 DPI in full color can be compressed down to 30 to 100KB files from 25MB.. Black-and-white pages at 300 DPI typically occupy 5 to 30KB when compressed.

This puts the size of high-quality scanned pages within the realm of an average HTML page (which is typically around 50KB).









อ่านเพิ่มเติม   http://djvu.org/resources/


Typical DjVu file sizes are as follows:
http://www.djvuzone.org/djvu/photos/jpgvsdjvu01/index.html

http://djvu.org/resources/jpgvsdjvu/comparison.html

มล.เหมาะสำหรับใช้เก็บและแสดง เอกสาร + รูปภาพ ในความละเอียดที่สูง และขนาดที่เล็ก
แต่ต้องลงซอฟแวร์เพิ่มเพื่ออ่านเอกสาร

วันจันทร์, มกราคม 28, 2551

แบบคัดกรองภาวะซึมเศร้าในวัยรุ่น

http://www.dmh.go.th/stydepression/test/asheet.asp?qid=1
เราเอง ออกจะเลยวัยรุ่นไปเล็กน้อย แต่ก้อไปทดสอบมาอะ

คุณตอบคำถาม 20 ข้อ ได้คะแนนรวม 19 คะแนน
การแปลผลการประเมิน : ไม่อยู่ในข่ายภาวะซึมเศร้าค่ะ

วันพุธ, มกราคม 23, 2551

ทำลิ้งค์ไปบ้านคนอื่น แบบด่วนๆ

สมมุตว่าลิ้งค์ิไปบ้านผมเอง

ก็ใช้แบบนี้ครับ    id://ชื่อบ้าน
ลองดู    id://notbirth
จะได้  notbirth

จบแระ

อ่านมาจาก http://muds.multiply.com/journal/item/306

Multiply Frequently Asked Questions

http://multiply.com/info/faq
จะเล่นในถิ่นเขา ก็ควรรู้เรื่องเขาไปสักหน่อยน่ะ


รู้เขารู้เรา รบร้อยชนะร้อย ซุนวูกล่าวไว้(มั้ง)

เรื่องน่าขันของคนนอกวัด


พระมหาสมปอง อ่านแล้วขำดี เรื่องวัตถุดิบ
>
> ญาติโยมหลายท่านมักถามว่า
> " ท่านบวชเรียนมาตั้งแต่อายุยังน้อย อยู่ในเพศบรรพชิตมามากกว่าครึ่งชีวิต
มีโอกาสสัมผัสชีวิตฆราวาสไม่มากนัก
> แล้วเอาข้อมูล วัตถุดิบหรือมุกมาจากไหนหนักหนา"
>
> อาตมาก็ตอบว่า หลักๆ เลยก็คือ การอ่าน นอกจากนั้นก็หนัง ละคร
ที่ญาติโยมดูกันนั่นแหละ
> พอตอบออกไปอย่างนี้ โยมก็สวนกลับทันที
> " ไม่ผิดข้อห้ามหรือท่าน"
>
> อาตมาก็จะอธิบายไปว่า ดูเพื่อให้เท่าทันกิเลสจะได้สกัดมันถูก และที่สำคัญ
หากอาตมาไม่รู้หรือไม่เข้าใจ
> ตลอดจนไม่เท่าทันเรื่องราวทางโลกและ
จะมาบรรยายธรรมให้ญาติโยมรู้สึกอินกันได้อย่างไร
> ซึ่งนอกจากการอ่าน การดูและการฟังแล้ว หลายวัตถุดิบที่นำมาสร้างเป็นมุกฮา
ก็ได้มาจากการพูดคุยกับ
> เหล่าโยมๆ นี่แหละ

> อย่างวันหนึ่งระหว่างที่อาตมากำลังฉันเพลอยู่ก็มีโยมท่านหนึ่งโทร.มา
> " พระอาจารย์เหรอคะ นี่อาตมาเองนะคะ"
> " หา อะไรนะ"
> " พระอาจารย์เหรอคะ นี่อาตมาเองค่ะ"
> " ถ้าโยมแทนตัวว่าอาตมา แล้วอาตมาจะแทนตัวอาตมาว่าอะไร"
> " อ๋อ ขอโทษค่ะ"
> หลังจากนั้นก็คุยธุระกันจนจบ อาตมาก็กล่าวว่า
> " เจริญพร"
> " ค่ะ เจริญพรเช่นกัน"
> แน่ะ มีอวยพรให้พระด้วย
>
> ข้างต้นก็คือ สิ่งที่มักจะเกิดขึ้นบ่อยๆ ระหว่างพูดคุยกับเหล่าญาติโยม
จนถือว่าเป็นเรื่อง
> ปกติสำหรับอาตมาไปแล้ว หรืออย่างก่อนหน้านี้มีโยมผู้หญิงคนหนึ่ง
เดินถือสังฆทานมาอย่างมาดมั่น
> พอเข้ามาในกุฏิแล้ว เธอก็มุ่งตรงไปที่พระบวชใหม่รูปหนึ่งทันที
> " ถวายสังฆทานค่ะ"
> พระบวชใหม่ด้วยความที่ยังจำบทสวดต่างๆ ไม่ค่อยคล่องนัก
จึงหยิบหนังสือขึ้นมาดู
> " ไม่ต้องค่ะ" โยมผู้หญิงคนนั้นกล่าวอย่างหนักแน่นตามสไตล์สาวมั่น
> " ดิฉันท่องได้ค่ะ เพราะคุณยายพาเข้าวัดตั้งแต่เด็กๆ" เธอพนมมือขึ้น
ก่อนกล่าวว่า
> " อิมานิ มะยัง ภันเต สะปะริวารานิ คิกขุ สังโฆ" ( ที่ถูกต้อง จะต้องเป็น
ภิกขุ สังโฆ)
> พระบวชใหม่มีสีหน้างุนงง ก่อนหันมาถามอาตมา
> " คิกขุสังโฆ นี่มันฟังทะ:-)ๆ นะหลวงพี่"
> อาตมาเกรงว่าโยมผู้นั้นจะหน้าแตก ก็เลยตอบไปว่า
> " คิกขุ แปลว่า น่ารัก สังโฆ แปลว่า สงฆ์ คิกขุสังโฆ ก็คือ
แด่พระสงฆ์ผู้น่ารัก"
> เท่านั้นแหละ พระใหม่รูปนั้นนั่งยืดทั้งวันเลย
>
> แต่ก็มีบางกรณี ที่การพูดผิดของคุณโยมทำให้อาตมาแทบจะสำลัก
> อย่างเมื่อเร็วๆ นี้ มีโยมท่านหนึ่งโทรศัพท์มา
> " หลวงพี่ขา ขอเรียนเชิญนิมนต์ค่ะ"
> " ไปไหนล่ะโยม"
> " ไปมรณภาพที่บ้านน่ะค่ะ"
> โห นิม นต์พระไปตายถึงที่บ้านเลย อาตมาจึงบอกไปว่า ถ้านิมนต์ไปงานศพไปให้ได้
> แต่ถ้าเชิญไปมรณภาพนี่ ช่วงนี้อาตมาไม่ว่างจริงๆ ขอตัวเถอะนะโยม
>
> จากตัวอย่างที่อาตมาเล่าไว้ข้างต้น คุณโยมอาจจะเห็นเป็นเรื่องขบขัน
แต่มันก็สะท้อน
> ให้เห็นความห่างเหินระหว่างคนกับวัดได้ในระดับหนึ่ง
ปัจจุบันนี้คนจะนึกถึงวัดในกรณีพิเศษ
> เท่านั้น เช่นงานบวช งานศพ ต่างกับสมัยก่อนที่วัดเป็นศูนย์กลางของชุมชน
ฆราวาสกับพระจึง
> สนทนากันไหลลื่น ไม่มีคำแปลกๆ หรือผิดที่ผิดทางออกมาให้พระสุดุ้งแต่อย่างใด
> ซึ่งถ้าพูดถึงศัพท์แสงที่แสลงใจแล้ว ตอนไปบิณฑบาตอาตมาจะเจอบ่อยมาก
เช่นมีอยู่
> ครั้งหนึ่งระหว่างที่กำลังเดินๆ อยู่ ก็ได้ยินเสียงใสๆ แว่วขึ้นมา
> " แม่ๆ พระมาขอข้าว"
> " มาเยอะไหมลูก"
> " มา 2 อัน"
> โห เรียกอย่างกับชิ้นส่วนรถยนต์ นี่ถ้ามาเยอะๆไม่เรียกเป็นฝูงเลยเหรอ
> ดังนั้นเวลาไปบรรยายธรรมให้นักเรียนฟังอาตมาจะนำเรื่องนี้ไปสอดแทรกเพื่อสอน
> เด็กๆ ด้วย
> " ถ้าพระกิน เรียกว่า ฉัน"
> " พระนอน เรียกว่?? จำวัด" (บางคนเรียกขี้เกียจเป็นพระนอนไม่ได้)
> " พระป่วย เรียกว่า อาพาธ"
> " พระตาย เรียกว่า มรณภาพ" (ไม่ใช่เรียกป่อเต็กตึ๊งนะ)
> " แล้วพระอาบน้ำล่ะ เรียกว่าอะไรเอ่ย" คราวนี้อาตมาถามให้เด็กๆ ตอบบ้าง
> " เรียกคนมาดู"
> ; จบกัน

วันอาทิตย์, มกราคม 20, 2551

SDHC แหม่ เล่นเอามึน

ด้วยความที่ไม่ค่อยได้ติดตามเทคโนโลยี เท่าไรเลยเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นครับ


เมื่อวานพี่สาวโทรถามปัญหากล้องกล่าวคือ พี่นำกล้องดิจิตอลไปให้ร้านอัดรูป โดยที่ร้านอ่านไฟล์จากการ์ดไม่ได้ แต่พอต่อผ่านกล้องอ่านได้  เลยโหลดรูปผ่านกล้องอัดรูปเรียบร้อย
พอนำกล้องกลับมาบ้านก็ต่อเพื่อโหลดรูปลงคอม (ผมคิดเอาเองว่าใช้การ์ดรีดเดอร์) ก็ไม่ได้อีก (ซึ่งปกติได้)

ผมได้ข้อมูลแค่นี้ก็ฟังธงโชะเลยว่า สงสัยการ์ดติดไวรัส จำพวก frashy ซึ่งมันจะซ่อนไฟล์ไม่ให้เห็น ให้แสกนไวรัสก็น่าจะหาย

วันนี้พี่สาวนำกล้องมาให้พิจดูครับ ยี่ห้อ pentax  ก็เปิดดูในกล้อง เออ ภาพอยู่ครบ  ลองดูช่องเสียบ USB เอ๊ะ หน้าตาแบบนี้สายบ้านเราไม่มีเลยต่อจากกล้องไม่ได้
ดังนั้นก้เลยถอดการ์ดมา กะจะฆ่าไวรัสสักหน่อย

พอเสียบการ์ดลงการ์ดรีดเดอร์ เกิดอาการนิ่งครับ คอมไม่บอกว่าเจออะไร
เอาละสิ  ไวรัสตัวไหนเนี่ยเล่นเอาการ์ดไม่detect เลยเหรอ ปกติเจอแค่ซ่อนโฟลเดอร์
ลองไปเสียบคอมอีกเครื่อง ก็ไม่อ่านแฮะ เอะรึว่ามันเสียแล้วเนี่ย

มองไปที่กล้องpentaxอีกครั้ง เลยลองเสียบลงกล้องเปิดภาพดู เฮ้ยมันก้ออ่านนี่หว่า  ไม่น่าจะเสีย
ตอนนั้นเลยคิดว่า ลองกลับไปที่ร้านกล้องให้เค้าโหลดภาพมาลงซีดี   แล้วฟอร์แมตการ์ดใหม่ซะ น่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด


แล้วก้อเหล่ๆ เห็นกล้อง A640 ของผมวางอยู่ เลยเกิดไอเดีย  ลองเอาการ์ดมาเสียบดูสิ (ด้วยความเสี่ยงว่า ภาพที่ถ่ายจาก pentax แล้วมาเปิดดูใน canon มันจะเจ๊งไหมหว่า)
ปรากฏว่า A640 อ่านเห็นภาพถ่ายครับ (แต่ไม่เห็นไฟล์วีดีโอ) จึงจัดการโหลดภาพผ่านกล้องผมมาไร้ลงแผ่นซีดีเรียบร้อย (ยกเว้นไฟล์วีดีโอที่โหลดมาไม่ได้เพราะกล้องแคนอนไม่เห็น)


หลังเหตุการณ์นี้เลยมานั่งตั้งสติว่า เกิดอะไรขึ้นหว่า รวมทั้งค้นเนตหาข้อมูลสนับสนุน

ได้ผลว่า  เหตุเกิดเพราะ การ์ด SDHC นั่นเอง (เพิ่งรู้ว่าการ์ดรีดเดอร์ธรรมดาอ่านไม่ได้)
SDHC เป็นการ์ดแบบใหม่ จึงทำให้คอมที่บ้าน และการ์ดรีดเดอร์ที่บ้านไม่รู้จัก เสียบไปก็นิ่งสนิท
แต่โชคดีที่ A640 ผมพอจะทันสมัย รู้จัก SDHC อยู่บ้าง มันเลยอ่านได้ ก็เลยถึงบางอ้อครับ

รู้จัก sdhc
http://www.cpe.mut.ac.th/webboard/show.php?post_id=366
http://www.sdcard.org/about/sdhc/


มล.หลังเหตุกาี้รณ์นี้แล้ว ทำให้เกิดอยากจะได้อุปกรณ์เพิ่มอีกสักตัว  ถ้า่ไม่การ์ดรีดเดอร์ ที่รู้จักsdhc ก็คงเป็น adapter หัวต่อของ usb แบบใส่ได้ทุกหัว

วันเสาร์, มกราคม 19, 2551

css : scrollbar ติดตั้งลิฟต์ให้คอนโด

ช่วงนี้กำลังแปะรูปที่คิดว่าสวยดี ลงไปในหน้าเวลคัม แปะไปเรื่อยๆ หน้ามันก้อยาวลงไปเรื่อยๆ
จนวันนึงมีเพื่อนแซวว่าเหมือน คอนโด คือว่ามันยาวๆสูงๆ
เรามองๆดูเออแหะ มันก้อจริงของมัน 


อย่ากระนั้นเลย มาแปะลิฟต์ให้คอนโดของเราดีกว่า  เอ้ย ติดสกอลบาร์ให้กับหน้าเวลคัม http://notbirth.multiply.com
โดยใช้โค้ดนี้ครับใส่ลงไปในซีเอสเอส

div#mainbox_2 .itembox {
overflow-y: auto;
height:350px;
}


เราสามารถนำไปสั่งให้ บ้อก ในหน้าแรกของเราบ้อกไหนก้อได้ ให้มีสกอลบาร์  โดยการนับว่า บ้อกนั้นเป็นบ้อกที่เท่าไร
เช่น หน้าเพจของผม บ้อคเวลคัมเป็น บ้อกที่ 2 ต่อจาก บ้อกโฟโต้

ก้อใส่เลขสอง ลงไปใน
div#mainbox_2 .itembox { 

ส่วนอีกตัวเลขนึง คือ
height:350px;  คือการกำหนดว่าจะให้บ้อกนี้สูงสักเท่าไร  ผมกำหนด 350

เมื่อเสร็จสิ้นทั้งหมดแล้วก้อเอาไปแปะต่อท้ายในหน้า ซีเอสเอสของเรา
แค่นี้คอนโดของผมก้อมี ลิฟต์ใช้แย้ว  เย้


อ่านมาจากที่นี่ฮับ http://makulitrepublic.multiply.com/journal/item/52

Flip กลับหัวกลับหาง

http://www.revfad.com/flip.html
กลับยังไง ก็กลับแบบนี้นะสิ

ɥɔnɯ os noʎ ǝʌol ı

ǝʎlʇs ʎɯ ʎldıʇlnɯ ʎɯ

ǝɔɐǝd plɹoʍ ɹoɟ

วันพฤหัสบดี, มกราคม 17, 2551

When Lion love human




> หญิงคนนี้พบสิงโตในป่าและมันกำลังจะตาย เธอรักษามันจนหายและมีสุขภาพดี
>
>
> แล้วนำไปให้สวนสัตว์ที่เป็นบ้านหลังใหม่
>
>
> วีดีโอนี้ได้ถ่ายขณะที่เธอได้ไปเยี่ยมมันที่สวนสัตว์
>
>
> ดูว่ามันมีปฎิกิริยาอย่างไรเมื่อเห็นเธอ
> มันน่าอัศจรรย์....ความรัก&คิดถึง ไม่มีพรหมแดนจริง ๆ !

วันอังคาร, มกราคม 15, 2551

วันอาทิตย์, มกราคม 13, 2551

Unknown Device Identifier - Freeware Download

http://www.zhangduo.com/udi.html
เคยเจอมั้ยแบบว่า เคริ่องเจอฮาร์ดแวร์ สักชิ้นแต่ไม่รู้จัก เลยขึ้นตัวเหลืองๆ แล้วบอกว่า Unknown Device
ผมว่าโปรแกรมนี้ช่วยแก้ปัญหาได้

- Identify USB 1.1/2.0 Device
- Identify IEEE 1394 Device
- Identify ISA Plug&Play Device
- Identify AGP Bus Device
- Identify PCI Device
- Multilingual interface: English, French
- Find Drivers for Hardware Devices
- Contact Hardware Vender directly
- Save or Print Hardware information

Unknown Device Identifier enables you to identify the yellow question mark labeled Unknown Devices in Device Manager. And reports you a detailed summary for the manufacturer name, OEM name, device type, device model and even the exact name of the unknown devices. With the collected information, you might contact your hardware manufacturer for support or search the Internet for the corresponding driver with a simple click. With this utility, you might immediately convert your unidentified unknown devices into identified known devices and find proper driver on the Internet and contact the hardware device manufacturer or vender. Known devices recognized by Microsoft Windows will also be analyzed independent of the operating system.

วันพฤหัสบดี, มกราคม 10, 2551

meebo room มา บอกลา cbox

เหตุผลที่พยายามมี cbox ไว้เพราะ ผมคิดว่ามัลติพลายบังคับมากเกินไปที่ให้เฉพาะสมาชิกเท่านั้นที่โพส ข้อความได้ ซึ่งบางที มันก่อให้เกิดสมาชิกชั่วคราวมากเกินไป

เหตุผลอีกข้อนึงคือ เพราะซีบ้อก มันเขียนภาษาไทยได้ดีนั่นเอง

แต่เพราะมัลติพลายไม่อนุญาตให้ใช้คำสั่งจาว่าสคริปทำให้การแปะซีบ้อกยากเย็นแสนเข็ญพอสมควร

วันนี้จึงมีสินค้าใหม่มานำเน๋่อ  ........แอ่นแอ๊น  มันคือ meebo room
meebo ที่เคยรู้จักคือเวปที่เล่ม แชตผ่านเวปได้ ใช้เวลาไม่สามารถเล่นด้วยโปรแกรมปกติ มีหลายแชตให้เลือกเล่น
วันนี้เพิ่งรู้ว่ามีความสามารถใหม่ ทำห้องแชตแบบวางในเวปได้ หุหุ

สนใจก็ตามไปที่นี้ได้ http://www.meebo.com/rooms/?w

นี่ผมลองทำอันนึง ไปแปะที่กรุป http://ilovemacros.multiply.com/ เพราะกรุปเขาไม่มีเกรสบุคให้

วันพุธ, มกราคม 09, 2551

ปริญญาใบที่สอง

"ปริญญาวิชาชีพกับปริญญาชีวิต"   


อยากให้ทุกคนได้อ่านบทความดีๆ เสี้ยวหนึ่งจาก ท่าน ว.วชิรเมธี

ที่เมืองไทยปีที่แล้วมีข่าวเกรียวกราวมาก คือมีดาราคนหนึ่งซึ่งมีชื่อดังมาก เป็นคนดำเนินรายการคนค้นคน
ดร.อภิวัฒน์ วัฒนางกูร มาเรียนที่อเมริกา เป็นคนเพอร์เฟคชั่นนิส ทำงานทุกอย่างต้องดูดีที่สุดแม้กระทั้งล้างจาน ล้างเสร็จแล้วแกต้องเอามาดมดูว่าสะอาดจริงมั้ย
กลับไปเมืองไทยก็ไปเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย มีแฟนก็จีบดาวมหาวิทยาลัยเลย...ต้องให้ดีที่สุด

เวลาแกไปเสนองานอะไรต่างๆ แกจะเขียนไว้สามแผน แผนที่หนึ่งลูกค้าไม่ซื้อ แกเสนอแผนที่สอง แผนที่สองลูกค้าไม่ซื้อแกเสนอแผนที่สาม ใครไปดีลงานกับแกติดทุกราย

แกมีบ้าน มีรถ มีลูก มีภรรยา มีธุรกิจ มีชื่อเสียงทุกอย่าง...แกมีทุกอย่าง

วันหนึ่งแกพักผ่อน หลังจากที่ทำงานแบบไม่ได้พักเลย ลูกเมียไปขอพบ บอกไปเจอพ่อที่ออฟฟิศ วันหนึ่งแกไปพักที่ปากช่อง ตื่นขึ้นมากลางวันล้มฟุบลงไป ภรรยาพาเข้าโรงพยาบาล ตรวจพบมะเร็ง
พอพบปุ๊บเป็นระยะสุดท้ายเลย จริง ๆ เค้าก็เตือนตลอด แต่พอไม่มีเวลาไปตรวจมันก็แก้ไม่ได้ แกไปนอนป่วยอยู่ที่โรงพยาบาล แล้วก็สารภาพให้รายการคนค้นคนบันทึกชีวิตแก

ก่อนจะเสียชีวิต แกก็ไปนอนให้พ่อแม่เช็ดเนื้อเช็ดตัว แกก็บอกว่าสังเวชตัวเองมากแทนที่ลูกจะได้ดูแลพ่อแม่ กลับมาเป็นว่าพ่อแม่ต้องมาดูแลลูก

ก่อนจะเสียชีวิตแกให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์คมชัดลึกบอกว่า พ่อผมเคยบอกว่า เกิดเป็นคนต้องได้ปริญญาสองใบ

ปริญญาใบที่หนึ่ง "ปริญญาวิชาชีพ" เราจะต้องทำมาหากินเป็น กินอิ่ม นอนอุ่น พูดง่ายๆ ล้วงไปในกระเป๋าแล้วมีเงินใช้ อยากจะนอนมีบ้านเป็นของตัวเอง แค่นี้คือปริญญาวิชาชีพ

แต่"ปริญญาวิชาชีวิต" ซึ่งเป็นปริญญาใบที่สองที่พ่อแกบอกไว้ แกบอกว่าผมสอบตกโดยสิ้นเชิง
ผมเป็นดอกเตอร์จากอเมริกาได้ปริญญาวิชาชีพ แต่ปริญญาวิชาชีวิตสอบตก เพราะอะไร...เพราะทำงานจนป่วยตาย

ก่อนที่จะเสียชีวิตแกได้สารภาพว่าผมได้เตรียมทุกอย่าง บ้าน รถ มอบมันให้กับลูกและภรรยา แต่ในวันที่ผมมีทุกสิ่งทุกอย่าง ผมกลับลืมมอบหนึ่งอย่างให้กับลูกและภรรยา สิ่งนั้นคือสิ่งที่ผมลืมและทำให้ผมล้มเจ็บใหญ่ครั้งนี้ สิ่งที่ว่านี้คือผมลืมมอบตัวเองเป็นของขวัญให้กับลูกและเมีย เพราะทำงานหนักจนกระทั่งป่วยตาย

นี่คือปริญญาวิชาชีวิต ธรรมะเราจะต้องมี ถ้าเราไม่มีธรรมะ เราจะกลายเป็นหุ่นยนต์เท่านั้นเอง ที่ทำงานแทบล้มประดาตายแล้วสุขภาพไม่ดี ดังนั้นเมื่อเราทุกคนทำงานแล้ว อย่าลืมชั่วโมงสุขภาพของตัวเองในแต่ละวันนะ

แต่ละวันควรจะมีเวลาให้ดูแลตัวเอง ดูจิต ดูใจตัวเอง ว่าเอ๊ะมันทุกข์ มันทุกข์มากเกินไปรึเปล่า
แบกเรื่องโน้นเรื่องนี้ เกินไปหรือเปล่า พยายามลดลงในแต่ละวันๆ เพื่อที่ว่าอะไร...เพื่อที่ว่าเราจะได้ปริญญาสองใบในชีวิต

หนึ่งปริญญาวิชาชีพ เราทำมาหากินจนประสบความสำเร็จร่ำรวยมั่งคั่ง มีเงินมีทองใช้มีบ้านอยู่ แต่ต้องไม่ลืมปริญญาใบที่สอง คือวิชาธรรมะ สำหรับจะดูแลชีวิตให้ดำเนินอยู่ในทางสายกลาง ไม่ทุกข์เกินไปไม่เดือนร้อนเกินไป

ทำอะไรให้พอดี พอดีอยู่ดีมีสุข อยากเที่ยวให้ได้เที่ยว อยากพักให้ได้พัก อยากทำบุญให้ได้ทำบุญ
ลูกหลานมาหาก็ให้ได้มีเวลากับลูกกับหลานบ้าง อย่าวิ่งไปจนซ้ายสุด ขวาสุด และมารู้สึกตัวอีกทำจนล้มเจ็บใหญ่ไม่ดี เพราะอะไร เพราะว่าสิ่งสูงค่าทีสุดในชีวิตของเรา

เคยมีคนไปทูลถามพระพุทธเ้จ้า ว่าอะไรคือสิ่งสูงค่่าที่สุด  บางคนก็ตอบเงิน .บางคนก็ตอบเพชร บางคนก็ตอบทอง บางคนก็ตอบอำนาจ บางคนก็ตอบราชบัลลังก์พร

ะพุทธเจ้าบอกไม่ใช่ สิ่งสูงค่าที่สุดในชีวิตของพวกเธอคือ "สุขภาพและชีวิต" สุขภาพก็คือการที่เราไม่เจ็บไข้ได้ป่วย คนที่สุขภาพดีดื่มน้ำธรรมดาก็อร่อยนะ

ปริญญาวิชาชีพกับปริญญาชีวิต"

ตักบาตร vs. สังฆทาน

“ ศีลปาโล ” จากหนังสือ ทาน-สังฆทาน ฉบับคู่มือชาวพุทธ

ใส่บาตรไม่ใช่การทำสังฆทาน ถวายถังสังฆทานได้ตลอด ทั้งวัน และยิ่งถวายของใหญ่ ปริมาณเยอะๆ หรือราคาแพง ยิ่งได้บุญมาก


สังฆทานในความเข้าใจของชาวบ้านคือการทำบุญในแบบที่ถวายถาดหรือถังใส่เครื่องอุปโภคบริโภค อาจจะเตรียมเองหรือซื้อหาจากร้านค้า ถาดหรือถังที่ว่าเน้นสีเหลืองเป็นหลัก ข้าวของในนั้นส่วนใหญ่ประกอบด้วยอาหารแห้ง เครื่องดื่มที่เก็บได้ระยะหนึ่ง ของใช้ส่วนตัวจำพวกสบู่ ผ้านุ่ง หรือผ้าอาบน้ำฝน ที่ราคาแพงขึ้นมาหน่อยก็จะมีการเพิ่มยารักษาโรค รองเท้า หรือร่มเข้าไว้ในถังนั้นๆ เพราะสามารถซื้อหาตระเตรียมได้สะดวก ทำให้คนไทยนิยมถวายถังสังฆทานในโอกาสสำคัญๆ พวกเขาเชื่อว่าการถวายสังฆทานแบบนี้ได้บุญมากกว่าใส่บาตรอาหาร เพราะไม่ได้ถวายเฉพาะของกิน แต่ยังมีของใช้ร่วมด้วย ได้บุญมากแถมยังสะดวก ไม่ต้องรีบตื่นเช้ามาเตรียมอาหารเหมือนใส่บาตร ทั้งยังสามารถหอบหิ้วไปถวายพระที่วัดได้ตลอดทั้งวัน

ความเชื่อข้างต้นนี้คลาดเคลื่อนจากหลักคำสอนของพุทธศาสนามาก หลายๆ กรณีก็ไม่ได้บุญมากอย่างที่ เราเข้าใจ

เหตุผลประการแรกคือการทำบุญแบบนี้ถือเอาความสะดวกเป็นที่ตั้ง หลายคนทำทานอย่างลวกๆ แบบขอไปทีถึงเวลาก็ควักเงินซื้อโดยไม่ได้พิจารณาว่าของที่บรรจุไว้ในถาดหรือถังนั้นพระใช้ได้หรือไม่ และจะเอาไปใช้อย่างไร บางคนไม่รู้ด้วยซ้ำไปว่าของที่บรรจุอยู่ในถังนั้นมีอะไรบ้าง แต่ตรงนี้อาจไม่สำคัญนัก สิ่งที่สำคัญกว่าคือความไม่รู้ว่าของบางอย่างถวายได้แต่ในเวลาที่จำกัด อาหารทุกประเภทถวายแล้วพระเก็บไว้ฉันได้แค่เที่ยงวัน เก็บไว้เกินกว่านั้นถือว่าทำผิดวินัยสงฆ์ เครื่องดื่มบางอย่างพระเก็บไว้ฉันได้เพียงหนึ่งวันกับหนึ่งคืน เก็บไว้เกินกว่านั้นก็ถือว่าทำผิด เหล่านี้เป็นวินัยสงฆ์ที่ชาวบ้านไม่รู้

การที่นำทั้งของกินและของใช้มาใส่รวมกันเป็นเรื่องของการค้าและความสะดวกแบบชาวโลก พระท่านเวลารับของเห็นญาติโยมมาก็พูดอะไรไม่ได้มาก จะไม่รับก็ขัดน้ำใจชาวบ้าน เมื่อฝ่ายหนึ่งพูดไม่ได้ อีกฝ่ายก็ไม่รู้เรื่องทำให้การทำทานเยี่ยงนี้มีประโยชน์น้อยในทางศาสนา แต่กลับมีประโยชน์มากถ้ามองในเชิงธุรกิจ

ประการต่อมา แม้การถวายถังสังฆทานจะทำได้ง่าย ใช้ทุนทรัพย์ไม่มาก และสะดวกรวดเร็ว (ในวิถีชีวิตอันเร่งรีบของชาวเมือง การตระเตรียมอะไรเองบางครั้งก็ดูเหมือนเป็นเรื่องยุ่งยาก) แต่เพราะง่ายจนเกินไป บ่อยครั้งที่เราไม่ได้ฉุกคิดเลยว่า การที่เอาผงซักฟอกใส่รวมกับใบชาเป็นเวลานานๆ ย่อมทำให้ใบชาติดกลิ่นผงซักฟอก ถวายไปพระก็ลำบากใจที่จะดื่มน้ำจากใบชานั้น หรือการที่เห็นผ้าสีเหลืองๆ ในถังทำให้เราดีใจที่ได้ถวายเครื่องนุ่งห่มพระ แต่ถวายไปแล้วท่านก็ใส่ไม่ได้เพราะผ้าบางมาก มิฉะนั้นก็ไม่ได้ขนาด การวางรองเท้าอยู่ข้างอาหารหรือเครื่องดื่มก็เช่นกัน เราอาจไม่คิดอะไรมาก แต่มันก็ดูไม่ค่อยเหมาะสม หรือไม่ก็ยาสามัญประจำบ้านที่จัดไว้ในกล่องหรือถัง โดยมากมีแต่ยาใช้ภายนอก ยาแก้ไข้ แก้ปวด ตลอดจนยารักษาอาการปวดท้อง ถ้าทุกคนถวายแต่ของเหล่านี้ พระก็จะมีแต่ยาเหล่านี้เต็มวัด ในขณะที่ยาอย่างอื่นกลับหาไม่ได้ ต้องซื้อมาฉันเอง

พระบางรูปที่ใช้เสียงมากเคยปรารภว่าไม่มียาแก้เจ็บคอหรือแก้ไอฉันเพราะไม่เคยมีใครถวาย เหล่านี้คือตัวอย่างของการทำทานที่ชาวพุทธเราคุ้นเคยอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน เราอาจจะคุ้นแต่ยังไม่เคยพิจารณาให้ลึกซึ้ง

ประการที่สาม การที่ชาวพุทธเน้นถวายแต่ถังสังฆทาน ซึ่งมีข้าวของเครื่องใช้ซ้ำๆ กันอยู่อย่างนี้ ทำให้ของใช้หรือยาบางอย่างมีมากเกินความต้องการของพระ วัดบางแห่งในเมืองหลวงจำเป็นต้องเปิดกุฎิว่างเพื่อทำเป็นโกดังเก็บถังสังฆทานที่ยังไม่ได้ใช้เป็นการเฉพาะ เก็บรวบรวมไว้หลายเดือนก่อนนำไปให้วัดที่ต่างจังหวัด ซึ่งกว่าจะถึงวันนั้นอาหารหลายอย่างก็หมดอายุแล้ว ของใช้หลายอย่างหมดสภาพที่จะใช้งานได้อีกต่อไป ใบชาก็อาจจะติดกลิ่นผงซักฟอกอย่างหนักจนต้องทิ้งสถานเดียว ความตั้งใจดีหรือเงินที่ชาวบ้านหามาด้วยความยากลำบากไม่ควรที่จะสูญเสียไปอย่างนี้ เพราะฉะนั้น การทำทานจึงควรมีหลักเพื่อประโยชน์ในวงกว้างอย่างแท้จริง

ในเรื่องเกี่ยวกับข้าวของล้นวัด ทำให้วัดบางแห่งแก้ปัญหาด้วยการนำถังสังฆทานมาจำหน่ายใหม่ในราคาถูก ถังสังฆทานหนึ่งถังอาจหาเงินให้วัดได้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า มองในแง่ดีคือทำให้คนรายได้น้อยมีโอกาสร่วมทำบุญ อีกอย่างคือถังสังฆทานหนึ่งถังที่บุคคลซื้อมาจะกลายเป็นของมีมูลค่าเพิ่มในอนาคต บางคนก็ช่วยกระจายความสมดุลด้วยการซื้อถังสังฆทานราคาถูกไปถวายวัดในท้องถิ่นที่เจริญน้อยกว่า เป็นการให้เงินแก่วัดหนึ่งและของแก่วัดอื่น

อย่างไรก็ตาม การกระจุกตัวของทานในท้องที่หนึ่งๆ ทำให้ประโยชน์ที่บังเกิดกับพุทธศาสนาดำเนินไปในกรอบแคบๆ เหมือนความเจริญที่มีมากในท้องถิ่นหนึ่งๆ แต่กลับไม่สามารถกระจายไปสู่จุดอื่น ในแง่ปฏิบัติอาจดูเหมือนทำอะไรไม่ได้มาก แต่แค่เปลี่ยนมุมมองเกี่ยวกับทานเสียใหม่ บางทีเราอาจกลายเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยกระจายความอุดมสมบูรณ์ได้ เราทุกคนสามารถเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างความสมดุลให้กับพุทธศาสนาซึ่งความสมดุลนี้จะเป็นการค้ำจุนพุทธศานาในระยะยาว

เพราะการทำทานประกอบด้วยผู้ให้ ของที่ให้ และผู้รับ อานิสงส์อยู่ที่เจตนาของผู้ให้ ความบริสุทธิ์ของสิ่งที่ให้ รวมทั้งประโยชน์และคุณสมบัติของผู้รับ ถ้าสมบูรณ์ทั้งสามส่วนการให้นั้นก็ถือว่าเป็นการทำทานถูกหลักพุทธศาสนา ในแง่นี้การใส่บาตรก็เข้าข่ายเป็นสังฆทานได้เหมือนกัน เป็นทานเพราะประกอบด้วยผู้ให้ ของที่ให้ และผู้รับ เป็นสังฆทานเพราะให้แก่พระรูปใดก็ได้ที่บวชถูกต้องในพุทธศาสนา

การใส่บาตรอาจมีอานิสงส์สูงและได้รับผลลัพธ์ทันทีถ้าเงื่อนไขปัจจัยพร้อม บางครั้งข้าวเพียงแค่ทัพพีเดียวสามารถแปรการให้ของคนคนหนึ่งเป็นการทำสังฆทานที่สมบูรณ์ ถ้าเราคำนึงถึงสาระมากกว่ารูปแบบที่ทำตามๆ กันไปอย่างไม่มีความรู้ การใส่บาตรด้วยข้าวสุกกับแกงสักถ้วยก็สามารถค้ำจุนพุทธศาสนาได้แล้ว แต่ถ้าไม่สะดวกเนื่องจากติดเงื่อนไขของเวลา การถวายของอย่างอื่นให้พระก็ยังเป็นทางเลือกอยู่ เพียงแต่ให้อย่างมีสติ ให้อย่างผู้รู้ และให้โดยคำนึงถึงประโยชน์ของผู้รับอย่างแท้จริง

การให้ข้าวของอื่นนอกจากอาหารก็เช่นกัน ถวายของเพียงหนึ่งชิ้นอาจมีค่าและส่งผลมากกว่าถวายของตั้งมากมาย การทำทานควรคำนึงถึงคุณภาพมากกว่าปริมาณ ถ้าใจเราคิดดีของที่ให้ก็เป็นของดีซึ่งไม่จำเป็นต้องเป็นของแพง ผู้รับเป็นคนดี ยิ่งถ้ากำลังต้องการของนั้นอยู่ด้วยก็ยิ่งดี ถ้าถวายให้พระโดยไม่เจาะจงบุคคล กำหนดจิตอุทิศของเหล่านี้แก่สงฆ์โดยรวมด้วยความนอบน้อม แม้เป็นแค่ยาหนึ่งแผง ดอกไม้ธูปเทียนหนึ่งมัด หรือน้ำสะอาดหนึ่งถ้วย ก็ได้ชื่อว่าทำสังฆทานแล้วและเป็นการทำสังฆทานที่มีอานิสงส์มากทันที

ยิ่งกว่านั้น การถวายของไม่ค่อยมีราคาก็ไม่ได้แปลว่าคุณค่าของการให้จะต้องลดน้อยลงไปด้วย การให้ที่มีคุณค่ามากคือให้พร้อมกับลด/ละความตระหนี่ (หวงแหน) ในจิตของตน มีตัวอย่างในสมัยพุทธกาลที่ชาวบ้านต้องการจะถวายทานแก่พระสงฆ์ที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ แต่ตนเองไม่มีเงินและข้าวของมีค่าใดๆ เลย พระท่านจึงชี้โอกาสให้บุคคลนั้นนำภาชนะไปบรรจุน้ำจากแหล่งน้ำสาธารณะนำมาถวาย เพียงแค่นี้อานิสงส์อันเกิดจากจิตศรัทธาอย่างบริสุทธิ์ก็ทำให้บุคคลนั้นในภายหลังได้ไปบังเกิดในสุคติภพภูมิ

สำคัญคือทำทานไม่ควรหวังผลที่เกี่ยวเนื่องกับกิเลส ให้เพื่อขัดเกลาจิตของตน กับให้เพื่อมุ่งหวังประโยชน์ที่ผู้รับแม้จะเป็นแค่ความคิด กรรมตั้งแต่ระดับจิตใจก็จะทำหน้าที่ของมันโดยอัตโนมัติ และจัดสรรชีวิตไปในทางที่ควรจะเป็นเองโดยที่เราไม่ต้องกังวลใจมากเกินไป


สรุป การใส่บาตรเป็นการทำสังฆทานอย่างหนึ่ง อานิสงส์ไม่ได้แตกต่างจากการทำสังฆทานรูปแบบอื่น สาระของการทำทานอยู่ที่องค์ประกอบสามส่วน ราคาและความหลากหลายของสิ่งที่ถวายไม่ใช่เรื่องสำคัญ แต่คุณค่าและประโยชน์ใช้สอยของสิ่งนั้นต่างหากที่สำคัญ เราสามารถทำทานให้ถูกหลักพุทธศาสนาได้โดยไม่ต้องลงทุนลงแรงอะไรมาก ทาน (และสังฆทาน) เป็นเรื่องเรียบง่าย ทว่างดงามและเปี่ยมด้วยคุณค่า





วันอังคาร, มกราคม 08, 2551

ฝนโบกขรพรรษ

วันนี้ คุยกับเพื่อนแล้วเอ่ยถึง ฝน ชนิดนี้ขึ้นมา เลยไปลองค้นๆข้อมูล แล้วเจอข้อมูลที่น่าสนใจ ขอนำมาเผยแพร่ต่อครับ จากเวปนี้ http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=tunyawat&month=12-2006&date=27&group=1&gblog=2





ฝนโบกขรพรรษและเซลสิ่งมีชีวิตต่างดาว



คุณอาจจะเคยได้ยินตำนานของฝนโบกขรพรรษ หรือ ฝนสีแดง จากตำนานเวสสันดรชาดก ซึ่งเรื่องราวมีอยู่ว่า"...เมื่อพระบรมศาสดาเสด็จถึงนครกบิลพัสดุ์ตามพระราชประสงค์ของพระพุทธบิดาแล้ว พระพุทธองค์ได้เสด็จประทับบนพระพุทธอาสน์ และพระสงฆ์สาวกก็ขึ้นนั่งบนเสนาสนะ ณ โครธารามวิหารที่บรรดาศากยะวงศานุวงศ์ทั้งหลายจัดไว้ถวายรับรอง ขณะนั้นกษัตริย์ศักยราชทั้งหลายที่เป็นผู้ใหญ่และเป็นผู้มีอายุมาก แล้วมีมานะทิฏฐิ ไม่ทำความเคารพพระบรมศาสดา ด้วยเห็นว่ามีอายุอ่อนกว่า พระพุทธเจ้ามีพระประสงค์จะขจัดมานะทิฏฐิ ของพระญาติทั้งหลายเหล่านั้น จึงทรงแสดงพุทธานุภาพเสด็จเหาะขึ้นไปในอากาศ ทรงแสดงอิทธิฤทธิ์ เนรมิตที่เดินจงกรมแก้ว แล้วเสด็จจงกรมในที่นั้น ประหนึ่งจะโปรยธุลีละอองพระบาทให้ตกลงเรี่ยราย เหนือศิโรตม์แห่งประยูรญาติทั้งปวง มวลพระญาติ อันมีพระเจ้าสุทโธทนะ เป็นต้น ทรงมีจิตเลื่อมใสหายทิฏฐิมานะ พากันถวายนมัสการ ฝนโบกขรพรรษ ก็บันดาลตกลงในสมาคมแห่งพระญาตินั้น ฝนโบกขรพรรษนั้น เมื่อตกลงมา ผู้ใดปรารถนาให้เปียกก็เปียก ผู้ใดไม่ปรารถนาให้เปียกก็ไม่เปียก เม็ดฝนก็จะกลิ้งหล่นจากกายเหมือนหยาดน้ำในใบบัว..." [1]


หลังจากที่ผมได้สืบหาข้อมูลเกี่ยวกับปรากฎการณ์ที่ใกล้เคียงกับ ฝนโบกขรพรรษในยุคปัจจุบันจากทางอินเตอร์เน็ทแล้ว ก็พบว่าได้มีปรากฎการณ์ฝนสีแดงนั้นเกิดขึ้นเป็นจำนวนหลายครั้งในรอบศรรตวรรษนี้ โดยที่เรียกกันว่า "red rain" หรือ "blood rain" (ฝนเลือด) ซึ่งตำนานของฝนสีแดงนั้นมีความแตกต่างออกไปตามแต่พื้นที่ ซึ่งบทความนี้จะนำเสนอตำนานของฝนสีแดงในพื้นที่ต่างๆ รวมไปจนถึงการพิสูจน์ฝนสีแดงโดยใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่และการค้นพบเซลส์ของสิ่งมีชีวิตต่างๆ ในฝนสีแดงนี้ และมากไปกว่านั้นนักวิทยาศาสตร์ยังได้ตั้งข้อสันนิษฐานว่า เซลส์ ในฝนสีแดงดังกล่าวเป็นของสิ่งมีชีวิตจากต่างดาว ซึ่งเรื่องราวดังกล่าวเป็นมาอย่างไร จะเกี่ยวข้องมากน้อยกับฝนโบกขรพรรษในเวสสันดรชาดกมากน้อยอย่างไรนั้น ก็ขอเชิญติดตามอ่านครับ

ฝนเลือดที่ เทนเนสซี

เวลาบ่ายแก่ๆ ของวันที่ 17 สิงหาคม ค.ศ. 1841 ที่ไร่ยาสูบแห่งหนึ่งของรัฐเทนเนสซี มีรายงานแจ้งว่าฝนเลือดได้ตกลงมาห่าใหญ่หลังจากมีเมฆสีแดงลอยผ่านบริเวณนั้น ฝนเลือดตกกระจายกินพื้นที่ถึง 700 ตารางเมตรในไร่ยาสูบนั้น อย่างไรก็ดีในรายงานแจ้งไว้ว่าปรากฎการณ์ครั้งนี้เป็นฝนเลือดจริงๆ เนื่องจากมีเศษเนื้อและไขมันรวมไปถึงกลิ่นอันที่ไม่พึงประสงค์ปนมากับฝนเลือดนั้นด้วย จากเหตุการณ์ครั้งนี้คณะสำรวจของ ดร. ทรูส ได้ลงไปสำรวจภาคสนามและพยายามอธิบายลักษณะเหตุการณ์และคาดการณ์สาเหตุของการเกิดฝนเลือดครั้งนี้ ว่า "ลมได้หอบเอาซากสัตว์ขึ้นไปในอากาศและฟ้าได้ผ่าลงเข้าที่ซากสัตว์นั้น เนื่องจากความชื้นของมันทำหน้าที่เป็นสายล่อฟ้าได้อย่างดี "และได้ตีพิมพ์บทความวิชาการไว้ในนิตรยสาร American Science ฉบับที่ 41 ไว้ซะด้วย ซึ่งต่อมาภายหลังนักวิทยาศาสตร์กลุ่มนี้ก็ต้องหน้าแตกไปตามๆ กันเนื่องจากมีการเปิดเผยว่าเรื่องดังกล่าวเป็นเพียงเรื่องแหกตาของทาสคนหนึ่งผู้ที่ซึ่งเอาซากสัตว์ไปโปรยไว้รอบๆ ไร่ยาสูบเพื่อแกล้งเจ้านายต่างหาก :D [2]

ฝนเลือดของจริงที่คาลาเบรีย

ราวห้าสิบปีต่อมา (ปี 1890) ทางตอนใต้ของอิตาลี นักอุตุนิยามวิทยาชาวอิตาเลี่ยนผู้หนึ่งได้บันทึกเหตุการณ์ฝนเลือดที่ตกในพื้นที่แถบคาลาเบรียไว้ใน Popular Science News โดยอธิบายสาเหตุไว้ว่าฝนเลือดนั้นเกิดจาก "นกที่บินอพยพฝูงใหญ่ถูกลมที่รุนแรงฉีกร่าง ซึ่งเลือดที่กระเซ็นออกมาได้ตกลงมาเป็นด้านล่างเป็นฝนเลือด" อย่างไรก็ดีในช่วงเวลานั้นไม่มีรายงานว่ามีลมแรงใดๆ เกิดขึ้นในแถบนั้น แถมยังไม่มีรายงานการพบซากนกในบริเวณนั้นอีกต่างหาก สำหรับหลายๆ คน ปรากฎการณ์ฝนเลือดที่ตกลงมานั้นก็ยังคงเป็นปริศนาต่อไป [3]

ทฤษฎีฝนสีแดง

อย่างที่ได้กล่าวไว้ตอนต้นว่าปรากฎการณ์ฝนสีแดงนั้นไม่ได้เกิดจากเลือดเพียงอย่างเดียว แต่ฝนสีแดงตามรายงานส่วนใหญ่ที่เกิดนั้น มักจะทรายและฝุ่นละอองที่ปะปนกับน้ำฝน ซึ่งในปี 1981 มีการวิเคราะห์น้ำฝนสีแดงที่ตกในบริเวณเนเปิลส์ (เมืองท่าของอิตาลี) และพบว่าสารเจือปนในน้ำฝนสีแดงประกอบไปด้วย silex (เศษฝุ่นจากหินแร่) ในอัตราส่วน 33%, อลูมิเนียม 15.5%, โครเมียม 1.0%, กรด คาร์บอนิค 9.0%, และที่เหลือก็เป็นพวกคาร์บอน ซึ่งสรุปว่าปรากฎการณ์ฝนสีแดงนั้นเกิดจากการละอองฝุ่นที่มาจากการประทุของภูเขาไฟ อย่างไรก็ดีทฤษฎีนี้ก็ถูกโต้แย้งในเวลาต่อมาเมื่อนักวิทยาศาสตร์พบว่าปรากฎการณ์ฝนสีแดงอื่นๆ ไม่ได้มีสารเจือปนดังกล่าว และน้ำฝนสีแดงนั้นไม่มีการตกตะกอน ดังนั้นการที่น้ำฝนมีสีแดงน่าจะมาจากสาเหตุอื่นไม่ใช่ฝุ่นละอองจากในอากาศหรือภูเขาไฟ อย่างไรก็ดีนักวิทยาศาสตร์ทุกคนค้นพบตรงกันว่า สารประกอบตัวหนึ่งในนั้นคือฝุ่นละอองจากอุกาบาต และพวกเขาสรุปว่าปรากฏการณ์ฝนสีแดงน่าจะมีความเกี่ยวข้องอะไรบางอย่างเมื่ออุกาบาตตกลงสู่พื้นโลก [4]

ความเชื่อเกี่ยวกับฝนสีแดง


ในประเทศอังกฤษมีความเชื่อกันว่าปรากฎการณ์ฝนสีแดงนี้เกิดจากสงครามของภูติที่อาศัยอยู่บนฟ้า(Sluagh) ซึ่งในหนังสือ The Fairy Tradition in Britain (ตำนานภูติในอังกฤษ) ได้กล่าวว่าผู้คนที่อยู่ตามภาคพื้นดินสามารถที่จะได้ยินเสียงตะโกน และเสียงอาวุธกระทบกันตลอดเวลาการสู้รบ ซึ่งฝนสีแดงที่ว่านี้คือหยาดเลือดของภูติดังกล่าวนั่นเอง [5]

ฝนสีแดงครั้งใหญ่ปี 2001และเซลส์ของสิ่งมีชีวิตจากต่างดาว

ปรากฏการณ์ฝนสีแดงครั้งใหญ่ได้เกิดขึ้นเมื่อราวๆ สี่ปีที่แล้วที่เคราลาประเทศอินเดีย โดยที่ฝนสีแดงได้ตกต่อเนื่องกันเป็นระยะเวลายาวนานถึงสองเดือน ซึ่งในปรากฎการณ์นี้มีรายงานว่าได้มีเสียงระเบิดดังขึ้นก่อนที่ฝนสีแดงจะเทลงมา ซึ่งโดยเบื้องต้นนักวิทยาศาสตร์ได้สรุปว่าปรากฏการณ์ดังกล่าว เกิดจากอุกกาบาติที่พุ่งเข้ามาในชั้นบรรยากาศและระเบิดขึ้นในเวลาเช้าตรู่ของวันที่ 25 กรกฎาคม โดยที่ฝุ่นละอองจากการระเบิดนั้นได้ทำให้เกิดสปอร์จำนวนมหาศาล ซึ่งสปอร์เหล่านั้นได้เข้าไปสะสมอยู่ในกลุ่มเมฆและทำให้น้ำฝนเป็นสีแดง อย่างไรก็ดีนักวิทยาศาสตร์ก็ไม่สามารถตอบคำถามได้ว่า ทำไมสปอร์จำนวนมหาศาลไม่ปลิวไปตามลมและตกไปสู่บ้านเรือนแถวนั้นบ้าง? [6]


น้ำฝนดังกล่าวได้ถูกรวบรวมและได้ถูกส่งข้ามโลกไปตรวจสอบที่แลปไมโครไบโอโลยีของมหาวิทยาลัย Sheffield ประเทศอังกฤษ สิ่งที่ค้นพบนั้นเป็นอะไรที่น่าตกใจยิ่งกว่าเพราะว่าสปอร์ดังกล่าวเป็นของสิ่งมีชีวิตที่ไม่มีอยู่บนโลกใบนี้ ซึ่งนักวิทยาศาสตร์หลายคนเชื่อว่าบางทีแล้วการที่ดาวหางพุ่งชนโลกเมื่อหลายล้านปีก่อน ได้นำเอาเซลของสิ่งมีชีวิตติดมาด้วยและเซลเหล่านั้นได้วิวัฒนาการมาเป็นสิ่งมีชีวิตต่างๆ บนโลกปัจจุบัน [7]

ดร. หลุยส์ [9] นักวิทยาศาสตร์ชาวอินเดีย ผู้ซึ่งเป็นหัวหอกในการค้นคว้าครั้งนี้ ได้กล่าวไว้ในเว็บไซท์ของเขาว่า เมื่อเอาน้ำฝนดังกล่าวไปตรวจสอบก็ได้พบเซลส์ของสิ่งมีชีวิตที่สมบูรณ์ ซึ่งประกอบไปด้วยธาตุคาร์บอนและอ๊อกซิเจนอันเป็นองค์ประกอบพื้นฐาน อย่างไรก็ดีเขาไม่พบ DNA จากเซลส์ดังกล่าว ซึ่งสิ่งมีชีวิตทุกชนิดบนโลกใบนี้จะมี DNA เป็นส่วนประกอบ การที่ไม่มี DNA นั้นแสดงว่าเซลส์สิ่งมีชีวิตนี้ไม่ใช่ผลิตผลทางชีวภาพบนโลก อย่างไรก็ดี ดร.หลุยส์ก็ไม่ได้ฟันธงลงไปว่าแท้จริงแล้วเซลส์นั้นมาจากต่างดาวจริง เนื่องจากว่าไม่เคยมีการค้นพบหลักฐานของสิ่งมีชีวิตจากต่างดาวมาก่อน (อย่างดีก็แค่ฟอสซิลของแบคทีเรียจากดาวอังคาร [8]) แต่นี่ก็เป็นแนวคิดที่ดีที่สุดเกี่ยวกับปรากฎการณ์ฝนสีแดงในขณะนี้

คลิป http://video.google.com/videosearch?q=%22red+rain%22
สรุป

จากปรากฏการณ์ฝนสีแดงหลายๆ เรื่องที่ผมนำมาจากแหล่งต่างๆ นั้น ไม่มีส่วนคล้ายกับเรื่องฝนโบกขรพรรษจากเวสสันดรชาดกเลย แน่นอนว่าผมรู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าไม่เกี่ยวแต่เอามาใส่เฉยๆ เพื่อให้คนที่ยังไม่รู้ได้อ่านและทำให้เนื้อเรื่องนี้น่าสนใจขึ้นน่ะครับ :D หวังว่าผู้อ่านทุกๆ คนจะได้ความรู้จากเรื่องนี้ไปในทุกๆ แง่ ไม่ว่าจะเป็นศาสนา วิทยาศาสตร์ หรือความเชื่อตามท้องถิ่นนะครับผม

[1] http://www.soonphra.com/topic/pang/027.html
[2] http://www.strangemag.com/tennesseef...bloodfall.html
[3] http://paranormal.about.com/library/.../aa082602b.htm
[4] http://www.strangemag.com/scient.analys.redrain.html
[5] http://www.strangemag.com/redrain.littlepeople.html
[6] http://www.ufoindia.org/article_red_rain.htm
[7] http://observer.guardian.co.uk/world...723913,00.html
[8] http://www.lpi.usra.edu/lpi/meteorites/life.html
[9] http://education.vsnl.com/godfrey/



 




Last Update : 25 มีนาคม 2550 8:39:05 น.

วันจันทร์, มกราคม 07, 2551

ธรรมชาติของจิตเป็นประภัสสร

http://ckphotographer.multiply.com/journal/item/4
เหตุสมควรโกรธ… ไม่มีในโลก โดย พระอาจารย์มิตซูโอะ คเวสโก: วัดสุนันทวนาราม

Photoscape : โปรแกรมแต่งรูปเพื่อโพสต์ตามเว็บที่ดีที่สุดในสุริยจักรวาล

http://www.photoscape.org/ps/main/screenshot.php
โปรแกรมแต่งรูปเพื่อโพสต์ตามเว็บที่ดีที่สุดในสุริยจักรวาล
พี่คนนี้เค้าว่ายังงั้น http://maxbasic.multiply.com/journal/item/5 อิอิ

ความสามารถ คร่าวๆๆๆ
Editor : Frames, Resize, Rotate, Brightness, Color, Contrast, Auto Level, Auto Contrast, Whitebalance, Curves, Sepia, Negative, Sharpen, Blur, Noise Reduction, Vignetting, Bloom, Gradient, Texture, Fisheye, Clipart, Balloon, Text, Figures, Crop, Red Eye Removal, Mosaic

Screenshots









Intro




Viewer : Slideshow, Fullscreen, Wallpaper, Lossless Rotation, Exif




Editor : Frames, Resize, Rotate, Brightness, Color, Contrast, Auto Level, Auto Contrast, Whitebalance, Curves, Sepia, Negative, Sharpen, Blur, Noise Reduction, Vignetting, Bloom, Gradient, Texture, Fisheye, Clipart, Balloon, Text, Figures, Crop, Red Eye Removal, Mosaic




Batch Editor : Frames, Resize, Filters, Objects





Page : Make one photo by merging multiple photos at the page frame




Combine : Make one photo by attaching multiple photos vertically or horizontally




Animated GIF




Print





Screen Capture




Color Picker




Raw Converter : Convert RAW to JPG




Rename





สอนวิธีใช้ครับ http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=aiwa&month=03-2008&group=8&date=07&gblog=4

วันพฤหัสบดี, มกราคม 03, 2551

Css แสดงโค้ด css แยกทีละส่วน ด้วย firefox

มล. เจ๋งมากตัวนี้  ช้อบชอบ
มันจะบอกโค้ด css (และข้อมูลอื่นอีกมากแล้วแต่เลือก) ของแต่ละส่วนออกมา ทีละส่วน ตามที่เราคลิ้กเลือก ทำให้ไม่งง

ช้อบ ชอบ อีกที



วิธีการแสดงไฟล์ CSS ของบล็อก ด้วย FireFox
ตัวอย่าง






เข้าไปดูตัวอย่างได้เต็มๆที่นี่

http://gotoknow.org/blog/tutorial/68019

อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับ css http://gotoknow.org/blog/tutorial/tag/css


ลองใช้แล้วจะชอบ   รึอาจจะไม่ชอบก้อได้ หุหุ ไฟฟอกของเค้าดีจริงๆ

css เครื่อง Xray postision margin padding

ใช้เพื่อดูว่า กล่อง กรอบใดใด ในเวปนั้นๆ มีการตั้งค่า postision margin padding ไว้เท่าใด

วิธีใช้ก้อคือ เข้าไปคลิกคำว่าเอกเรย์ ในเวปเค้า  หรือ เค้าแนะนำว่าให้ทำบุคมารคไว้ในไตเติ้ล

-พอคลิกแล้วจะมีกรอบเทาๆ แสดงข้อมูลขึ้นมา  เราก้อไปเวปที่เราจะดู  ไปคลิกที่กรอบไหนที่เราอยากรู้ข้อมูล
-ข้อมูลจะแสดงขึ้นมาในกรอบเทาๆให้เราเห็นเองครับ

เวปเค้าครับ  http://westciv.com/xray/xray_more.html#step4XRAY in actionอะ อ่านเองอาจดีกว่า หุหุStep 1 XRAY works just like any other bookmarklet. To install it, normally you would just drag the box marked XRAY below to the bookmarks bar in your web browser. In some browsers bookmarklets work differently: just do whatever you would normally do to create a bookmark for whatever is linked to the XRAY box below. XRAY Step 2 Now load any page in that browser. Make sure you wait for the page to fully load. Step 3 Hit the XRAY bookmark. Again, wait for the bookmark to fully load. You'll know when this has happened because you will see a little instructions window that says "Welcome to XRAY". Step 4 Click elements on the page to XRAY them. To get rid of XRAY close the instructions window, or reload the page. What is XRAY? XRAY is a free cross browser tool that lets you see the box model in action for any element, letting you see beneath the skin of any web page.