วันอังคาร, ธันวาคม 25, 2550

My IP - What is my IP address? Free IP Tracer, IP Locator, Hide my IP address

http://www.ip-adress.com/
ดู IP
ดู แผนที่ด้วย
แผนที่แบบจริง Click for big IP address image. อัพเดทมากๆ

อิศปปกรณำ

มีเพื่อนพ้องถามคำถามว่าอยากหาข้อมูลคำๆนี้ หาในกูเกิ้ลแล้วมิมีเท่าไร
เราเห็นว่าแปลกดีเหวยคำอะไรหว่า เลยลองหาดูก็ได้รู้ว่ามันคือ

กลอนแปลนิทานอีสปนั่นเอง  จริงแล้วเขียนว่าอีสปปกรณัม   อีสป+ปกรณัม  ถึงว่า ชื่อแปลกๆ

สันนิษฐานว่า นิทานอีสปได้เข้ามาสู่ประเทศไทยแล้ว
ในรูปของ “มุขปาฐะ” คือ เล่าสู่กันฟัง ตั้งแต่สมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช และมีแปลนิทานอีสปฉบับภาษาอังกฤษเป็นภาษาไทยท่านแรก คือ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ให้ชื่อว่า
“อีสปปกรณัม” จึงมีการใช้นิทานอีสปเล่าประกอบการสอนจริยธรรม และใช้เป็นหนังสืออ่านประกอบในโรงเรียนด้วย
http://serv.pnru.ac.th/library/arc_be/thai/botkam.doc 

ปี พ.ศ. ๒๔๒๗ พระเจ้าน้องยาเธอพระองค์เจ้าคคณางค์ กรมหลวงพิชิตปรีชากร ขณะดำรงตำแหน่งสภานายกหอพระสมุดวชิรญาณ ได้ทรงออกหนังสือพิมพ์วชิรญาณวิเศษขึ้น โดยลงเรื่องราวที่รวบรวมได้จากกรรมการ หรือสมาชิกของหอพระสมุด
ในหนังสือเล่มนี้เองเริ่มมีการแปลวรรณกรรมตะวันตกในรูปของนิทาน เช่นนิทานอีสปปกรณัม เพื่อสอนคติธรรมและให้ความบันเทิง
http://www.uniserv.buu.ac.th/forum2/post.asp?method=TopicQuote&TOPIC_ID=88&FORUM_ID=6

ชื่อหนังสือที่กล่าวถึง : ประชุมโคลงสุภาษิตพระราชนิพนธ์ในรัชกาลที่ 5
สถานที่พิมพ์ : พระนคร : โรงพิมพ์โสภณพิพรรฒธนากร, 2466.
รวบรวมเรื่องราวเกี่ยวกับโคลงวชิรญาณสุภาษิต โคลงสุภาษิตพิพิธธรรม โคลงสุภาษิตอีสบปกรณัม โคลงสุภาษิตสอนผู้เป็นข้าราชการ โคลงว่าด้วยความสุข โคลงสุภาษิตบางปะอิน โคลงกระทู้สุภาษิต โคลงสุภาษิตโสฬศไตรยางค์ โคลงสุภาษิตนฤทุมนากร โคลงพระราชปรารภความสุขทุกข์ โคลงสุภาษิตเบ็ดเตล็ด
คำสำคัญ : โคลงวชิรญาณสุภาษิต, โคลงสุภาษิตพิพิธธรรม, โคลงสุภาษิตอีสปปกรณัม
http://www.thaistudy.chula.ac.th/m13-06-detail.php?id=8633

นี่เล่มจริง อ่านได้ทีละหน้าเลย  หอสมุด เยี่ยมจริงๆ
http://fulltext.car.chula.ac.th/doc.asp?dirid=I0006&page=0012&dirname=%BB%C3%D0%AA%D8%C1%E2%A4%C5%A7%CA%D8%C0%D2%C9%D4%B5%BE%C3%D0%C3%D2%AA%B9%D4%BE%B9%B8%EC%E3%B9%C3%D1%AA%A1%D2%C5%B7%D5%E8%20%F5
http://fulltext.car.chula.ac.th/I0006/0012.jpg



จึ่งมาลงไว้ เพื่อบอกเก้า่เล่าสิบต่อไป

ART in one minute




เจ๋ง อะ เร็วกว่ากดชัตเตอร์ถ่ายรูปแล้วไปอัดอีก

วันศุกร์, ธันวาคม 21, 2550

มาใส่ Market Listing Add Recipe กันมะ

อยู่ดีดีก้อไปเจอวิธีครับ  http://modify.multiply.com/notes/item/1628

ขั้น 1. ลองคอมโพสจากลิ้ง
RECIPES: http://username.multiply.com/recipes/compose
MARKET: http://username.multiply.com/market/compose

GROUP RECIPES: http://groupID.multiply.com/recipes/compose
GROUP MARKET: http://groupID.multiply.com/market/compose

ขั้น 2. ถ้าโพสแล้ว ลองไปคลิ้ก
Click in:
- Settings
- Posting Options
- Content Types
- Enable Recipes
- Ok

ขั้น 3. ลองกดpostดู คราวนี้จะมี Market Listing    Add Recipe     เพิ่มมา ในpost แล้ว

ขั้น 4. ลอง คัสตอมมั้ยดู สักครั้ง Market Listing    Add Recipe  จะมาอยู่ที่หน้าแรกแล้วมั้ง


ว่าแต่ Recipe  มันคืออะไรกันแน่หว่า

วันพุธ, ธันวาคม 19, 2550

Monkeying with the Web - Multiply - Keyboard navigation

http://userscripts.multiply.com/links/item/9/Multiply_-_Keyboard_navigation
Link: http://userscripts.org/scripts/show/13687
http://www.greasespot.net/

Now you can use keyboard shortcuts on Multiply Message Board.
Install this script (click on the link above) and use the following shortcuts:

cbox ภาคพิสดาร แปะในสิ่งที่แปะไม่ได้

แปะจาวาในมัลติพลาย พลิกวิกฤต ให้เป็นโอกาส

จู่ๆ มัลติพลาย ก็เติมโค้ด allowscriptaccess never เข้ามา ทำให้การทำโค้ด cbox เดิม โดยวิธีการแปลงโค้ด (แปลงเพราะมัลติพลายไม่ให้รัน จาวา สคริป) ทำไม่ได้ http://notbirth.multiply.com/journal/item/112 ฮือฮือ

อย่ากระนั้นเลยดั่งคำว่า โรงหนังยังมีทางหนีไฟ ไหนเลยมัลติพลายจะมีทางตัน
ก็ลองมาดูทีสิว่า จะมีทางออกอะไรได้บ้าง

ค้นเวปอยู่สามวัน พบอะไรน่าสนใจบางอย่างคือ

1.
พี่คนนี้ http://www.markyctrigger.com/ แกเขียน สคริปเข้าไปรันในมัลติพลายได้แฮะ ฮืม น่าสนใจ

2.
คิดต่อไปอีก เอะ ถ้ามันรันสคริปได้ ซีบ้อก http://www.cbox.ws/ สมัยก่อนที่จะต้องแปลง มันก็สคริปนี่นา

3.
คิดต่อไปอีกนิด เฮ้ย เราเคยเจอสคริปเจ๋งๆตัวนึงนี่นา ที่สามารถ แสดงชื่อคนมาเยือนได้ http://stupidiot.multiply.com/journal/item/6

เมื่อคิดได้สามข้อแล้วคราวนี้ก้อเลย ลองเอาวิธีการจากข้อ 1 มาใช้กะสคริป เบอร์2 และเบอร์3
โอ้ เวิค เวิคคคคคคคคค http://notbirth.multiply.com/


เอาละ เกริ่นมานาน มาดู วิธีใช้งานกัน

ขั้นตอนที่ 0 backup ก่อนอื่นต้อง ก้อปปี้ข้อมูลในเวลคัม เก็บไว้ก่อน เพราะเดวต้องใช้ ******สำคัญเพราะเวลคัมท่านอาจจะพังได้

ขั้นตอนที่ 1 เตรียมโค้ด
1.1
โค้ด ซีบ้อก ก้อไปสมัครที่นี่ http://www.cbox.ws/ ได้โค้ดมาแล้ว ไม่ต้องแปลงนะครับ แต่ให้แก้ไขดูโค้ด ให้ต่อกันเปนบรรทัดเดียว ไม่มีเคาะเอนเทอร์ขึ้นบรรทัดใหม่ (เอามาทำในเวิด ง่ายดีครับ)

1.2
โค้ด ทักทายผู้มาเยือน ใช้ตามนี้ได้เลย
Warm welcome ยินดีต้อนรับคุณ <script>var uid = readCookie("uid").split(":");var name = uid[3];document.write('<b>'+name+'</b><img src="http://'+name+'.multiply.com/logo/1">');</script>

ขั้นตอนที่ 3 วางโค้ด
เราจะวางโค้ด จาวา ได้ ไม่กี่ที่เท่านั้น คือ ใน title ของ photo blog และอื่นๆ ยังไม่ได้ลอง แต่ที่ไม่ได้แน่ๆคือ title เวลคัม วางไม่ได้


*****
แต่ช้าก่อน เราจะเข้าไปวางดุ่มๆเลยไม่ได้ ไม่งั้นมัลติพลายจะฟ้องเรื่องจาวา สคริป
วิธีวาง เราต้องเข้าจากที่นี่เท่านั้น http://multiply.com/setup/pages/content
เข้าไปแล้วจะเห็นคำว่า photos blog อยากวางจาวาตรงไหน ก้อไปคลิก ตรงนั้น
แล้ววางในช่อง title ครับ

วางเสร็จ กด OK

ถ้าข้อมูล ในเวลคัมพัง ก้อเอาข้อมูลที่เราก้อปปี้ไว้ในขั้นตอนที่ 0 ไปแปะซ่อมแซม ด้วยวิธีธรรมดานะครับที่ Customize My Site

เฮ้อ เขียนๆยาวๆ เหนื่อย ก้อหวังว่าจะทำกันได้บ้างหนอ




มล. ซีบ้อก เอ้าละ  ใช้ meebo box ดีก่า อิอิ
http://notbirth.multiply.com/journal/item/257

วันจันทร์, ธันวาคม 17, 2550

ห้องเรียนถ่ายภาพออนไลน์

http://www.thaipic1.com/
เว็บไซต์นี้จัดทำขึ้นเพื่อเป็นส่วนหนึ่งใน โครงการพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนการสอน แผนกวิชาการถ่ายภาพ วิทยาลัยสารพัดช่างธนบุรี เพื่อให้ผู้เรียนและผู้สนใจได้ศึกษาเกี่ยวกับสาระความรู้เกี่ยวกับการถ่ายภาพ และแก้ไขปัญหาความแตกต่างในการเรียนรู้ของผู้เรียน โดยใช้ระบบเครือข่ายอินเตอร์เน็ต และท่านสามารถเลือกศึกษาเนื้อหาจากเว็บไซต์นี้ได้ตามความต้องการ

โดย อ.พุทธินคร ต้อยสำราญ

วันอาทิตย์, ธันวาคม 16, 2550

เพื่อน!! สำคัญเสมอละน่า

> > เพื่อน!! สำคัญเสมอเสมอ..
> >
> >
> > ระหว่างเพื่อนกะแฟน...
> >
> >
> > ++ อาหาร ++
> > เพื่อน: ข้าวราดแกง / ก๋วยเตี๋ยว ราคาไม่เกิน 30แดกไรแพงๆวะ เปลืองชิบ
> > แฟน: กินอะไรก็ได้ที่มันไม่ใช่ข้าว - สปาเกตตี้
> > เฟรนฟรายซ์ ซูชิ ฯลฯ สั่ง กันไป… มื้อละร้อยขึ้น
> > -------------------------- --------------------------
> > ; ++ ข้ามถนน ++
> > แฟน: ข้ามได้มั้ย ระวังนะครับ! จับมือผมไว้
> > เพื่อน: ………อ้าว! เหี้ย… รอกูด้วย(แม่งข้ามไปนานละ)
> > -------------------------- --------------------------
> > ++ เวลาเดิน ++
> > แฟน: แนบชิดประหนึ่งตัวดูดแบบสุญญากาศ
> > เพื่อน: เฮ้ย! ไปไกลๆกูหน่อยดิ ร้อนจะตายห่า!!
> > -------------------------- --------------------------
> > ++ บนรถเมล์ ++
> > แฟน: นั่งก่อนเลยครับ เดี๋ยวผมยืนเอง
> > เพื่อน: เหยิบหน่อยดิวะ กูจะนั่งด้วย!
> > -------------------------- --------------------------
> > ++ เงิน ++
> > แฟน: มีเสมอ..จ่ายไม่อั้น
> > เพื่อน: ไม่มีเสมอ... มึงออกไปก่อนละกัน เดี๋ยวกูให้(แร้วแม่งก็ชิ่ง)
> > -------------------------- --------------------------
> > ++ มาสาย ++
> > แฟน: ไม่เป็นไรครับ ผมรอได้
> > เพื่อน: ทำห่าไรอยู่วะ มาโคตรช้าเลย สาด ..เลี้ยงข้าวกูเลย(เพิ่งจะมาก่อนแม่ง ได้ 5 นาทีเหมือนกัน)
> > -------------------------- --------------------------
> > ++ ช่วยทำธุระ ++
> > แฟน: ว่างเสมอ - อ๋อ ว่างครับ จะให้ไปถึงที่นั่นกี่โมงดี จะได้เตรียมตัวล่วงหน้า
> > เพื่อน: ไม่เคยว่าง - ขนของย้ายห้องเหรอวะ .. เออ...ที่จริงก็ได้นะ แต่พอดีแม่กูให้ช่วยพาไปหาญาติๆฝ่ายแม่ว่ะ
> > แล้วบ่ายๆต้องไปหาของฝ่ายพ่ออีก คงไม่ว่างแล้วละ
> > -------------------------- --------------------------
> > ++ กลับบ้านดึก ++
> > แฟน: เดี๋ยวผมนั่งรถไปส่งดีกว่านะ กลับคนเดียวอันตราย
> > เพื่อน: กลับยังไงวะมึง มีค่ารถป่าว แต่กูไม่มีให้ยืมนะเว้ย
> > -------------------------- --------------------------
> > ++ ป่วย ++
> > แฟน: เป็นไรมากมั้ย? กินยายังคับ ห่มผ้าด้วยนะ(แม่งดูแลแม่อย่างนี้ป่าววะ)
> > เพื่อน: เป็นห่าไรอีกวะ สำออยอะดิมึง… ออกมาให้ไวเลย แดกเหล้ากัน
> > ---------------------------
> > ++ สอนหนังสือ ++
> > แฟน: ไม่เข้าใจตรงไหนบอกนะครับ จะอธิบายให้ใหม่
> > เ พื่อน: กูสอนมึง 3 รอบแล้วนะ ห่านี่ แดกหมาแทนข้าวไงวะ
> > -------------------------- --------------------------
> > ++ วาเลนไทน์ ++
> > แฟน: ให้คุณได้ทุกอย่าง ยกเว้น ดาว เดือน และ ขนหน้าอก
> > เพื่อน: ……………(วันนี้มันไม่มีตัวตน)
> > -------------------------- --------------------------
> > ++ โดนทิ้ง ++
> > แฟน: เราไปกันไม่ได้ / อย่ามายุ่งกับเรา / ไปไหนก็ไปรำคาญ (so sad)
> > เพื่อน: ไม่เป็นไรเว้ย! ช่างแม่ง … มึงยังมีกูอยู่
> >

วันพฤหัสบดี, ธันวาคม 06, 2550

สิ้นคิด

ในกระบวนทางจิต ทางใจ

ความทรงจำและความคิด ส่วนใหญ่นำพาความทุกข์มาด้วย

อดีตผ่านเลย ไม่หวนคืน การคิดถึงรังแต่จะรื้อฟื้น เจ็บปวด

อนาคตอันไกลยังมาไม่ถึง การเฝ้าคะเนคาดคิด นำมาซึ่งความห่วงกังวล เครียดในความไม่มีอะไร

คนจึงเป็นทุกข์เพราะความคิด

การหมดสิ้นความคิด เหลือเพียงปัจจุบันขณะ here and now ดูจะเป็นหนทางที่น่านำพา

ดาวน์โหลดอัลบั้มภาพ ๘๐ ปีเฉลิมพระเกียรติ จากสำนักพระราชวัง

http://www.kanchanapisek.or.th
ดาวน์โหลดอัลบั้มภาพ ๘๐ ปีเฉลิมพระเกียรติ จากสำนักพระราชวัง

สำหรับการพิมพ์
(239 MB) (pdf)


Server 1 |
Server 2 |
Server 3

Server 4 |
Server 5



  • สำหรับดูบนคอมพิวเตอร์
    (242 MB) (interactive e-book)

    Server 1 |
    Server 2 |
    Server 3

    Server 4 |
    Server 5



  • ชมและดาวน์โหลดภาพจากอัลบั้มภาพ ๘๐ ปีเฉลิมพระเกียรติ

    และประมวลภาพพระราชพิธีมหามงคล เฉลิมพระชนมพรรษา ๘๐ พรรษา

    Server 1 |

    Server 2 |
    Server 3 |
    Server 4
















    พระราชดำรัสพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ
    His Majesty the King
    ๔ ธันวาคม ๒๕๕๐ - พระราชดำรัสพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันพระราชสมภพ
    ๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๐

    Video version |
    Audio version

    Text version











    ประมวลภาพวันที่เสด็จกลับจากโรงพยาบาลศิริราช
    His Majesty the Kingวิดีโอ ประกอบเพลงทรงพระเจริญ และประมวลภาพวันที่เสด็จกลับจากโรงพยาบาลศิริราช
    (บทเพลง "ทรงพระเจริญ" โดยบริษัทแกรมมี่ ภาพทั้งหมดโดย อ.ส.ม.ท.)

    The Sixtieth Anniversary Celebrations of His Majesty's Accession to the Throne, Bangkok (June 8-13, 2006)

    http://www.palaces.thai.net/
    Load Image

    วันพุธ, พฤศจิกายน 28, 2550

    หอศิลปะเสมือนจริง "อัครศิลปิน"

    http://www.supremeartist.org/exhibition_th/phroom01.html
    Supreme Artist : His Majesty King Bhumibol Adulyadej

    หอศิลปะเสมือนจริง "อัครศิลปิน" ท่านสามารถชมหอศิลปะเสมือนจริงได้ โดยการวางเมาส์ลงบนกรอบหน้าจอรูปภาพ แล้วเลื่อนเมาส์ไปรอบๆห้องนิทรรศการ สำหรับการย่อ - ขยาย เพื่อชมรูปภาพใกล้ๆ ท่านสามารถกดแป้น "Shift" หรือ "Control" ที่คีย์บอร์ด โดยตัวชี้เมาส์ต้องวางอยู่บนรูปภาพ







    การถ่ายภาพเป็นศิลปะอีกสาขาหนึ่งที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวสนพระราชหฤทัยอย่างจริงจังมาตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์ เป็นที่ทราบกันทั่วไปว่าในสมัยก่อนนั้น อุปกรณ์การถ่ายภาพต่างๆ ยังไม่ทันสมัยอย่างในปัจจุบันนี้ แต่พระองค์ก็ทรงศึกษา และฝึกด้วยพระองค์เอง จนทรงเป็นนักถ่ายรูปผู้มีพระปรีชาสามารถยิ่ง ไม่ว่าจะเป็น กล้องธรรมดาหรือกล้องถ่ายภาพยนตร์ ได้เริ่มทรงกล้องถ่ายภาพคู่พระหัตถ์ และ ทรงใช้ฟิล์มตั้งแต่ขนาด ๑๓๕ จนถึงขนาด ๑๒๐ และขนาดพิเศษ กล้องถ่ายภาพที่ทรงใช้ในระยะเริ่มแรกเป็นกล้องที่ไม่มีเครื่องวัดแสงในตัว จึงต้องใช้พระราชวิจารณญาณอย่างรอบคอบละเอียดถี่ถ้วน พร้อมทั้งพระปรีชาสามารถส่วนพระองค์ จึงทรงถ่ายภาพได้อย่างเชี่ยวชาญมั่นพระราชหฤทัย แม้ในปัจจุบันกล้องถ่ายภาพ จะมีวิวัฒนาการขึ้นกว่าสมัยก่อน ก็มิทรงใช้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ยังทรง ใช้แต่กล้องคู่พระหัตถ์แบบมาตราฐานอย่างที่นักเลงกล้องทั้งหลายใช้กัน

    พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเชี่ยวชาญแม้กระทั่งการล้างฟิล์ม การอัด ขยายภาพ ทั้งภาพขาวดำและภาพสี โดยทรงจัดทำห้องมืด (Dark Room) ขึ้นในบริเวณชั้นล่างของตึกที่ทำการสถานีวิทยุ อ.ส. ด้วยพระราชประสงค์ที่จะทรง “สร้างภาพ” ให้เป็นศิลปะถูกต้องและรวดเร็วด้วยพระองค์เอง นอกจากนี้ทรงคิดค้นหาเทคนิคใหม่ๆ มาใช้ในการถ่ายภาพอยู่เสมอๆ จนทำให้ภาพถ่ายฝีพระหัตถ์ของพระองค์เป็นผลงานศิลปะที่ล้ำยุค

    ด้วยความที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวโปรดการถ่ายภาพ และทรงถ่ายภาพต่างๆ อยู่เป็นประจำ ภาพถ่ายฝีพระหัตถ์เคยไปปรากฏตามหน้านิตยสาร เมื่อราวปีพุทธศักราช ๒๔๘๓ ภาพถ่ายฝีพระหัตถ์ของพระองค์ได้ปรากฏอยู่ในนิตยสารสแตนดาร์ดของพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าเปรมบุรฉัตร ทรงมีพระราชดำรัสด้วยพระอารมณ์ขันแก่ผู้ใกล้ชิดผู้หนึ่งถึงการเป็นช่างภาพอาชีพของพระองค์ว่า “ฉันเป็นกษัตริย์ก็จริง แต่ฉันก็ยังมีอาชีพเป็นช่างภาพของหนังสือพิมพ์สแตนดาร์ด ได้เงินเดือนเดือนละ ๑๐๐ บาท ตั้งหลายปีมาแล้ว จนบัดนี้ก็ยังไม่เห็นเขาขึ้นเงินเดือนให้สักที เขาก็คงถวายเดือนละ ๑๐๐ บาท อยู่เรื่อยมา”

    เมื่อครั้งที่เสด็จขึ้นครองราชสมบัติใหม่ๆ โปรดที่จะถ่ายภาพสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ พร้อมพระราชโอรสและพระราชธิดา โดยเฉพาะเมื่อได้เสด็จแปรพระราชฐานไปประทับ ณ พระตำหนักภูพิงคราชนิเวศน์ ซึ่งมีภูมิประเทศ
    ที่สวยงามเหมาะแก่การถ่ายภาพ

    ในปัจจุบัน เมื่อสถานการณ์บ้านเมืองเปลี่ยนแปลงไป พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชหฤทัยเต็มเปี่ยมไปด้วยความห่วงใย และความเสียสละเพื่อพสกนิกร จึงทำให้ทรงมีพระราชภารกิจอันมากมายมหาศาลเพื่อบำบัดทุกข์บำรุงสุขให้ราษฎร ไม่มีเวลาสำหรับคิดค้นเทคนิคใหม่ๆ ในการถ่ายภาพได้อีก จะทรงถ่ายภาพได้ก็แต่เฉพาะในคราวที่เสด็จฯ ไปราชการตามสถานที่ต่างๆ เท่านั้น ภาพถ่ายฝีพระหัตถ์เหล่านี้ทรงใช้เพื่อประกอบการทรงงานของพระองค์ จะสังเกตได้ว่าไม่ว่าพระองค์จะเสด็จฯ ไปทรงเยี่ยมราษฎร ณ จังหวัดใด ก็จะทรงมีกล้องถ่ายรูปติดพระองค์ไปด้วยเสมอ โปรดถ่ายภาพสถานที่ทุกแห่งเพื่อทรงเก็บไว้เป็นหลักฐานประกอบงานที่ได้ทรงปฏิบัติ ภาพถ่ายฝีพระหัตถ์เหล่านี้จึงมักเป็นภาพถ่ายแบบฉับพลันทันเหตุการณ์ ซึ่งถ่ายได้ครั้งเดียวด้วยไหวพริบ ไม่มีเวลาจ้องหาแง่มุม แต่ด้วยพระปรีชาสามารถ เราจึงได้เห็นภาพฝีพระหัตถ์อันคมชัดและมีศิลปะในการจัดองค์ประกอบของภาพ ภาพถ่ายฝีพระหัตถ์ในระยะหลังๆ นี้ ทรงใช้เป็นหลักฐานในการวางแผนปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวดเร็วทันใจและสามารถแก้ไขเหตุการณ์ของบ้านเมืองได้ทันท่วงที เช่น เมื่อคราวน้ำท่วมกรุงเทพฯ หลายครั้ง ได้ทรงถ่ายภาพจุดสำคัญๆ ไว้เป็นหลักฐานการวางแผนป้องกันน้ำท่วมทางเฮลิคอปเตอร์

    ภาพถ่ายฝีพระหัตถ์ทั้งหลายล้วนแสดงให้เห็นว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มิได้ทรงถ่ายภาพเพื่อศิลปะแต่เพียงเดียว เพราะแต่ละภาพทรงไว้ซึ่งคุณค่าทั้งทางศิลปะและวิชาการ สามารถนำมาใช้ประโยชน์เพื่อการพัฒนาประเทศชาติบ้านเมืองและนำความผาสุกร่มเย็นมาสู่ประชาชนชาวไทยได้เป็นอย่างดีอีกด้วย

    ฟังเพลงพระราชนิพนธ์ องค์อัครศิลปิน

    http://www.supremeartist.org/thai/music/song_list.html
    Supreme Artist : His Majesty King Bhumibol Adulyadej


    และอื่นๆครับ
    http://www.supremeartist.org/thai/bio/index.html

    สมุดภาพทรงถ่าย
    http://www.supremeartist.org/thai/gallery/photo_th.html

    ภาพทรงวาด
    http://www.supremeartist.org/thai/gallery/pain_th.html

    อัครศิลปิน

    เนื่องในวโรกาสที่ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหาราช ทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ ๕ รอบ ในวันที่ ๕ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๓๐ เพื่อเป็นการแสดงความจงรักภักดีและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ คณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติได้ขอน้อมเกล้าน้อมกระหม่อม ถวายพระราชสมัญญาว่า “อัครศิลปิน” ในฐานะที่พระองค์ทรงมีพระอัจฉริยภาพอันสูงส่งในด้านศิลปะสาขาต่างๆ

    หอศิลปะเสมือนจริง “อัครศิลปิน”นี้ ได้ริเริ่มจัดทำขึ้น และเผยแพร่ผ่านเครือข่ายอินเตอร์เนท เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๔๘ เพื่อเป็นศูนย์กลางรวบรวมศิลปกรรมฝีพระหัตถ์ในสาขาต่างๆ ได้แก่ จิตรกรรม ประติมากรรม ภาพถ่าย คีตกรรม และหัตถกรรม ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ด้วยข้อมูลที่ถูกต้อง สู่การนำเสนอด้วยรูปแบบที่สวยงาม และเทคนิคที่ทันสมัยผ่านเวปไซท์ www.supremeartist.org

    เมื่อหอศิลปะเสมือนจริง “อัครศิลปิน”นี้ ได้ออกเผยแพร่สู่สาธารณะแล้ว ก็ทำให้เหล่าพสกนิกรสามารถเข้าไปค้นคว้า ศึกษา และชื่นชมศิลปกรรมอันเป็นพระอัจฉริยะของพระองค์ท่านได้ไม่ว่าจะอยู่แห่งใดในโลก สมดังที่ได้มีการถวายพระราชสมัญญาว่า “อัครศิลปิน”


    ศิวะพร ทรรทรานนท์
    กรรมการ และผู้อำนวยการ
    มูลนิธิหอศิลปะแห่งรัชกาลที่ ๙

    วันศุกร์, พฤศจิกายน 23, 2550

    สุดที่รักกับรักที่สุด


    “สุดที่รัก” มาถามฉันว่า “รักแค่ใหน"
    ฉันตอบว่า “รักที่สุด”
    พ่อแม่มาถามฉันว่า “รักแค่ใหน”
    ฉันตอบ “รักที่สุด”
    พี่น้องมาถามว่า “รักแค่ใหน”
    ฉันตอบ “รักที่สุด”
    เพื่อนสนิทมาถามฉันว่า “รักแค่ใหน”
    ฉันตอบ “รักที่สุด”
    สัตว์เลี้ยงฉันออกลูก
    ฉันก็พูดกับมันว่า “รักที่สุด”
    ต้นไม้ที่ฉันปลูกออกดอก
    ฉันก็บอกมันว่า “รักที่สุด”
    สุดที่รัก กลับมาถามในวันนึงว่า
    “ตกลงเธอรักฉันที่สุดหรือป่าว”
    ฉันตอบว่า “รักที่สุด”
    สุดที่รักถาม “แล้วคนอื่นๆ
    ล่ะไม่ได้รักที่สุดเหรอ”
    ฉันตอบ
    สุดที่รักโมโห
    "ฉันเป็นสุดที่รักของเธอ
    เธอต้องรักฉันที่สุดคนเดียว"
    ฉันคิดนิดนึง "แต่ฉัน..รักทุกคนที่สุด"
    สุดที่รักงอน "คนหลายใจไปตายซะ"

    ฉันผิดตรงใหน ที่ฉันรักคนสำคํญ
    ในชีวิตฉันทุกคน
    ฉันสับสนฉันจึงไปกระโดดน้ำตาย
    ตามคำสั่งสุดท้ายของสุดที่รัก
    ฉันขึ้นไปบนสะพานที่สูงที่สุด
    กระโดดลงแม่น้ำตรงจุดที่ลึกที่สุด
    ฉันไม่ตายเพราะว่าว่ายน้ำเป็น
    และฉันรักตัวเองที่สุด

    ฉันว่ายไปข้างหน้าเรื่อยๆ
    จากแม่น้ำออกทะเล
    จากทะเลออกมหาสมุทร
    ว่ายจนกว่าสุดทาง
    ผ่านเกาะผ่านประเทศต่างๆมากมาย
    แล้วฉันก็วนกลับมาที่เดิม

    และฉันก็คนพบว่า...
    โลกกลม

    มีเกาะ มีประเทศ ตั้งอยู่
    บนตำแหน่งต่างๆบนโลก
    ไม่ทับซ้อนกัน
    ทุกเกาะ ทุกประเทศมีความสำคัญ
    มีหนึ่งเดียวและอยู่ทุกมุมสุดของโลก

    เหมือนความรักของฉัน
    เป็นทรงกลม
    มีคนสำคัญตั้งอยู่ยนตำแหน่ง
    ต่างๆของความรัก
    แต่ล่ะคนมีหนึ่งเดียวไม่ทับซ้อนกัน
    ทุกคนคือ ‘สุดที่รัก’ และฉันก็ ‘รักที่สุด’


    จากนิทานบัวไร
    นามปากกา บัวไร
    สำนักพิมพ์แม่ขมองอิ่ม
























    วันพุธ, พฤศจิกายน 21, 2550

    สิ่งที่อยู่ในใจ

    .

    .

    .

    บางครั้ง ความนิยมรุนแรง ความมันส์ การทำลายล้าง ก็ซ่อนอยู่ในก้นบึ้งของจิตใจ

    อิอิ วันนี้เพื่อนแนะนำ เกมส์วางป้อมปืนยิงทำลายล้าง มันดีนะ แม้ว่าเราจะไม่นิยมการทำลายล้างก็ตามเหอๆ

    ก็ต้องลองเล่นดู ที่นี่ http://game.meemodel.com/game/best/7.php

    นี่วิธีเล่น http://www.pantip.com/cafe/wahkor/topic/X6027590/X6027590.html

    - จะมีข้าศึกบุก ตามทาง แล้วเราวางตั้งป้อมปืนตามความเหมาะสม
    - ช่วงแรกจะมี Basic Towers จะมี 3 ป้อม
    - arrow towner สอยข้าศึกทางอากาศ+บก/speed ไวมาก แต่ยิงเบาสุด/ระยะโจมตีกว้าง
    - cannon towner สอยข้าศึกทางบกเท่านั้น/speed ไวมาก ยิงแรงกว่า arrow นิดนึง/ระยะโจมตีแคบ
    - air towner สอยข้าศึกทางอากาศเท่านั้น/speed ไวมาก/ระยะโจมตีกว้างสุด
    - Elemantal Towers จะมี 3 ป้อม ได้โดยการอัพ Element ธาตุต่างๆ (ผ่านฉากไปเรื่อยๆ จะมีให้อัพเอง)
    - Water Tower สอยข้าศึกทางอากาศ+บก/speed ไวมาก/ระยะโจมตีแคบ/damage เบาโคตร
    - Earth Tower สอยข้าศึกทางบกเท่านั้น/speed ช้า/ระยะโจมตีกว้าง/damage แรงมาก
    - Fire Tower สอยข้าศึกทางอากาศ/บก/speed เร็ว/ระยะโจมตีกว้าง/damage ปานกลาง
    - และก็ Combo Tower ได้จากการอัพครบ 3 ธาตุ น้ำ ดิน ไฟ -สอยข้าศึกทางอากาศ+บก/speed ช้าโคตร/ระระโจมตีเต็มจอ/damage แรงโคตร


    คุณอาจพบอีกตัวตนของตัวเอง



    นพลักษณ์ไหน Enneagram

    ENNEAGRAM คือ คือแผนภาพรูปวงกลมที่อธิบายถึงจิตใจของมนุษย์

     

     

     


     

     

     


    คำว่า ENNEAGRAM เป็นภาษากรีก แปลว่า แผนภาพเลขเก้า เนื่องจากตามหลักของ ENNEAGRAM จิตใจของมนุษย์แบ่งเป็นประเภทหลัก ๆ ได้เป็นเก้าประเภท (ไทป์) แต่ละประเภทแทนด้วยจุดเก้าจุด ที่เรียงอยู่บนเส้นรอบวงของวงกลมด้วยระยะห่างที่เท่า ๆกัน ได้แก่

    1. ไทป์หนึ่ง - นักปฏิรูป

    2. ไทป์สอง - นักบุญ
    3. ไทป์สาม - ผู้ชนะ
    4. ไทป์สี่ - ศิลปิน
    5. ไทป์ห้า - นักปราชญ์
    6. ไทป์หก - เพื่อนยาก
    7. ไทป์เจ็ด - เจ้าสำราญ
    8. ไทป์แปด - ผู้นำ
    9. ไทป์เก้า - ผู้รักสงบ
    บุคลิกภาพของมนุษย์ทุกคน จะอธิบายได้ด้วยไทป์ใด ไทป์หนึ่ง ในเก้าไทป์นี้ ซึ่งเป็นลักษณะที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิด และอาจพัฒนาไปในทางที่ดีขึ้น หรือต่ำลงก็ได้เมื่อโตขึ้น แต่จะไม่มีวันเปลี่ยนไปจากไทป์ที่ตัวเองเป็นไปได้
     
     
    อยากรู้จักมากชึ้น เข้าไปที่นี่  http://www.dekisugi.net/enneagram/index.jsp
     
     
    อยากทดสอบ ลองที่นี่  http://www.dekisugi.net/enneagram/tests.jsp
     
    ของเราเป็นแบบนี้
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     


    1. ไทป์หนึ่ง - นักปฏิรูป
    มีหลักการ มีระเบียบวินัยต่อตนเอง เคร่งครัดต่อกฏเกณฑ์ มีจุดยืนที่แน่นอนในทุก ๆเรื่อง ชอบวิพากษ์วิจารณ์ คาดหวังให้คนอื่นดีเหมือน ๆกับตน อยากเห็นสังคมดีขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ รักความยุติธรรม บางทีดูเป็นคนแข็ง ไม่อร่มอร่วย จริงจังกับชีวิต


    2. ไทป์สอง - นักบุญ
    ดูแลเอาใจใส่ทุกข์สุขของคนรอบข้าง คิดถึงปัญหาของคนอื่น มากกว่าปัญหาของตัวเอง พยายามทำตัวเป็นที่รักของคนอื่น ด้วยการให้ ยกย่อง "ความรัก" เหนือสิ่งอื่นใด บางทีก็ชอบกะเกณฑ์คนอื่น ทำตัวเหมือนเป็นเจ้าเข้าเจ้าของคน


    3. ไทป์สาม - ผู้ชนะ
    ปรับตัวเก่ง ทะเยอทะยาน เชื่อมั่นในความสามารถของตัวเอง มองเป้าหมายเป็นหลัก ทำงานเก่ง ใส่ใจภาพลักษณ์ บุคลิกภาพ และการแต่งตัว ปกปิดความล้มเหลว โฆษณาตัวเอง


    4. ไทป์สี่ - ศิลปิน
    มีความคิดสร้างสรรค์ ยกย่องจินตนาการ มีความถนัดทางศิลปะ ใจลอย ไม่ค่อยอยู่กับปัจจุบัน ค้นหาตัวเอง อยู่กับตัวเอง มีอารมณ์เศร้า ๆ ไม่หลอกตัวเอง มองเห็นข้อเสียของตัวเอง มากกว่าข้อดี ขาดความมั่นใจ


    5. ไทป์ห้า - นักปราชญ์
    เป็นนักคิดมากกว่าปฏิบัติ นักประดิษฐ์ ช่างสังเกต และพยายามทำความเข้าใจสิ่งรอบตัว หาความรู้ใส่ตัวอยู่เสมอ ชอบงานที่ใช้ทักษะเฉพาะทาง ไม่ใช้อารมณ์หรือความรู้สึกตัดสิน ไม่ชอบให้ใครมายุ่มย่ามเรื่องส่วนตัว ขาดทักษะทางสังคม ไม่ชอบตารางเวลา ทำอะไรแปลก ๆ ไม่เหมือนใคร


    6. ไทป์หก - เพื่อนยาก
    มีศิลปะของการทำงานเป็นทีม เป็นนักจัดการองค์กร หรือนักรณรงค์เพื่อสวัสดิภาพที่ดีขึ้นของชุมชน สร้างมิตร สร้างความสามัคคี ชอบการพึ่งพาอาศัยกัน ตัดสินใจยาก เดาใจลำบาก เวลารู้สึกไม่ปลอดภัย จะกลายเป็นคนขี้ระแวง


    7. ไทป์เจ็ด - เจ้าสำราญ
    สนุกสนาน ร่าเริง ชอบสังคม เฮไหน เฮนั่น แสวงหาประสบการณ์ใหม่ให้กับชีวิตอยู่เสมอ ชอบทำอะไรหลาย ๆอย่างในเวลาเดียวกัน เก่งหลายอย่าง ชอบง่ายหน่ายเร็ว กระฉับกระเฉง อยู่ไม่สุข


    8. ไทป์แปด - ผู้นำ

    เด็ดขาด เชื่อมั่นในตัวเองสูง กล้าตัดสินใจ มีลักษณะของผู้นำ ท้าทายอำนาจอื่นอย่างไม่กลัวเกรง ไม่ยอมให้ใครมาเอาเปรียบ ชอบควบคุมคนอื่น ใจนักเลง ให้ความคุ้มครองสารทุกข์สุขดิบ ของคนในบังคับบัญชา


    9. ไทป์เก้า - ผู้รักสงบ
    รักสงบ นิยมธรรมชาติ ไม่มีศัตรู ไม่ทะยานอยาก มองโลกในแง่ดี ไม่เครียดหรือวิตกกังวล ไม่เห็นด้วยก็ไม่คัดค้าน แต่จะไม่ทำ ดูเชื่องช้า ปล่อยให้ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นไปเอง ไม่วางแผน ไม่เตรียมการ ซ่อนปัญหาไว้ใต้พรม ดื้อเงียบ

    วันจันทร์, พฤศจิกายน 19, 2550

    เริ่มต้นที่ตอนจบ

    เพื่อนคนหนึ่งเมล์มาให้ พร้อมกับบอกว่า
    "อยากให้เพื่อนๆ ได้ลอง แนวคิดดีๆ ลองทำตามดู จะได้รู้ว่าตัวเองอยากจะทำอะไรในชีวิตที่เหลือว่ะ"





    เริ่มต้นที่ตอนจบ

    มีคนชอบถามหนูดีว่า จะใช้สมองอย่างไรถึงจะคุ้มค่า จะใช้ชีวิต ใช้เวลาอย่างไรถึงจะถือว่าสมองของเราไม่ได้สูญเปล่า ด้วยความที่หนูดีเรียนมาด้านสมองและทำงานเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านอัจฉริยภาพ จึงถูกถามในเรื่องนี้เป็นประจำ และก็เป็นคำถามที่ทำให้หนูดีสนุกมากที่จะตอบเสมอ เพราะคำถามชนิดนี้ มีคำตอบได้มากมาย ไม่เคยตายตัว ใครตอบก็ไม่มีวันซ้ำกัน
    วันนี้ลองมาฟังนักวิจัยด้านสมองตอบคำถามนี้ดูกันเล่น ๆ ไหมคะ
    สมัยที่หนูดีเรียนอยู่ที่อเมริกา เคยถูกให้ทำแบบฝึกหัดหนึ่งซึ่งเปลี่ยนแปลงชีวิตหนูดีไปตลอดกาลเลย คือ
    เกม “เริ่มต้นที่ตอนจบ” โดยเกมนี้เล่นไม่ยาก แต่ใช้เวลาพอสมควร หนูดีเคยนำมาฝึกกับลูกศิษย์ของหนูดีบ่อย ๆ มีคนนั่งหลับตาไป ร้องไห้ไป มาหลายคนแล้ว เพราะเป็นเกมที่ทำให้เราได้ย้อนหลังกลับไปมองชีวิต ไม่ใช่แต่ต้นจนอวสาน แต่ว่ามองจากอวสาน มาตอนต้น
    ถ้าพูดเปรียบเทียบเป็นภาษานักธุรกิจก็ต้องบอกว่า Begin with the end in mind. ก็คือ การเริ่มต้นมาจากการมองเห็นภาพตอนจบ หรือสัมฤทธิผลของเรื่อง
    เกมนี้เริ่มที่ หนูดีจะขอให้ผู้อ่าน ลองหาเวลาเงียบ ๆ อยู่กับตัวเอง ในตอนที่เราไม่มีเรื่องรีบร้อนอันใดต้องไปทำ แล้วให้นั่งลง หลับตาจินตนาการภาพตัวเรา ตอนอายุสักแปดสิบ
    โดยให้สมมติว่า เราจะต้องตายตอนอายุสักแปดสิบ และตอนนั้น เราเจ็บป่วย นอนอยู่บนเตียง หลังจากนั้น ให้เราลองจินตนาการ ย้อนกลับไปมองทั้งชีวิตของเราว่า ที่ผ่านมา เราได้ใช้มันไปอย่างไรบ้าง เราใช้เวลาของเราทำอะไรไป เราวิ่งตามอะไร เราวุ่นวายกับอะไร เรารักใคร เราไม่รักใคร ความสุข ความทุกข์ของเราเป็นผลจากอะไร
    แต่สองคำถามที่สำคัญที่สุดก็คือ เราจะเสียดายที่สุด หากเราตายไปโดยไม่ได้ทำอะไร .. เราจะเสียดายที่สุด หากเราไม่ได้ใช้เวลากับใคร
    หากเราตอบคำถามเหล่านี้ได้ อย่างกระจ่างชัด ก็จะมีเวลาบางช่วงที่เราจะไม่ใช้ไปอย่างที่เราใช้อยู่ จะมีกิจการบางกิจการ ที่เราไม่เลือกจะก่อตั้ง มีเพื่อนบางคนที่เราอาจจะเลิกคบ มีเงินบางก้อนที่เราจะปฏิเสธไม่รับสารพัดของสิ่งที่จะเกิดขึ้น ถ้าเรามีเวลาถอยออกมาจากชีวิต แล้วย้อนกลับไปมองเหมือนกับว่า เรากำลังดูหนังวิดิโอชีวิตของคนอื่นอยู่ แล้วก็วิจารณ์ว่าเขาคนนั้นตอนยังมีชีวิตอยู่ น่าจะทำอะไรที่ควรทำ
    ทั้งหมดนี้ เป็นเทคนิคที่ง่ายดายและลึกซึ้ง เมื่อหนูดีลองทำแล้ว เป็นประโยชน์อย่างยิ่งถึงขั้นหนูดีเปลี่ยนอาชีพ เปลี่ยนชีวิต เพราะจากที่เคยคิดอย่างเด็กอายุยี่สิบ หนูดีกระโดดข้ามไปคิดแบบแปดสิบได้ ตอนนี้เลยเหมือนย้อนกลับมาใช้ชีวิตรอบสอง โดยอายุยังไม่ครบสามสิบเลย เหมือนมีสองชีวิตเลยค่ะ
    เมื่อก่อนหนูดีเคยคิดว่า ความสำเร็จในชีวิตก็เหมือนกับการหาของใส่กล่อง คนเก่งกว่าก็ใช้เวลาเป็น ใช้ชีวิตคุ้ม ก็หาของมาใส่กล่องได้เร็วและมากกว่าคนอื่น แต่อีกปัจจัยที่ทำให้กล่องเต็มได้ ที่หนูดีไม่เคยคิดมาก่อนจะเล่นเกมนี้ก็คือ แค่เราเปลี่ยนขนาดกล่องให้เล็กลงซะ มันก็เต็มได้โดยไม่ยากเย็นเลย
    ดังนั้น การใช้สมองให้เต็มที่ คุ้มค่า เพื่อให้ชีวิตมีสุขได้ครบด้านและง่ายดาย น่าจะอยู่ที่ศักยภาพในการถอยออกมาแล้วมองชีวิตจากมุมห่างออกไปอีกหน่อย มองย้อนกลับจากวันสุดท้ายของชีวิตก็เป็นความท้าทายที่น่าสนุกอีกแบบหนึ่ง มันเปลี่ยนชีวิตหนูดีมาแล้ว ในทางที่ดีขึ้นอย่างมหัศจรรย์ ด้วยคำถามง่าย ๆ ไม่กี่คำถาม
    แล้ววันนี้ ท่านผู้อ่านของหนูดีคิดว่า ชีวิตนี้ ไม่ได้ทำอะไรแล้วจะเสียดายที่สุดคะ และไม่ได้ใช้เวลากับใครแล้วจะเสียดายที่สุดคะ

    บทความ ของ วนิษา เรซ ผู้เชี่ยวชาญอัจฉริยภาพปริญญาโท จากฮาร์วาร์ด

    วันอังคาร, พฤศจิกายน 13, 2550

    บุพเพสันนิวาส ไม่ต้องรอ ไขว่คว้าหาเองก็ได้

    http://www.nygirlofmydreams.com
    คุงแป๋ว ebeauty.multiply.com ส่งเรื่องราวของคนที่ไขว่คว้าตามหาคนที่ปิ๊งจนเจอ เหนว่าพยายามดี เลยขอเอามาลงไว้หน่อย


    เรื่องเล่าเกี่ยวกับความรักที่มีอินเทอร์เน็ตเป็นกามเทพแผลงศร กลายเป็นแรงบันดาลใจให้หนุ่มนิวยอร์กที่เคยเห็นขันกับเรื่องนี้ ใช้เป็นช่องทางตามหาสาวในฝันที่บังเอิญพบกันในรถไฟใต้ดิน

    สำหรับนักออกเว็บ แพทริก โมเบิร์ก วัย 21 ปี จากบรูกลิน มันเป็นรักแรกพบเมื่อเขาสบตากับสาวแก้มระเรื่อ ระหว่างโดยสารรถไฟใต้ดินในแมนฮัตตันเมื่อคืนวันอาทิตย์แรกของเดือน

    รถไฟแน่นขนัดกระทั่งสาวน้อยถูกกลืนหายไปกับฝูงชนตอนที่ลงจากรถ โมเบิร์กจึงตัดสินใจสร้างเว็บไซต์อุทิศให้กับการตามหาสาวลึกลับโดยใช้ชื่อว่า www.nygirlofmydreams.com

    "ผมเห็นผู้หญิงสวยๆ บนรถไฟมานักต่อนัก แต่กับเธอคนนี้ไม่รู้ว่าทำไมถึงติดตาติดใจผมเหลือเกิน"

    เขาวาดภาพสาวในฝัน ที่สวมกางเกงขาสั้นสีน้ำเงิน กางเกงยาวรัดรูปสีเดียวกัน และทัดดอกไม้ที่หูซ้าย พร้อมโพสต์เบอร์มือถือและอีเมลแอดเดรสของตัวเอง และขอความช่วยเหลือจากคนที่ผ่านเข้ามาในเว็บให้ช่วยตามหาเธอคนนั้น

    ภายในไม่กี่ชั่วโมง กล่องจดหมายของโมเบิร์กเต็มไปด้วยอีเมล ขณะที่มือถือดังระงมไม่ขาดสาย เขาเล่าให้หนังสือพิมพ์นิวยอร์กโพสต์ฟังว่า ในบรรดาอีเมลเหล่านั้น หลายฉบับส่งมาขอความรัก

    โมเบิร์กและเฮย์ตัน

    "บางคนบอกผมว่า 'ฉันไม่ใช่สาวคนนั้นหรอก แต่คุณน่ารักดี เลือกฉันแทนเถอะนะ'"

    คืนวันอังคาร เพื่อนของสาวในฝันติดต่อมาหาโมเบิร์ก และส่งรูปมาให้ยืนยันว่าใช่คนที่เขาตามหาหรือไม่

    "พบเธอแล้ว!" เขาประกาศอย่างลิงโลดในเว็บไซต์

    "เราลองคุยกันและดูว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป"

    สาวลึกลับผมสีบรูเน็ตต์ได้รับการเปิดเผยตัวตนเมื่อวันพฤหัสฯ ที่ผ่านมา (7) เธอชื่อว่า คามิลล์ เฮย์ตัน มาจากเมลเบิร์น ออสเตรเลีย กำลังฝึกงานอยู่ที่นิตยสารแบล็กบุ๊ก และตอนนี้อยู่ในบรูกลินเช่นเดียวกับหนุ่มโมเบิร์ก

    "มันบ้ามาก ฉันแทบไม่เชื่อว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้น" เฮย์ตันบอก

    ส่วนโมเบิร์ก เขาบอกว่าตอนนี้ปิดประตูหัวใจลงกลอนแน่นหนา เขาลบเบอร์โทรศัพท์ออกจากเว็บ และทิ้งข้อความไว้ในโทรศัพท์ว่า ปิดการสัมภาษณ์สาวๆ แล้ว

    "เพื่อเราทั้งคู่ จะไม่มีการอัพเดตเว็บนี้อีกต่อไป" เขาโพสต์ไว้ในเว็บ

    "นี่ไม่ใช่หนังโรแมนติกคอมเมดี้หรือเพลงป๊อปโหลๆ แต่คุณต้องสร้างบทสรุปสำหรับเรื่องนี้ด้วยตัวเอง"

    ชาวนิวยอร์กหลายคนได้แต่งงว่า โมเบิร์กงมเข็มในมหาสมุทรพบได้อย่างไร ในมหานครที่มีคนอาศัยอยู่ถึง 8 ล้านคน


    วันจันทร์, พฤศจิกายน 12, 2550

    สีชมพู

    ทักษาปกรณ์ ศาสตร์แห่งราชสำนัก ย้อมใจไทยเป็นสีชมพู

    าพพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงฉลองพระองค์สีชมพูสดใส เสด็จพระราชดำเนินออกจากโรงพยาบาลศิริราชกลับสู่พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน พระราชวังดุสิต ด้วยพระพักตร์ที่แจ่มใส ทรงแย้มพระสรวลและโบกพระหัตถ์ต่อพสกนิกรของพระองค์ ที่เฝ้ารับเสด็จตั้งแต่ในโรงพยาบาลและตลอดสองข้างทางที่เสด็จพระราชดำเนิน เมื่อวันพุธที่ผ่านมา ซึ่งเผยแพร่ผ่านสื่อมวลชนทุกแขนงนั้น ได้สร้างความปีติและประทับใจแก่ปวงชนชาวไทยอย่างเหลือล้นมิรู้ลืม

    สีชมพูนี้ เป็นสีที่นายสุเมธ พุฒพวง นักวิชาการช่างศิลป์ 7 กลุ่มงานศิลปะประยุกต์กลุ่มจิตรกรรมศิลปะประยุกต์และลายรดน้ำ ผู้ออกแบบตราสัญลักษณ์ 80 พรรษา ได้เคยให้สัมภาษณ์ไว้ว่า ได้นำแพรแถบสีชมพูมาประดับไว้ในตราสัญลักษณ์ พระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา 5 ธ.ค. 2550 โดยสีชมพูตามความหมายของตราสัญลักษณ์นี้ หมายถึง สีอายุตามโหรา ศาสตร์ทักษาพยากรณ์ ซึ่งตรงกับวันอังคารของพระองค์ เพราะพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชสมภพในวันจันทร์ สีชมพูเป็นสีประจำอายุตามหลักโหราศาสตร์ไทย หมายถึงการ มีสุขภาพและพลานามัยที่สมบูรณ์

    นั่นคือคำอธิบายความสำคัญของสีชมพู

    แต่เชื่อว่ามีคนจำนวนไม่น้อยที่ยังไม่ทราบ หรือไม่รู้อย่างแท้จริงว่า “ทักษา” คืออะไร มีที่มาอย่างไร

    ในบรรดาองค์ความรู้ด้านมงคลพิธีและโหรา ศาสตร์ของไทยที่ตกทอดมาถึงปัจจุบันนั้น จะว่าไปแล้วมีรากฐานมาจากที่อื่นเสียมาก ไม่ว่าจะเป็นฮินดู พม่า มอญ หรือขอม แม้แต่ดวงจักรราศีถือเป็นเพชรชิ้นเอกแห่งโหราศาสตร์ไทยก็มีรากฐานมาจากโหราศาสตร์ฮินดู แต่ที่เป็นความภาคภูมิใจของคนไทยจริงๆ ก็ดูจะมีเรื่องทักษาพยากรณ์นี่เองที่เป็นของไทยแท้ แต่ถึงกระนั้นการสร้างบ้านแปลงเมืองของบรรพบุรุษไทยให้เจริญรุ่งเรืองมาได้จนถึงทุกวันนี้ก็ล้วนแต่พึ่งพาหลักทักษาปกรณ์ทั้งสิ้น

    บางคนยังเข้าใจว่าทักษาของไทยตกทอดมาจากฮินดูเช่นกัน เพราะทางฮินดูมีศาสตร์เรื่อง “ทศา” หรือ Dasha ซึ่งทางโหราศาสตร์ไทยก็นำมาใช้ในเรื่องดาวเสวยอายุ และเรียกกันว่า “มหาทักษา” ซึ่งเป็นคนละเรื่องกับ “ทักษา” แท้ๆ ของไทย

    ระบบทักษาไทยนั้นหมายถึงการไล่วันทั้งเจ็ดทาง ทักษิณาวัตร คือเวียนขวาไปตามผังดาวทักษา (ดูรูปประกอบ) เพื่อจะรู้ว่าวันใด ดีหรือไม่ดีสำหรับตัวเอง โดยเริ่มตั้งแต่วันอาทิตย์ แทนด้วย ๑ จันทร์ ๒ เวียนไปจนถึงศุกร์ ๖ และตำแหน่งของแต่ละวันจะมีความหมายต่างกันไป เริ่มจาก บริวาร อายุ เดช ศรี มูละ อุตสาหะ มนตรี และกาลกิณี หากเกิดวันไหนก็เริ่มนับวันนั้นเป็นภูมิบริวาร เช่นเกิดวันพุธ นับ ๔ เป็นบริวาร เสาร์ (๗) เป็นอายุ พฤหัสฯ (๕) เป็น เดช เป็นต้น

    พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลปัจจุบัน เสด็จพระราชสมภพในวันจันทร์ (๒) จึงทรงมีดาวอังคาร (๓) เป็นดาวอายุ ซึ่งหมายถึงพระสุขภาพ พลานามัย สีของอังคารคือสีชมพู ดังนั้นในทางทักษาสีชมพูจึงส่งเสริมพระสุขภาพพลานามัยของพระองค์ ส่วนสีเหลืองนั้นเป็นสีประจำพระองค์เนื่องจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชสมภพในวันจันทร์

    หลักทักษานี้มีความเป็นมายาวนานเพียงใดไม่มีใครทราบแน่ชัด แต่ตามคำบรรยายของ พ.อ.เอื้อน มนเทียรทอง โหราจารย์ใหญ่คนหนึ่งของไทยในคัมภีร์โหราศาสตร์ศิวาคม ระบุว่า ทักษาพยากรณ์ทรงพระนิพนธ์โดยสมเด็จพระศรีสุริยพงศ์รามมหาธรรมราชาธิราช หรือ พระเจ้าลือไทย (พระเจ้าลิไทย) พระมหากษัตริย์รัชกาลที่ 5 แห่งกรุงสุโขทัย มหาปราชญ์ผู้ทรงพระนิพนธ์ “ไตรภูมิพระร่วง” โดยคัมภีร์ทักษาปกรณ์ที่พระองค์ทรงพระนิพนธ์นั้นเป็นภาษาบาลี ชื่อว่า “ทักษสังคหปกรณ์”

    ต่อมาสมเด็จฯ เจ้าฟ้ากรมหลวงพิทักษ์มนตรี สมเด็จพระเจ้าหลานเธอในรัชกาลที่ 1 แห่งราชวงศ์จักรี ทรงถอดความภาษาบาลีเป็นภาษาไทยเป็นลิลิต “ลิลิตทักษาพยากรณ์” ซึ่งปัจจุบันต้นฉบับสมุดไทยดำและสมุดไทยขาวของลิลิตนี้เก็บรักษาไว้ที่หอสมุดแห่งชาติ

    ระบบทักษานี้ถือได้ว่าเป็นแม่บทที่ครอบคลุมพิธีกรรมและการวางหลักเกณฑ์ต่างๆ ในบ้านเมืองมาช้านาน ซึ่งเดิมใช้กันในราชสำนักเป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็นการกำหนดทำเลตั้งเมือง การวางดวงเมือง การวางฤกษ์ขึ้นครองราชย์ และวางฤกษ์พิธีกรรมต่างๆ การตั้งชื่อเจ้านาย การกำหนดยุทธวิธีในตำราพิไชยสงคราม การเคลื่อนทัพ ตั้งทัพ และการคัดเลือกแม่ทัพนายกอง

    เนื่องด้วยหลักทักษาครอบคลุมหลักเกณฑ์สำคัญในการดำรงชีวิตอย่างกว้างขวาง เช่น ทิศ ธาตุ ตัวอักษร สี ชัยภูมิ การวางฤกษ์ อายุพระเคราะห์ ทักษาจึงเริ่มเผยแพร่ออกสู่สามัญชนซึ่งนำปรับใช้ในชีวิตประจำวันได้กลมกลืน

    ดังนั้นทักษาจึงเป็นที่ยกย่องมากในอดีต แต่เป็นที่น่าเสียดายว่าคนไทยในปัจจุบันละทิ้งหลักเกณฑ์ของทักษาไปเสียมากด้วยอาจเห็นว่าเป็นเรื่องงมงาย ส่วนโหรไทยเองก็มีไม่น้อยที่ทิ้งเรื่องทักษาไป ด้วยเพราะหลักเกณฑ์บางส่วนสืบทอดกันมาอย่างตกหล่นจนโหรในปัจจุบันถกเถียงกันไม่ได้มติ หรือบางส่วนนำทักษาไปใช้อย่างไม่รู้จริงทำให้ไม่ได้ประโยชน์เต็มที่จึงหันไปหาศาสตร์สากลต่างๆ แทน ทั้งที่เรื่องทักษานี้เป็นคัมภีร์แม่บทที่ครอบคลุมโหราศาสตร์ไทยไว้อย่างลึกซึ้งกว้างขวางดังที่ สมเด็จฯ เจ้าฟ้ากรมหลวงพิทักษ์มนตรี ทรงพระนิพนธ์ไว้ใน “ลิลิตทักษาพยากรณ์” ว่า

    คัมภีร์คำพิทยพร้อง พรตพรหม

    คือชาติทักษาสยัม พากย์พี้

    พิศาลแสดงคัม ภีรภาพ

    ตำรับในนิตินี้ กว่ากว้างพิสดาร


    http://66.102.9.104/search?q=cache:hDvjarR6CIEJ:www.posttoday.com/newsdet.php%3Fsec%3Dnews%26id%3D202836+%E0%B8%AA%E0%B8%B5%E0%B8%8A%E0%B8%A1%E0%B8%9E%E0%B8%B9+%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B9%8C&hl=th&ct=clnk&cd=1&gl=th&client=firefox-a

    วันพุธ, พฤศจิกายน 07, 2550

    TICK

    Rating:★★★
    Category:Computers & Electronics
    Product Type: Computers
    Manufacturer:  Paul McKnight
    http://www.brothersoft.com/internet/dial-up_connectivity/tick_5151.html
    http://www.reallyeffective.co.uk/tick_moreinformation.php

    โปรแกรมอรรถประโยชน์ สำหรับคนต่อเนตด้วยโมเดม ความเร็วต่ำ อิอิ
    ที่ใช้อย่างจริงๆจังคือ ไว้คำนวณตรวจสอบค่าใช้จ่ายรายเดือนของการใช้โมเดม และใช้ดูเวลาก่อนเนตหลุด

    และอื่นๆอีก

    Logging Options
    - Logs all calls made
    - Records Date/Time of call, cost and data transferred
    - Recovers current log entry if system crashes
    - Ability to adjust log entries
    - Statistical data estimating weekly, monthly and quarterly bills

    8-0 พูลสวัสดิ์

    1-02-03-04-0 5-0 6-0 7-0 8-0

    วันอาทิตย์, พฤศจิกายน 04, 2550

    remote for s3is and a630, a640, a610, a620, a710

    http://hem.passagen.se/fsmmal/chdk2.html
    and this http://forums.dpreview.com/forums/readflat.asp?forum=1010&thread=25170969

    Category:Scripts A640 - CHDK Wiki

    http://chdk.wikia.com/wiki/Category:Scripts_A640
    UBASIC/Scripts/CanonA640: EV Bracketing
    UBASIC/Scripts/CanonA640: Flash Bracketing
    UBASIC/Scripts/CanonA640: Focus Bracketing
    UBASIC/Scripts/CanonA640: ISO Bracketing
    UBASIC/Scripts/CanonA640: Interval
    UBASIC/Scripts/CanonA640: Interval Video
    UBASIC/Scripts/CanonA640: Lightning
    UBASIC/Scripts: Scripts for Canon A640
    UBASIC/Scripts/CanonA640: Shutter Bracketing
    UBASIC/Scripts/CanonA640: Zoom Bracketing
    UBASIC/Scripts/CanonA640: Zoom Video

    รู้จัก Hoax อีเมล์หลอกลวงหรือไวรัสหวังดี

    นานมาแล้วผมเคยได้รับอีเมล์ฉบับนึง เป็นรูปหน้าอก แล้วมีรูๆ เหมือนรังผึ้ง
    พร้อมกับคำบรรยายว่า หญิงคนนึงไปเที่ยวแอฟริกา กลับมาก็คันหน้าอกปวดบวม จนเช้าวันนึง แมลงก็ออกมาจากรัง ? ประหนึ่งว่าแมลงแอบวางไข่เอาไว้ในนั้น

    ครั้งนั้นผมให้สงสัยเป็นกำลังว่ามันจริงเหรอ ค้นเนตไปมาก็พบคำนี้ครับ Hoax โฮคส์ แปลว่าหลอกลวง

    นับแต่นั้นมาก็เริ่มถึงบางอ้อ เรื่องข่าวในอีเมล์ต่างๆ เช่นแมงมุมในฝาโถส้วม ไข่แมลงสาปบนแสตมป์ ฟอร์เวิดเมล์1ครั้ง AOL ให้1เซนต์ ล่าสุดก็ กุ้งกะวิตามินซี

    ทีนี้พอหลังๆมีอีเมล์อะไรแปลกๆมา ก็จะเริ่มเชคกะกูเกิ้ลครับ ว่าในเนตเค้าว่าไงกัน โดยค้นคำหลักเช่น vitamin c  shrimp hoax

    เจ้าสิ่งหลอกลวงนี้เล่นอยู่กับความห่วงใยของคน ความกลัว และความหวังดี เฮ้อคนทำนี่ก็ช่างกระไร


    ข้อมูลเพิ่มเติม http://thaicert.nectec.or.th/paper/hoax.php
    วิธีสังเกตุเบื้องต้น  http://www.jabchai.com/main/view_joke.php?id=4554

    วันศุกร์, พฤศจิกายน 02, 2550

    นิพพานที่นี่และเดี๋ยวนี้ พุทธทาส.คอม

    http://www.buddhadasa.com/dhamanukom/nippan_now93.html
    รวมเรื่องราวของท่านพุทธทาสครับ



    นิพพานที่นี่และเดี๋ยวนี้

    เอ้า, ทีนี้ก็มาพูดถึง ที่ว่า นิพพานที่นี่และเดี๋ยวนี้ กันดีกว่า:

    เพราะว่ามันเป็นเรื่องที่ทำให้ผมถูกด่า จนไม่รู้ว่าจะด่าอย่างไรแล้ว
    ว่าเอาพระนิพพาน มาทำให้สำเร็จประโยชน์ที่นี่และเดี๋ยวนี้. ในเมื่อ
    เขาต้องการ ให้ตายแล้วเกิด, ตายแล้วเกิด, ตายแล้วเกิด, ร้อยชาติ
    พันชาติ หมื่นชาติ แสนชาติ แล้วจึงจะนิพพาน. แล้วเรามาทำให้
    เป็นว่า ที่นี่และเดี๋ยวนี้ก็มีนิพพาน เขาก็โกรธ ไม่รู้ว่ามันจะไปขัด
    ประโยชน์ ของเขาหรืออย่างไร ก็ไม่ทราบ

    เขาหาเรื่องว่า เรามาหลอกคนว่า นิพพานที่นี่และเดี๋ยวนี้ หรือ
    ทำให้ นิพพานนี้ด้อยค่าลงไป เพราะทำได้ที่นี่และเดี๋ยวนี้ เขา
    ให้ถือว่าหมื่นชาติ แสนชาติ จึงจะได้; ถ้าอย่างนั้น ค่ามันก็มากซิ;
    พอมาทำได้ที่นี่และเดี๋ยวนี้ กลายเป็นของง่ายไป เขาคัดค้าน ก็ด่า;
    ไม่เป็นไร, เราไม่ได้ต้องการแก่คนพวกนี้ เราต้องการให้คนทั่วไป
    ต่างหาก ได้รับประโยชน์จากนิพพาน

    จิตถึงนิพพานได้ ต้องละอุปาทาน

    มันมีหลักอยู่ว่า เมื่อใดเกิดอุปาทาน เมื่อนั้นไม่นิพพาน คือ
    จิตของเรา ยึดมั่นถือมั่นในสิ่งใด คุณรู้ความหมายว่า จิตของเรา
    กำลังยึดมั่นถือมั่น เป็นตัวเป็นตนในสิ่งใด เมื่อนั้นนิพพานไม่ได้;
    เมื่อใด จิตไม่ยึดมั่นถือมั่นในสิ่งใดอยู่ เมื่อนั้นนิพพานเอง
    เป็นนิพพาน ในทิฏฐิธรรมนี้ด้วย.

    จะเล่าเรื่องก็คือว่า มีคนที่เป็นนักคิดนักศึกษา ที่เป็นฆราวาสทั้งนั้น
    ไม่มีพระเลย เป็นพระอินทร์ก็มี เป็นอุบาสก เป็นคนร่ำรวยอะไรก็มี
    ก็มาทูลถามพระพุทธเจ้าว่า ทำไมคนจึงไม่นิพพาน ในทิฎฐธรรม?
    คือทำไม คนไม่บรรลุนิพพาน ในความรู้สึก ของตัวเอง ที่รู้สึกได้
    ที่นี่และเดี๋ยวนี้?

    ทิฎฐิธรรมนั้น หมายความว่า รู้สึกอยู่กับใจของตัวเอง

    เขาถามว่า ทำไมคนจึงไม่บรรลุนิพพาน
    ชนิดที่รู้สึกอยู่กับใจเอง ที่นี่และเดี๋ยวนี้?
    ทิฎฺเฐว ธมฺเม - ในธรรมอันตนเห็นแล้วเทียว,
    คือในความรู้สึกที่ตนกำลังรู้สึกอยู่เทียว;
    ไม่ใช่ต่อตายแล้ว, ตายแล้ว จะรู้สึกอย่างไรได้
    ก็คือ ที่นี่และเดี๋ยวนี้.

    พระพุทธเจ้า ท่านก็ตรัสตอบว่า มันเป็นอย่างนั้น, คือ ท่านยกมา
    ทั้งกระบิ ทั้งระบบ เรื่องตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ๖ อย่าง แล้วท่าน
    ก็ ตรัสทีละอย่าง

    ท่านก็ต้องตรัสว่า เรื่องตานี่ เห็นรูปก่อน เป็นเรื่องแรก.
    รูปที่ตาเห็นนั้น เป็นอิฎฺฐา แปลว่าน่าปรารถนาอย่างยิ่ง,
    กนฺตา - ยั่วให้เกิดความรัก. กนฺตา เป็นภาษาไทย มาเป็น กานดา,
    นางกานดา คือ นางสาวที่น่ารัก. กนฺตา - น่ารักอย่างยิ่ง, มนาปา -
    น่าพอใจอย่างยิ่ง. ปิยรูปา - มีลักษณะน่ารัก, กามูปสญฺหิตา -
    เป็นที่เข้าไปตั้งอาศัยแห่งกาม. รูปชนิดนั้นเป็นที่เข้าไปตั้งอาศัย
    แห่งกาม คือ ความใคร่. รชนียา - ย้อมจิต.

    รูปนั้น อิฎฺฐา, กนฺตา, มนาปา, ปิยรูปา, กามูปสญฺหิตา, รชนียา;
    หมายความว่า รูปนั้น น่าใคร่ น่ารัก น่าพอใจ ลักษณะชวนรัก
    ก็เป็นที่เข้าไปตั้ง แห่งความใคร่ แล้วก็น้อมจิต จับจิตอย่างยิ่ง
    รูปนั้นมีลักษณะอย่างนั้น

    ทีนี้ บุคคลนั้นเห็นเข้าแล้ว; ถ้าเขาชอบใจอย่างยิ่ง อภินนฺทติ -
    ชอบอย่างยิ่ง, อภิวทติ - พร่ำสรรเสริญ อยู่อย่างยิ่ง. พร่ำสรรเสริญ;
    ก็คุณนึกดูว่า พอมันถูกอะไร อร่อยอะไรนี้ มันทำเสียงสูดปาก
    อะไรบ้างนี้; อภิวทติ - พร่ำสรรเสริญ เหมือนกับคนบ้า เพราะสิ่งนั้น
    มันอร่อย มันสวย. แล้วก็ อชฺโฌสาย ติฎฺฐติ - ฝังจิตใจเข้าไปหมก
    อยู่ในสิ่งนั้น.

    อย่าฟังแต่เสียงนะ คือ นึกถึงของจริง ที่มันสวยอย่างยิ่ง, แล้วมันก็
    เพลินอย่างยิ่ง, แล้วมันก็พร่ำแสดงทางปากนี่, ว่าพอใจอย่างยิ่ง,
    แล้วจิตมันก็ฝังลงไป ในสิ่งนั้นอย่างยิ่ง, คือ กายมันก็เป็นไป วาจา
    มันก็เป็นไป จิตมันก็เป็นไปในทางที่จะเข้าไปหลงใหลในสิ่งนั้น. นี้
    เรียกว่า เขามันเพลิดเพลิน พร่ำสรรเสริญ เมาหมก อยู่อย่างนี้นะ.

    วิญญาณของเขา ก็เป็นวิญญาณ ที่กิเลสเหล่านั้น เข้าไปอาศัยแล้ว,
    กิเลส คือ ความรัก ความหลงใหล ความกำหนัด เข้าไปอาศัยอยู่ใน
    จิตของเขา ในวิญญาณ ในจิตของเขา นี่ ความที่จิตมันถูกกิเลส
    เข้าไปอาศัยนี้ ก็เรียกว่า อุปาทาน- ยึดมั่นถือมั่น ว่าสวย ว่าหญิง
    ว่าชาย, ว่าอะไรก็ตาม แล้วก็ของกู เพื่อตัวกู, เพื่อของกูนี้เรียกว่า
    อุปาทาน.

    ความที่วิญญาณนั้น ถูกกิเลสเข้าไปอาศัยแล้ว กิเลสมันไปจับจิต
    นั้นแล้ว ก็คือจิตมันฝังอยู่ในอารมณ์นั้น นี้เรียกว่า อุปาทาน
    ผู้ที่มีอุปาทานไม่ปรินิพพานในความรู้สึกของตน คือ
    ในทิฎฐธรรม ไม่นิพพาน.

    เอ้า, ทีนี้ ก็ไปเปรียบเองเองในทางที่ตรงกันข้าม: เมื่อรูปที่มัน
    น่าใคร่ น่ารักน่าพอใจ เป็นที่ตั้งแห่งกาม ย้อมจิตย้อมใจ มาถึง
    เข้า. ทีนี้คนคนนั้นหรือภิกษุนั้นก็ตาม มีธรรมะพอมีสติปัญญาพอ
    เขาก็เห็นว่า โอ๊ย! มันแค่นั้นแหละ, มันเท่านั้นแหละ,
    มันปรากฏการณ์ตามธรรมชาติ อย่างนั้นแหละ.

    ถึงแม้ว่า น่ารักนี้ มันก็เป็นเรื่องที่เขาสมมติ รู้สึกอย่างนี้ ว่าน่ารัก
    มันเห็นเป็นอย่างนั้นเอง. แล้วยังเห็นลึกไป โดยรายละเอียดอะไร
    ก็ได้ ว่าไม่เที่ยง ว่าอนัตตา ว่าเป็นทุกข์: เมื่อคนๆนี้ เขามีความรู้พอ
    เขาจะศึกษามาอย่างไร ก็ไม่ได้พูด โดยรายละเอียด แต่คนคนนี้
    เขามีความรู้สึกพอ มีสติพอ มีปัญญาพอ เขาก็ไม่หลงเพลิดเพลิน
    ไม่หลงพร่ำสรรเสริญ ด้วยปาก ใจของเขาก็ไม่ฝังลงไป.

    เมื่อเป็นอย่างนี้ วิญญาณ หรือจิตของคนคนนั้น ก็ไม่ถูกกิเลสอาศัย,
    กิเลสไม่เข้าไป อาศัยได้ในจิต นั้นคือไม่มีอุปาทาน. ผู้ที่ไม่มี
    อุปาทาน ย่อมปรินิพพานในทิฎฐธรรม ในความรู้สึกของตนเอง
    ที่นี่และเดี๋ยวนี้.

    มันสำคัญอยู่ที่คำว่า อุปาทาน; อย่าให้เป็นตัวภาษาหนังสือจดไว้
    ในสมุด หรือหูฟังว่า อุปาทาน; ไม่พอ, ไปรู้จักอุปาทานที่เรา
    มีอยู่จริง. ทุกๆคนมีอยู่จริง มีอุปาทาน ในรูป ที่เป็นที่ตั้งแห่งกาม,
    ในเสียง ที่เป็นที่ตั้งแห่งกาม, ในกลิ่น ที่เป็นที่ตั้งแห่งกาม, ในรส
    ที่เป็นที่ตั้งแห่งกาม, สัมผัสผิวหนังที่เป็นที่ตั้งแห่งกาม, ความรู้สึก
    หรือสัญญาอะไร ที่มันเป็นที่ตั้งแห่งกาม ในใจนี้.

    ส่วนใหญ่ ตามที่พระพุทธเจ้า ท่านได้ตรัสไว้ มันเป็นเรื่องเพศ
    ตรงกันข้ามทั้งนั้นแหละ. ของเพศตรงกันข้ามทั้งนั้น : รูป เสียง
    กลิ่น รส โผฎฐัพพะ ธัมมารมณ์ ที่เนื่องกันอยู่กับเพศตรงกันข้าม
    นี้ จับจิตยิ่งกว่าสิ่งใด, เป็นที่ตั้งแห่งอุปาทานยิ่งกว่าสิ่งใด. ฝ่ายหญิง
    ก็เป็นแก่ชาย ฝ่ายชายก็เป็นแก่หญิง. นั่นอุปาทาน มันมาจาก
    ๖ ประการนี้ ที่มันมีอำนาจรุนแรง

    แล้วเราก็ไปดูของจริงซิ: อย่าดูตัวหนังสือ, ดูของของจริงนั้น,
    ดูที่มันเกิดแก่ใจ ของเราจริงๆ เราก็จะรู้จัก อุปาทาน. เราก็
    จะรู้จัก อุปาทาน, เราก็จะรู้จักว่า พอมีอุปาทานแล้ว จิตใจนี้ก็
    เหมือนกับ ถูกอัดไว้ด้วยไฟ, บอกไม่ถูกดอก มันเหมือนกับว่า
    ถูกทิ่ม ถูกแทง ถูกเผา ถูกลน ถูกมัด ถูกครอบงำ ถูกอะไรทุก
    อย่าง; มีอุปาทาน ก็ไม่มีนิพพาน คือ ไม่ว่าง ไม่เย็น. ทีนี้ ถ้าจิต
    ใจมันเป็นอิสระ มันไม่เป็นอย่างนั้นได้ มันก็ว่าง มันก็เย็น.

    ต้องควบคุม รู้ทัน ผัสสะ และเวทนา เพื่อไม่เกิดอุปาทาน

    นิพพานที่นี่และเดี๋ยวนี้ได้ เพราะเราสามารถควบคุมสิ่งที่มาสัมผัส
    ด้วย ไม่ให้สร้างความเพลิดเพลินพร่ำสรรเสริญหรือเมาหมกขึ้นมา
    ในใจ เราได้. มันมีเท่านี้ ถ้าคุณทำได้ เรื่องนิพพานนี้ ก็เป็นของจริง
    ไม่ใช่ของพูดไว้ พูดเฉยๆ ไม่หลอกใคร. เราก็จะเป็นพุทธบริษัทจริง
    เพราะเรารู้จักนิพพาน และเราทำให้มีนิพพาน เสวยรสของพระ
    นิพพานได้.

    ฉะนั้นก็ไปต่อสู้กับสิ่งที่มากระทบตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ;
    เอาชนะได้ไม่มีการตกลงไปเป็นทาสของสิ่งนั้น ก็เรียกว่า
    ไม่มีอุปาทานผูกพัน; เมื่อนั้นก็ นิพพาน คือว่างจากกิเลส,
    แล้วก็เย็นอยู่ตามธรรมชาติของ จิตประภัสสร,

    นี่นิพพานที่นี่ และเดี๋ยวนี้ มันเป็นอย่างนี้.

    ถ้าจะเกี่ยงให้บำเพ็ญบารมี หมื่นชาติแสนชาติก็ได้ เพราะว่า
    เกิดตัวกู ในอารมณ์ครั้งหนึ่ง เรียกว่าชาติหนึ่ง
    เดือนหนึ่งอาจเกิดได้หลายร้อย
    ปีหนึ่งอาจเกิดได้หลายพัน หลายหมื่น
    ยี่สิบสามสิบปีก็เกิดได้หลายแสน

    พอแล้ว, พอแล้ว อย่าให้มันมากกว่านั้นเลย
    มันควรจะเข็ดหลาบแล้ว.
    นี้ บำเพ็ญบารมีกัน หมื่นชาติแสนชาติ
    ได้ก่อนแต่ที่จะเข้าโลง มันก็ไม่ค้านกันดอก.

    หลักที่เขาว่า ให้บำเพ็ญบารมีหมื่นชาติแสนชาติเสียก่อน
    จึงจะนิพพาน; ของเราปฏิบัติได้อย่างนี้,

    แต่ของเขา มันจะเหลวคว้าง.
    เขาต้องรอเข้าโลงแล้ว หมื่นครั้งแสนครั้ง
    เดี๋ยวก็ลืมหมด ขี้เกียจพูดกัน เข้าโลงตั้งแสนครั้ง:
    เราไม่ทันจะเข้าโลงสักที
    เรามีการเกิดตาย แห่งตัวกูนี้ ตั้งแสนครั้ง เหมือนกัน.

    เป็นอันว่า มันไม่ขัดกันละ,
    ที่ว่าจะต้องสร้างบารมี แสนชาติ จึงจะนิพพาน ถูกแล้ว;
    แต่ว่าที่นี่และเดี๋ยวนี้ เราสร้างได้แสนชาติ, แล้วหลังจากนั้น
    มันมีการเข็ดหลาบ มันฉลาดพอที่จะทำไม่ให้กิเลสเกิด คือ
    เราทำอยู่ ตลอดแสนชาติ นั่นแหละ ไม่ให้เกิดกิเลส.
    อนุสัยลดๆๆๆ เดี๋ยวก็หมดอนุสัย กิเลสเกิดไม่ได้
    มันก็เป็นนิพพาน โดยสมบูรณ์.

    ฉะนั้น เมื่อคุณบังคับความรู้สึกได้ครั้งหนึ่ง เมื่อนั้นแหละ
    คือสร้างบารมี ครั้งหนึ่ง. ถ้าคุณปล่อยจิต ไปตามอารมณ์
    ก็เพิ่มๆๆๆ บวกๆๆๆ อนุสัย; บังคับจิตไว้ได้, กูไม่ไปอร่อยกับมึง.
    บังคับจิตไว้ได้อย่างนี้ ทีหนึ่ง มัน ลบๆๆๆหนึ่งๆๆ อนุสัยมันเป็นลบ;
    ไม่เท่าไรมันก็หมด มันไม่มีพื้นฐานรากฐาน ไม่มีเดิมพันที่จะเกิด
    กิเลส ก็เป็นนิพพานโดยสมบูรณ์

    ระวังทำให้อุปาทานลดลง จะถึงนิพพานโดยลำดับ

    นี่พูดกัน ในชีวิตประจำวัน คุณจะต้องถือเป็น เรื่องประจำวัน;
    เพราะว่าเรื่องที่จะมาทำให้เกิดกิเลส มันมาทุกวันๆ; เรื่องที่
    จะกำจัดมันเสีย ก็ต้องเป็นเรื่องทุกวันๆ ประจำวัน;

    อย่าได้ไปหลงรักหลงเพลิดเพลิน พร่ำสรรเสริญ เมาหมก
    จิตไม่ถูกกิเลสอาศัยไม่มีอุปาทาน ก็จะเป็นนิพพานในทิฎธรรม
    อยู่ที่นี่และเดี๋ยวนี้. นี่คือเรื่องนิพพาน.

    เอ้า, ตอนท้ายนี้ อยากจะพูดอีกนิดหนึ่งว่า นิพพานนี้ให้เปล่า
    ไม่คิดสตางค์; พระพุทธเจ้าท่านตรัสว่า อย่างนั้น

    ลทฺธา มุธา นิพฺพุติ ภุญฺชมานา - ให้เปล่า ไม่คิดสตางค์กับใคร.
    นี่น่าจะขอบใจนิพพาน หรือ พระพุทธเจ้า ไม่เรียกไม่ร้อง อะไร
    ไม่เรียกคิดค่าอะไร.

    ระวังอย่าให้อุปาทานเกิดขึ้นมันก็เป็นนิพพานเอง
    ไม่ยากลำบาก ไม่เหลือวิสัย แล้วก็ไม่คิดสตางค์,
    แล้วก็ทำให้เสร็จเสียก่อนเข้าโลง.
    ผมจึงพูดคำพูดขึ้นมาใหม่อีกคำหนึ่งว่า

    "ตายก่อนตาย คือนิพพาน";
    แต่ผมก็ได้ยินจากคนเฒ่าคนแก่อีกทีหนึ่ง
    ผมลืมเสียแล้วว่าใครพูด คือ มันเนื่องมากับที่ว่า

    สวรรค์ในอกนรกในใจ นิพพานอยู่ที่ตายก่อนตาย.

    นี่ปู่ย่าตายายของเรา ไม่ใช่เล่น
    สวรรค์อยู่ในอก นรกอยู่ในใจ; ไม่เรียกว่า อยู่ใต้ดิน อยู่บนฟ้าอะไร
    เหมือนที่เขาพูดกันแต่ก่อนแล้ว

    นิพพานนั้นอยู่ที่ตายเสียก่อนตาย คือ ตัวกูๆๆ. ที่เคยเกิดวันละ
    หลายๆหน ให้มันตายสนิทเสียก่อน แต่ที่ร่างกายนี้จะตายเข้าโลง
    มันยิ่งแสดงว่า ที่นี่และเดี๋ยวนี้; ก่อนแต่ที่ร่างกายจะตายจะเข้าโลงนี้
    ตัวกู-ของกู แห่งอุปาทาน ให้มันหมดเสียก่อน นั่นแหละคือนิพพาน.

    นิพพาน คือตายเสียก่อนตาย ทำได้ที่นี่และเดี๋ยวนี้ แล้วก็ให้เปล่า
    ไม่คิดสตางค์ใครยังไม่เอาอีกคนนั้นโง่กี่มากน้อยไปคำนวณเอาดู

    นี่ผมพูดเรื่องที่ผมถูกด่าให้คุณฟัง.
    พอผมพูดว่า นิพพานที่นี่และเดี๋ยวนี้ แล้วก็ถูกด่า,
    แล้วมันเปลี่ยนไม่ได้. จะด่าก็ด่าไปเถอะ มันเป็นเรื่องจริง อย่างนี้
    มีหลักฐาน ในพระพุทธภาษิตอย่างนี้
    ก็มันมีการทดสอบด้วยใจจริงอย่างนี้;
    แล้วมันก็เห็นชัดๆ อยู่อย่างนี้ เป็นสันทิฎฐิโก อยู่อย่างนี้.
    มันก็คงสภาพอย่างนี้ไว้, ก็คงพูดว่าอย่างนี้ : นิพพานที่นี่และเดี๋ยวนี้.

    เอาไปศึกษาเพิ่มเติม ความรู้เรื่องพุทธศาสนาให้เต็ม.
    ผมได้บอกมาแล้ว ตั้งแต่ครั้งต้น ครั้งแรกว่า ผมจะเลือกสรรมา
    แต่เรื่องที่จำเป็น เป็นเนื้อหาเป็นสาระทั้งหมดทั้งสิ้น
    ตั้งแต่ต่ำจนถึงสูงที่สุด มาพูดด้วยคำพูดเพียงไม่กี่คำ;
    อย่างที่ผมกำลังทำอยู่นี้.

    เรื่องนิพพานนี้ จะพูดกันเป็นเดือนๆ ก็ได้;
    แต่นี้เอามาแต่เนื้อหาสาระ หัวข้อที่เป็นหลัก
    มันก็พูดเดี๋ยวนี้ ชั่วโมงกว่า นิพพานที่นี่และเดี๋ยวนี้,
    แล้วก็คาบเกี่ยวไปถึงเรื่องอื่นด้วย ที่มันคาบเกี่ยวกันอยู่เป็นธรรมดา,
    อะไรเป็นเหตุให้ไม่นิพพาน อะไรเป็นเหตุให้นิพพาน
    ก็ต้องพูดถึงด้วย.

    เอาละเลิกกันทีนะ
    เลิกว่านิพพานนี้เหลือวิสัย นิพพานไม่มีประโยชน์ นิพพานจืดชืด
    นิพพานต้องรอเข้าโลง หมื่นหน แสนหน นี่เลิก.

    เอาเป็นนิพพานที่นี่ และเดี๋ยวนี้ ก็จะเป็น พุทธบริษัทที่แท้จริง,
    มีพระนิพพานได้จริง, มีพุทธศาสนาจริง คือมีนิพพาน
    เป็นพุทธบริษัทจริง คือ รู้เรื่องนิพพาน.

    เอ้า, ขอยุติการบรรยาย ชั่วโมงนี้ไว้เพียงเท่านี้ แล้วก็ปิดประชุม.

    ธ-หาง ๓๙.ค/๑๕๑-๑๕๙

    ไอน์สไตน์ถาม พระพุทธเจ้าตอบ โดย ศุภวรรณ กรีน

    http://www.supawangreen.in.th/book_thai_eb/thai_eb_intro.html
    งานหนังสือวันก่อนไปซื้อหนังสือเล่มนี้มาอ่าน



    อ่านได้ 1 บท รู้สึกชอบดี (นิพพาน ที่นี่และเดี๋ยวนี้ )
    วันนี้เลยมาค้นเวป เลยเจอเวปคนเขียน
    นี่ครับ เวปเค้า http://www.supawangreen.in.th
    มีทั้งหนังสือ และบทความให้โหลดอ่าน เยอะเลย


    ใจนึงก็แอบคิดว่า ธ่อ อ่านในเนตก็อได้ไม่ต้องซื้อประหยัด อิอิ

    รูปและเรื่องราวย่อของหนังสือดูได้จากเวปนี้ http://phrao.no-ip.info/print.php?type=N&item_id=58

    โทรฟรี free call

    แปลว่าโทรฟรี    ให้คนโทรมาหาเราฟรีๆ  ฝากข้อความให้เราฟังฟรีๆ   (ผ่านระบบอินเตอเนต)ในทางทฤษฎี คือ
    1.ไปสร้างทะเบียนชื่อเรา ที่เวป http://www.jaxtr.com/
    2.ใส่หมายเลขโทรศัพเรา และเรากดเลขสองรับกลับไปเพื่อยืนยัน (ขั้นตอนนี้ผมลองทำแล้ว มีเบอร์โทรเข้ามาจริงๆแฮะ แต่ไม่ได้รับสายอะ)
    3.เอา widget ไปแปะในเวป ได้เลย
    4.รอคนโทรมาหา  รึโทรไปหาคนอื่น ในเครือข่าย jaxtrตัวอย่าง ที่ผมสมัคร แต่ไม่ได้ ลงเบอร์ไว้ กลัวหนุ่มๆโทรมาหานะ

    วันพฤหัสบดี, พฤศจิกายน 01, 2550

    เธอมาดูบ้านฉันบ้างไหม

    สงสัยกันบ้างไหมว่าเอ เพื่อนมัลติพลายเรา เข้ามาดูมัลติพลายเราบ้างไหมหนอ หนอ หนอ
    เรามีวิีธีดูครับคือดูประวัติการเข้ามาบ้านเรา
    โดยไปที่หน้าบ้านเรา  ด้านล่างจะเห็น Viewing History  ก็เข้าไปเลยครับ  เข้าไปแล้วให้เลือก Specific User
    หรือจะเข้าทางลิ้งค์ ก็ได้ http://ชื่อของท่านเอง.multiply.com/item/userviews  หน้าตาก็จะแบบนี้


    ทีนี้เราก็ทดลองใส่ชื่อเพื่อนเรา  รึคนที่เราอยากดูประวัติการเข้ามาเยี่ยมชมเวปเราได้เลย ในกรณีนี้ ขออัญเชิญหนูพิณ แสนน่ารักมาทดลองดูครับ อิอิ ก็ได้ความว่า เป็นประวัติการเข้ามาเยี่ยมชมของหนูพิณครับ จะเห็นว่าช่วงครึ่งเดือนที่แล้วหนูพิณสนใจ css ครับ แต่ช่วงนี้เปิดเทอมแล้วหนูพิณคงสนใจเพื่อนๆและครูที่โรงเรียนมากกว่า อิอิ

    มีคนกำลังอยู่ในบ้านนี้กะคุณกี่คน


    /
    /
    หากมองขึ้นไปตามแนวเส้นที่เห็นนี้ ข้างใต้นาฬิกาหมีน้อย
    ท่านก็อาจจะสงสัยว่ามันคืออะไร
    สิ้งที่เห็นคือ ซอมบี้ ดำๆกำลังเดินอยู่ 1 ตัว และเห็นรูปคนอย่างน้อย 1 คน-5คน และตัวเลข1 ขึ้นไป
    สิ่งที่มองเห็นนี้คือ ตัวนับว่าตอนนี้กำลังมีคนอยู่ในบ้านนี้กี่คนนั่นเอง คุณจะได้รู้ว่าคุณกำลังโดดเดี่ยวรึมีเพื่อนอยู่ด้วยกันไหมอิอิ
    หากสนใจ ก็ตามไปที่นี่ได้เลย http://web1.modmyprofile.com/generators/users_online.php
    ไม่ต้องสมัคร แค่เลือกสีที่ต้องการ สั่งให้มันรันโค้ด แล้วก็ก้อปปี้โค้ดมาใช้ตามชอบใจ เรียบร้อย

    หน้านี้เหมือนใคร

    http://www.myheritage.com/collage



    เดี๋ยวเปลี่ยนรูปใหม่ดีก่าเนอะ

    ทำกล้องจุลทรรศน์อย่างง่ายใช้เอง

    http://www.vcharkarn.com/include/vcafe/showkratoo.php?Pid=98442&page=1
    แบบไทย


    และแบบเทศ http://www.funsci.com/fun3_en/ucomp1/ucomp1.htm

    คัมภีร์เปลี่ยนเส้นเอ็นอันโด่งดังนั้นไซร้คือการแกว่งแขนรักษาโรคนั่นเอง

    ช่วงนี้ตอนเช้าๆ ผมออกกำลังกายด้วยการแกว่งแขนอยู่ เพราะอ่านหนังสือเล่มนี้

    http://thai.mindcyber.com/food/swing/index.php

    จึงนำมาเผยแพร่บอกต่อครับ เผื่อสนใจกัน




    กายบริหารแกว่งแขน คือ อะไร?
         กายบริหารแกว่งแขนนี้ เดิมทีเดียวเรียกว่า “ต๋า โม๋ อี้ จิน จิง” ซึ่งก็คือ คัมภีร์เปลี่ยนเส้นเอ็นของพระโพธิธรรม
         คำว่า “เปลี่ยนเส้นเอ็น” มิใช่หมายถึง ผ่าตัดเปลี่ยนเอาเส้นเอ็นออกมาตามความเข้าใจของการแพทย์แผนปัจจุบันแต่เป็นการปรับเปลี่ยนแก้ไขสภาพของเส้นเอ็นด้วยการออกกำลังกายโดยวิธีแกว่งแขนซึ่งจะส่งผลให้เลือดลมภายในโคจรไหลเวียนได้สะดวก เป็นปกติไม่ติดขัด
         ต่อมา ”คัมภีร์เปลี่ยนเส้นเอ็น” นี้ได้ถูกเรียกชื่อเสียใหม่ว่า “กายบริหารแกว่างแขนบำบัดโรค” เพื่อให้คนทั่วไปสามารถเข้าใจได้ง่ายขึ้น
         ตำราโบราณนี้จึงเป็นหนังสือวิชาที่เก่าแก่มีอายุถึง 1400 ปี ซึ่งนับได้ว่าเป็นมรดกทางวัฒนธรรมของชนชาติจีน อันมิอาจประมาณค่าได้ชิ้นหนึ่ง

    “กายบริหารแกว่งแขน” มีประโยชน์อย่างไร?
         กายบริหารแกว่งแขน เป็นวิธีออกกำลังเพื่อบริหารร่างกายที่มีประโยชน์มากวิธี หนึ่ง หลังจากได้มีการค้นพบและเผยแพร่ตำรานี้ออกมาที่นครเซี่ยงไฮ้ สาธารณะรัฐประชาชนจีน ก็มีประชาชนนิยมทำกายบริหารแบบนี้ทวีจำนวนเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆโรคที่ไม่มีทางรักษาให้หายได้โดยการแพทย์ปัจจุบัน ก็สามารถใช้การบริหารแบบง่ายๆ นี้รักษาให้หายขาดได้อย่างน่าอัศจรรย์ใจ จนแทบไม่น่าเชื่อเลยจริงๆ กายบริหารแกว่งแขนนี้ ทำง่ายหัดง่าย และเป็นเร็ว นอกจากนี้ยังมีประสิทธิภาพในการบำบัดโรคได้รวดเร็วอีกด้วย โรคเรื้อรังมากมายหลายชนิดก็สามารถรักษาให้หายขาดได้โดยวิธีทำกายบริหารแบบนี้



    ตามไปอ่านต่อที่นี่ http://thai.mindcyber.com/food/swing/index.php



    วันจันทร์, ตุลาคม 29, 2550

    แหล่งของแต่งเวป

    http://my.dek-d.com/sweet_dream_c/story/view.php?id=187220
    กุกกิ๊ก คิคกขุ อาโน---เนะ

    คุณสร้างมัลติพลายวันแรกเมื่อไหร่

    นานๆไปอาจสงสัยได้ ว่า เอ เราเล่นมัลติพลายมานานแค่ไหนแล้วนะ แล้ววันแรกที่เรามาสร้างเวปมันวันที่เท่าไร

    หากใครลองสังเกตุดูอาจจะเห็นว่า  ในหน้า เวลคัม จะมีวันที่บอกไว้ครับ   ตรงด้านขวามือ

    อย่างของผมคือวันที่  Sep 4, 2004  ครับ

    สรุปว่าเล่นมาจนถึงวันนี้ก้อ 1150 วันกว่าๆละครับ

    http://www.timeanddate.com/counters/customcounter.html?month=sep&day=4&year=2004&hour=0&min=0&sec=0&p0=28

    ติดแผ่นกันลื่นให้กับกล้อง

    Rating:★★★★★
    Category:Computers & Electronics
    Product Type: Digital Cameras
    Manufacturer:  เพื่อนก้อง
    เผอิญเพื่อนผมเพิ่งซื้อกล้องใหม่เอี่ยมมาใช้ แล้วบ่นว่ากล้องมันออกแบบมาดีมาก
    เงาแว้บเรียบบางมน
    ผลปรากฏว่าจับได้ไม่ถนัด ถ่ายไป300กว่ารูปเมื่อยมือเลย ตะคริวจะกิน

    ผมเลยนึกขึ้นมาได้ว่าเพื่อนผมอีกคน เคยทำแผ่นกันลื่นให้ palm zire 71
    เลยกลับไปค้นดู แล้วคิดว่าจะมีประโยชน์กับชาวใช้กล้องครับ เผื่อใครจะสนใจ

    รายละเอียดตามไปอ่านได้ที่นี่ครับ http://www.mrpalm.com/getcontent.php3?tid=198

    วันศุกร์, ตุลาคม 26, 2550

    หัวใจ Y

     ‘โรคหัวใจ’ ทำให้ประเทศชาติสูญเสียทรัพยากรน้ำ (ตา) ในแต่ละปีเป็นจำนวนมาก

    ‘โรคหัวใจ’ เป็นบ่อเกิดของความแตกแยก หย่าร้าง ไปจนถึงการทำร้ายร่างกาย การรักษาโรคตาม
    อาการ
    ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ ทางดีที่สุดคือการป้องกันหัวใจไม่ให้เป็นโรค
    ขณะที่โรคหัวใจวายอาจเป็นสาเหตุของความตายอันดับต้นๆ

    แต่อาการ ‘หัวใจ Y’ กลับทำให้สดชื่นแจ่ม ใส
    หัวใจ Y (Y = Young) คือหัวใจที่เป็นหนุ่มสาวเสมอ ไม่รู้เหนื่อย ไม่รู้แก่

     ต่อไปนี้คือเทคนิครักษาสภาพหัวใจของคนที่รักกัน เคยรักกัน และ/หรืออยากรักกันมากขึ้น
    (สามารถเลือกใช้ได้มากกว่าหนึ่งวิธี) :

     1 เทคนิคใช้ความอุ่น (Heart Warming)
     เป็นเทคนิคโบราณ เป็นภูมิปัญญาพื้นบ้านที่ยังไม่ล้าสมัย เทคนิคนี้เน้นการให้ความอบอุ่นกับคนรักอย่าง
    เสมอต้นเสมอปลาย เช่น ก่อนแต่งงานเคยมอบกุหลาบแดงแก่คนรัก
    หลังแต่งงานแล้วห้าปีสิบปี ก็ยังมอบให้ตลอดเรื่อยๆ (ไม่มีข้ออ้างราคาดอกไม้สูงขึ้นกี่เปอร์เซนต์)
    ก่อนแต่งงานไปรับส่งแฟน หลังแต่งงานก็ยังไปรับส่ง (ไม่มีข้ออ้างเรื่องไม่ว่าง) เทคนิคนี้เป็นหลักสำคัญ
    ขอ งการ
    ถือไม้เท้ายอดทอง ถือกระบองยอดเพชร

     2 เทคนิคเปลี่ยนหัวใจ (Heart Transplant)
    การเปลี่ยนหัวใจนี้ทำได้ง่ายมาก นั่นคือเอาใจเขามาใส่ใจเรา ไม่ทำในสิ่งที่เรารู้ว่าอีกฝ่ายไม่ชอบ
    ถ้าทั้งสองฝ่ายรู้จักคิดถึงหัวอกกันและกันสม่ำเสมอ จะไม่มีความบาดหมางใดๆ มากวนใจ
    อนึ่ง อัตราการป้องกันโรคหัวใจด้วยเทคนิคนี้สูงถึง 99.25 เปอร์เซนต์


     3 เทคนิคการทำบายพาส (Bypass Surgery)
    ในกรณีที่ท่านประสบอุปสรรคในชีวิตคู่ ให้ปล่อยเรื่องไม่ดีผ่าน (Bypass) ออกไปเสีย อย่านำเรื่อง
    ไม่ดีเข้าบ้าน ไม่เอาเรื่องไม่ดีของคนรักไปโพนทะนา เทคนิคนี้รวมถึงการไม่นินทาชาวบ้าน
     อัตราการป้องกันโรคหัวใจด้วยเทคนิคนี้สูงถึง 98.5 เปอร์เซนต์


      4 เทคนิคการทำบอลลูน (Heart Balloon)
     ชีวิตเราต้องเจอเรื่องไม่ดีแทบทุกวัน เทคนิคนี้สอนให้เรารู้จักปล่อยวาง สิ่งร้ายๆ ที่เกิดขึ้นแล้วก็แก้
    ปัญหาเสีย เรียนรู้จากประสบการณ์ แต่ไม่เก็บไว้ในใจข้ามปีข้ามชาติ
    รู้จักลอยตัวให้เบาสบายเหมือนลูกบอลลูน

    5 เพิ่มระดับความหวาน (Heart Glucose)
     แปลกแต่จริง ความหวานไม่มีผลเสียต่อหัวใจเ หมือนต่ออวัยวะส่วนอื่นๆ
    จงเติมความหวานเข้าไปในหัวใจให้สูงเข้าไว้ เอ่ยคำว่า ‘รัก’ ต่อคนรักบ่อยเท่าที่ต้องการ
     (อย่างน้อยวันละครั้งก่อนหรือหลังอาหาร หรือก่อนนอน)เชื่อเถิด
    กระทรวงสาธารณสุขทั่วโลกรับรองมาแล้วว่าเทคนิคนี้ไม่มีอันตรายอย่างแน่นอน

    6 นวดหัวใจด้วยการสัมผัส (Touching)
    การสบตากัน การแตะมือเบาๆ การกอดกัน ช่วยทำให้ หัวใจมีคุณภาพดีมาก จากการทดสอบคู่สมรส
    14,216 คู่ จากเจ็ดทวีป พบว่าการสัมผัสเบาๆ แต่อบอุ่นทำให้หัวใจวาบหวามดื่มด่ำ ช่วยให้ร่างกาย
    เพิ่มสารเอนโดรฟิน สบายกายสบายใจขึ้นมาก

     7 ลดระดับคาร์บอนไดออกไซด์แก่หัวใจ
    ไม่ใช้คำหยาบ ไม่กระฟัดกระเฟียด ไม่แดกดัน ไม่ตีวัวกระทบคราด
    ไม่พูดเรื่องไม่เป็นมงคล มองโลก ในแง่ดี จะทำให้หัวใจเต้นเป็นจังหวะดี

    8 เพิ่มออกซิเจนเข้าหัวใจ
    หัวใจต้องการสารอาหารที่สะอาดและมีประโยชน์ ออกซิเจนก็คือลมปากหวานหู รู้จักง้อบ้าง
    เทคนิคนี้ช่วยป้องกันลิ้นหัวใจรั่ว


    9 การช็อคหัวใจ (Shock Technique)
    บางครั้งช็อคหัวใจของอีกฝ่าย ที่เรียกว่า ‘เซอร์ไพรส์’ เช่น พาไปกินอาหารนอกบ้านในที่แ ปลกๆ
    พาไปฟังดนตรี ตลอดจนทำกิจกรรมที่ไม่จำเจร่วมกัน

    10 การกระตุ้นหัวใจด้วยเสียง (Sound Therapy)
      โทรศัพท์หาคนรักบ้าง (แม้ไม่ถี่เท่าก่อนแต่งงาน) เพิ่มการใช้เสียงกระซิบ ลดการเสียงกระชาก
     นักวิทยาศาสตร์พิสูจน์แจ้งแล้วว่า การลดระดับเสียงลงเพียงไม่กี่เดซิเบลต่อวัน ช่วยทำให้ชีวิตคู่ดีขึ้นมาก

     11 เทคนิคแยกหัวใจ (Absence Technique)
     แยกทางกันบ้าง การไม่เจอหน้ากันตามสมควรทำให้คิดถึงกันมากขึ้น (ที่ฝรั่งว่า Absence makes the
    hearts grow fonder.)
    เทคนิคนี้พิสูจน์แล้วว่าทำให้หัวใจโหยหากันและกันอย่างเห็นได้ชัด

    12 เทคนิควางใจ (Trust)
    ลดความระแวง ไม่ต้องตามเช็กว่าไปไหน
    ไม่ต้องแอบตรวจเสื้ออีกฝ่ายว่ามีซากลิปสติกไหม ไม่ต้องจ้างนักสืบ ฯลฯ วิธีนี้ป้องกันโรคหัวใจรั่วชะงัด

    13 เทคนิคบ่มหัวใจ (Aging Process)
    ไม่เฉพาะแต่ไวน์ที่บ่มยิ่งนานยิ่งดี หัวใจก็เช่นกัน คนรักกันไม่ควรชิงสุกก่อนห่าม ไม่ควรผลีผลาม
    เพราะความรู้สึกที่เราเชื่อว่าเป็นรักอาจเป็นเพียงความหลงใหลชั่วคราว
    นักวิทยาศาสตร์พิสูจน์แล้วว่า เทคนิคนี้ช่วยเพิ่มสารเคม ีที่เรียกว่า Romantica Substance ในหัว
    ใจสูงถึง 81.25 เปอร์เซนต์ (สูตรเคมีคือ R2L2 R = Romantic L = Love)

    14 เพิ่มไขมันที่ดี (HDL) ให้หัวใจ
    ไขมันชนิดดี (HDL) จะสร้างความอบอุ่น ป้องกันเรื่องไม่ดีที่มากระทบ ไม่ให้ทำอันตรายต่อหัวใจได้
     HDL (= High Density Love) มาจากการออกกำลังกาย ทำให้หัวใจแข็งแรง
    พร้อมรับมือเรื่องแย่ๆ ได้ทุกเมื่อ

    15 ลดคอเลสเตอรอลที่หัวใจ
    คอเลสเตอรอลที่เกาะหัวใจเกิดมาจากการเสพสิ่งไม่ดีมากเกินไป
    ทำให้เส้นเลือดหัวใจอุดตัน การใช้จ่ายเกินกำลัง การหลงระเริงไปกับบริโภคนิยม ฯลฯ
    การเสพอย่างพอเพียงเท่ากับช่วยเก็บหอมรอมริบ ช่วยกันประหยัด เพื่ออนาคตของตนเองและครอบครัว
    เทคนิคต่างๆ เหล่านี้ต้องทำต่อเนื่อง วันละเล็กวันละน้อย กว่าจะบรรลุขั้น 'หัวใจ Y' อาจจะยาก
    แต่เพื่อคนที่เรารัก มันคุ้มที่จะเริ่มต้นทำมิใช่หรือ?

     วินทร์ เลียววาริณ
     www.winbookclub.com
    21 กันยายน 2550

    วันอาทิตย์, ตุลาคม 21, 2550

    พลาด

    Rating:★★★★★
    Category:Books
    Genre: Mystery & Thrillers
    Author:Unputdownable Mystery
    สนุก น่าติดตาม หักมุม วางไม่ลงสมชื่อชุด





    หนังสือ: พลาด One False Move / A Myron Bolitar Novel
    ผู้แต่ง: ฮาร์ลาน โคเบน
    ผู้แปล: อริณี เมธเศรษฐ
    สำนักพิมพ์: แพรวสำนักพิมพ์
    ราคา: 235 บาท

    ปกหลัง
    เบรนดา สลอเตอร์ ไม่ใช่สาวสวยอ่อนแอ และไมรอน โบริทาร์ ก็ไม่ใช่บอดี้การ์ด เขาจำเป็นต้องเข้ามาคุ้มครองนักบาสเกตลอบสาวสวยคนนี้ และกำลังจะได้รู้ว่าตัวเองเข้มแข็งพอที่จะทนรับและช่วยแก้ปริศนามากมายในชีวิตของเธอหรือไม่

    ยี่สิบปีก่อนหน้านี้ แม่ของเบรนดาทิ้งเธอไป ตอนนี้เบรนดากำลังจะได้ก้าวสู่จุดสูงสุดของอาชีพนักบาสเกตบอลหญิง พ่อของเธอก็มาหายไปอย่างลึกลับอีก ตอนแรกไมรอนสนใจอยากได้เบรนดามาเป็นลูกค้า ต่อมาเขานึกชอบเธอ แต่ระหว่างเธอกับเขา ไม่ใช่แค่มีพื้นฐานต่างกันทุกอย่างเท่านั้น แต่ยังมีหุบเหวแห่งการคอร์รัปชันและเรื่องหลอกลวงมากมาย และคำโกหกที่ทำให้หลายคนต้องตาย และอีกหลายคนต้องฆ่า

    วันเสาร์, ตุลาคม 20, 2550

    กล้องสิบตัว

    ขณะผ่านแยกแยกนึงในกทม. ระหว่างหยุดรถรอไฟเขียวมองเสาต้นใหญ่ๆข้างถนน เลยตามไปบนยอดเสา
    โอ้โฮมีกล้องตั้งหกตัวแนะ

    มองไปอีกรอบๆแยก ทุกถนนมอย่างละตัว รวมแล้วแยกนี้มีกล้อง สิบตัวตัว ถ้านับไม่หลงหูหลงตาไปอะนะ



    มล.ของเดิมตาถั่วนับได้แค่แปด เด้อ

    FastStone Image Viewer - Powerful and Intuitive Photo Viewer, Editor and Batch Converter

    http://www.faststone.org/FSViewerDetail.htm

    วันพุธ, ตุลาคม 17, 2550

    SUDOKU PUZZLE

    Rating:★★★★★
    Category:Computers & Electronics
    Product Type: Computers
    Manufacturer:  เค้นสมองประลองตัวเลข
    ใช้จินตนาการดีน้า ลองดูจิ


    sudoku.jpg - 58k

    http://www.solidsoftware.co.uk/downloads/sudoku.htm

    วันอังคาร, ตุลาคม 16, 2550

    แบบประเมินความฉลาดทางอารมณ์ของกรมสุขภาพจิต

    http://www.watpon.com/test/emotional.htm
    1.แบบจริงจังขึงขัง อันในลิ้งค์นั้นแบบยาวเป็นทางการ


    -------------------------------------------------------------------------------------------------


    2.แบบเพลินๆ
    อันนี้แบบสั้นโดย คนน่าเบื่อ http://www.narak.com/webboard/show.php?Category=narak&No=47615

    การวัด EQ ของตัวเอง
    ตอนนี้เพื่อนๆคงได้ยินคำว่า "EQ" กันมากขึ้นนะ และในปัจจุบันนี้ก็เป็นที่ยอมรับกันแล้วนะคะว่า EQ หรือวุฒิภาวะทางอารมณ์นั้นมีความสำคัญกว่า IQ เพราะคนที่มี EQ สูงจะสามารถ แก้ปัญหาต่างๆและใช้ชีวิตร่วมกับคนในสังคมได้อย่างมีความสุขมากกว่า คนมี IQ สูง แต่ EQต่ำ เรามาทดสอบกันดีกว่านะคะว่า ตัวเองมี EQ มากน้อยเพียงไร



    1. แฟนคุณลืมวันเกิดคุณ แม้แต่โทรศัพท์ก็ไม่โทรมา คุณจึง...
    A.ไม่สนใจเพราะเขามักลืมนั่นลืมนี่อยู่เสมอ
    B.เสียใจแต่ไม่แสดงให้เขารู้
    C.นินทาเขาให้เพื่อนคุณฟังว่าไร้น้ำใจ

    2. เพื่อนบอกคุณว่า ชุดใหม่ที่คุณใส่อยู่ดูไม่ได้เลย คุณรู้สึก...
    A.ไม่เป็นไรเพราะคุณก็ไม่ชอบรสนิยมเขาเช่นกัน
    B.เสียใจ แต่ก็เคารพความเห็นของเขา
    C. โกรธ นึกว่าเขาอิจฉาคุณ

    3. คุณกำลังจะออกไปพบแฟนตามนัด แต่เพื่อนกลับพรวดพราดมาขอความช่วยเหลือเรื่องด่วน....
    A. ตอบตกลงแล้วขอเลื่อนนัดแฟน
    B. แสดงให้เพื่อนเห็นว่าคงช่วยไม่ได้ แล้วหาคนอื่นมาช่วยแทน
    C. บอกอย่างเหลืออดว่าช่วยไม่ได้จริงๆ

    4. คุณเคยปล่อยให้ตัวเองร้องไห้ฟูมฟายไหม ?
    A. ไม่เคย
    B. บางครั้ง
    C. บ่อยครั้ง

    5. ผลงานของเพื่อนร่วมงานดีกว่าคุณ คุณจึง...
    A. ยุติธรรมดีแล้ว เพราะเขาทุ่มเทมากกว่า
    B. เลียนแบบเขาบ้าง
    C. โทษว่าเจ้านายไม่ยุติธรรม

    6.เพื่อนนำเรื่องที่คุณนินทาคนอื่นไปเปิดเผย คุณจึง...
    A. แกล้งทำเป็นไม่สนใจ
    B. รู้สึกลำบากใจ เพราะคุณเถียงใครไม่เป็น
    C. อยากฆ่าเจ้าเพื่อนปากเสียคนนั้นจัง

    7. ผลงานของคุณไม่ดีตามที่เพื่อนร่วมงานคาดหวัง คุณจึง.....
    A. โทษคนอื่นว่าไม่ให้ความร่วมมือ
    B. รู้สึกเสียใจแต่ก็ยอมรับคำปลอบใจจากเพื่อนร่วมงาน
    C. คิดว่าบริษัทนี้ไม่เหมาะกับคุณ

    8.เพื่อนยืมชุดคุณไปใส่แล้วทำขาด คุณจึง....
    A. ไม่สนใจคำขอโทษของเพื่อน ค่อยๆถอยห่างจากเขา
    B. ต้องการให้เขาซื้อชุดใหม่ชดเชยให้
    C. ต่อว่าเสียงดัง ว่าให้ยืมแล้วยังทำขาดอีก


    ********** ********** ********** ********** ********** **********


    ข้อ A ได้ข้อละ 1 คะแนน
    ข้อ B ได้ข้อละ 2 คะแนน
    ข้อ C ได้ข้อละ 3 คะแนน

    ได้ 19 - 24 คะแนน
    ขาดวุฒิภาวะทางอารมณ์และเหตุผล ชีวิตคุณจึงสับสน ขาดความมั่นใจ ถ้าคุณให้ความสำคัญกับปฏิกิริยาของคนอื่นมากไป ย่อมทำให้อารมณ์ไม่มั่นคง เพราะคุณต้องคอยเอาอกเอาใจ ทำเพื่อผู้อื่นตลอด ฝึกควบคุมอารมณ์ตนเองให้ดี แล้วคนอื่นจะชอบคุณเอง

    ได้ 13 - 18 คะแนน
    เป็นคนมี EQ สูง รู้จักแสดงอารมณ์ ความรู้สึกอย่างเหมาะสม ไม่ทำให้คนรอบข้างหรือผู้ใกล้ชิดหงุดหงิดกับคุณเมื่อพบเรื่องไม่สบอารมณ์ รู้จักจัดการด้วยตัวเองได้

    ได้ 8 - 12 คะแนน
    เป็นคนเย็นชาเกินไป คุณไม่ชอบแสดงอารมณ์ความรู้สึกออกมาโดยตรง ผลจากอารมณืที่เก็บกดสะท้อนออกทาร่างกาย เช่น ปวดศีรษะ โรคกระเพาะ คุณควรค่อยๆผ่อนคลายจิตใจ จะแก้ความเย็นชาที่มีต่อคนอื่นได้ ลองหัดแสดงความรู้สึกในเรื่องเล็กๆน้อยๆ จากนั้นค่อยหัดออกความเห็น ในเรื่องที่ใหญ่ขึ้น เชื่อแน่ว่าเพื่อนคุณต้องยินดีในความเปลี่ยนแปลงของคุณ

    AQ-ZQ วัดกันเข้าไป

    AQ : Adiversity Quotient
    BQ : Balancing Quotient
    CQ : Creativity Quotient
    DQ : Distinguishability Quotient
    EQ : Emotional Quotient
    FQ : Feeling Quotient
    GQ : Globalization Quotient
    HQ : Health Quotient
    IQ : Intellgence Quotient
    JQ : Joking Quotient
    KQ : Knowledge Quotient
    LQ : Leadership Quotient
    MQ : Moral Quotient
    NQ : Neatness Quotient
    OQ : Organization Quotient
    PQ : Perception Quotient
    QQ : Questioning Quotient
    RQ : Reasoning Quotient
    SQ : Spiritual Quotient
    TQ : Team-working Quotient
    UQ : Understanding Quotient
    VQ : Velocity Quotient
    WQ : Wisdom Quotient
    XQ : Xperience Quotient
    YQ : Youth Quotient
    ZQ : Zooming Quotient

    IQ (Intelligence Quotient)
    หรือในภาษาไทยคือเชาวน์ปัญญาIQ เป็นมาตรฐานที่ถูกนำมาใช้ชี้วัดความฉลาดของคนมาช้านานหลักการคิดของ IQ คือตัวเลขที่แสดงสัดส่วนของระดับความสามารถกับอายุ x 100ดังนั้นคนที่มีระดับความสามารถแบบปกติจะมี IQ = 100ส่วนคนที่มีความสามารถโดดเด่นเกินอายุจริงเช่นเด็กอายุ 12ปี แต่สามารถทำงานในระดับความสามารถของเด็กอายุ 13 ปีได้ก็จะมี IQ = (13/12)*100 = 108
    ปล. นี่เป็นสูตรเบื้องต้นของการคำนวณ IQซึ่งปัจจุบันล้ำหน้ากว่านี้ไปมากแล้ว ด้วยการ +- factor อื่น ๆ เข้ามาอีกมากมาย
    130+
    ดีเลิศ
    120-129
    ดี
    110-119
    ค่อนข้างดี
    90-109
    เฉลี่ย
    80-89
    ค่อนข้างด้อย
    70-79
    คาบเส้น
    69-
    ปัญญาอ่อน

    จนกระทั่งเมื่อไม่กี่ 10 ปีมานี้หลายคนได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าIQ กับคำว่าประสบความสำเร็จนั้นไม่จำเป็นต้องเดินคู่กันเสมอไปคนที่ IQ ดีใช่ว่าจะต้องประสบความสำเร็จในชีวิตในทางกลับกันส่วนคนที่ประสบความสำเร็จในชีวิตก็ใช่ว่าจะต้องมี IQ ดีเพราะเคยมีงานวิจัยพบว่า ไอคิวมีส่วนช่วยให้ประสบความสำเร็จในชีวิตเพียง 20% ลักษณะอื่นที่ ๆ ที่เป็นปัจจัยส่งเสริมให้คนเราประสบความสำเร็จก็เช่นความสามารถในการสื่อสารกับคนอื่นหรือง่าย ๆ คือคุยกะชาวบ้านเค้ารู้เรื่องมีความเพียรพยายามมีความมานะบากบั่นอดทนอดกลั้นมีวินัยมนุษย์สัมพันธ์และอื่น ๆ อีกจิปาถะ อีกทั้งยังมีข้อถกเถียงกันมากมายถึงความแม่นยำในการวัดและนิยามของคำว่าการวัด IQจึงมีผู้คิดค้นปัจจัยแห่งความสำเร็จขึ้นอีกมากมายก่ายกอง พวกฝรั่งเค้าก้อช่างคิดกันซะจริงบางผมทีก้อแอบสงสัยว่ากว่าจะผ่านเกณฑ์มาตรฐานแต่ละอันไปเพื่อจะให้ประสบความสำเร็จได้เนี่ยทำไมมันช่างยากเย็นซะอย่างนี้ลองมาดูกันนะครับว่ามีมาตรวัดอะไรฮิต ๆ อินเทรนด์กันบ้าง

    EQ (Emotional Quotient)
    หลายคนคงเคยได้ยินและคุ้นหูกับ EQ เป็นอย่างดีเพราะเป็นงานวิจัยที่แพร่หลายมาได้พักใหญ่EQ คือความสามารถทางอารมณ์ ซึ่งประกอบไปด้วย ความสามารถในควบคุมอารมณ์ตัวเองไว้ได้อย่างหนักแน่น และคงเส้นคงวามีศิลปะในการปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น รวมทั้งรับรู้ อารมณ์คนอื่นและอารมณ์ตัวเอง ที่จะก่อให้เกิดความกระตือรือร้นและมีแรงจูงใจสู่ความสำเร็จ
    ถ้าใครที่กำลังวัด IQ คุณแสดงว่าเค้ากำลังวัดสิ่งที่ติดตัวคุณมาตั้งแต่กำเนิดสิ่งที่ธรรมชาติได้ให้มาIQ อาจเพิ่มได้เล็กน้อยจากการเรียนรู้ในภายหลังแต่ EQ นั้นถูกสร้างขึ้นจากสิ่งแวดล้อมภายหลังทั้งสิ้นใครที่ชื่นชมบูชา IQ อยู่แสดงว่ากำลังชื่นชมบูชาในสิ่งที่เปลี่ยนแปลงได้ยากและเป็นเพียงส่วนประกอบส่วนนึงของความสำเร็จในสมัยโบราณเช่นสังคมของชาวอินเดียจีนอินเดียนแดงคนที่ IQ สูงเพียงอย่างเดียวมักจะได้เป็นเพียงแค่ ครู อาจารย์ปราชญ์หรือ ปุโรหิตแต่คนที่มี IQ พอประมาณแต่ EQ ค่อนข้างสูงมักจะได้เป็นกษัตรติย์แม่ทัพนายกองเจ้าเมืองทั้งสิ้นเพราะต้องอาศัยความกล้าหาญมานะเด็ดเดี่ยวมุ่งมันความเป็นผู้นำที่ก่อให้เกิดแรงจูงใจความร่วมมือร่วมใจสูง
    AQ (Adversity Quotient)
    AQ คือระดับความสามารถในการเอาชนะอุปสรรคในชีวิตซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการก้าวสู่ความสำเร็จ เนื่องด้วยนักวิจัยได้เล็งเห็นว่าลำพังแค่ EQ และ IQไม่เพียงพอเสียแล้วกับการตัดสินว่าใครจะประสบความสำเร็จในยุคสมัยใหม่นี้เพราะเด็กรุ่นใหม่เหยาะแหยะกันเหลือเกินท้อถอยและยอมแพ้กันง่ายเจอปัญหาอะไรนิดหน่อยก็โวยวายเนื่องจากโลกยุคใหม่ได้สร้างสิ่งอำนวยความสะดวกให้แก่มนุษย์มากไปชีวิตไม่เคยประสบความยากลำบาก เมื่อเจอปัญหาก็แก้ไม่เป็นโดยธรรมชาติแล้วAQ เป็นสิ่งที่พัฒนาเพิ่มเติมได้ด้วยการเรียนรู้ เมื่อมีสิ่งกระตุ้นเช่นปัญหาต่าง ๆ เข้ามาหากได้รับการฝึกฝนก็จะก่อให้เกิดการตอบสนองที่เหมาะสมกลับไป ทักษะนี้ก็จะฝังแน่นอยู่ในจิตใต้สำนึกกลายเป็นนิสัยของการสู้ไม่ถอยจริง ๆ แล้วมันมีผลการวิจัยทางการแพทย์รับรองนะครับว่าคนที่มีเอคิวสูงหรือมีจิตใจชอบการต่อสู้เนี่ย จะมีสุขภาพร่างกายแข็งแรงไม่ค่อยเจ็บป่วย ถึงเจ็บป่วยก็จะฟื้นตัวเร็วแม้จะเป็นโรคร้ายแรงก็ตาม
    หลักการสร้าง AQ
    - มองปัญหาเป็นโอกาส
    1. CONTROL ควบคุมเหตุการณ์/สถานการณ์ได้
    2. OWNERSHIP ความเป็นเจ้าของ ปัญหาอยู่ที่ตัวเรา
    3. REACH คิดว่าทุกประเภท มีทางแก้ไข ไม่ใช่จบสิ้นแล้วทุกอย่าง
    4. ENDURANCE มีความทนทาน อดทน ต่อปัญหาต่างๆ มองโลกในแง่ดีไม่วู่วาม
    DQ (Developmental Quotient)
    ถูกคิดค้นขึ้นโดยArnold Gesellเป็นระดับความสามารถในการพัฒนาตนเองโดยในช่วงเริ่มแรก DQ เป็นสเกลที่ใช้วัดในเด็กทารกซะส่วนมากเพื่อเชคระดับการพัฒนาของร่างกายกับสภาพจิตใจ ว่าสอดคล้องกันหรือเปล่ายกตัวอย่างเช่นเมื่อเด็กมีอายุถึงเท่านี้แล้วร่างกายกับสภาพจิตใจได้พัฒนาไปตรงตามที่ standard เค้าเป็นหรือเปล่าแต่ถูกพัฒนาต่อมาในภายหลัง ให้สามารถวัดได้ตั้งแต่วัยทารกวัยเด็กไล่ยาวไปจนถึงวัยรุ่นเลยทีเดียวเคยเห็นโฆษณาของนมผงเอนฟาโกรคิดส์มั้ยครับที่เค้าเอา DQ มาใช้ในการโฆษณาด้วยว่านมผงเค้าสามารถพัฒนาร่างกายให้ถึงขีดสุดในแต่ละช่วงอายุได้
    ค่าความสามารถพัฒนาการ เป็นคะแนนที่ได้จากการทดสอบการพัฒนาของเด็ก แบบทดสอบการพัฒนาการชิ้นแรกสร้างในปี 1980 เป็นแบบทดสอบที่ใช้เวลาในการทดสอบประมาณ 30 นาที เริ่มใช้กับทารกอายุ 1 สัปดาห์ถึง 42 สัปดาห์
    แบ่งข้อทดสอบเป็น 4 กลุ่ม คือ
    1. การปรับตน (Adaptive)
    2. การใช้กล้ามเนื้อมัดใหญ่และมัดเล็ก (gross and fine moter)
    3. ภาษา (language)
    4. ทักษะเชิงบุคลิกภาพ-สังคม (personal social skills)
    คะแนนที่ได้จะคำนวณจากสูตรดังนี้
    DQ = Developmental age (เด็กคนนี้มีพัฒนาการเท่ากับเด็กอายุเท่าไร x 100 clwonological age (อายุจริง) เช่น เด็กชายเอก มีพัฒนาการเท่ากับเด็กส่วนใหญ่ที่มีอายุ 6 เดือน แต่มีอายุเท่ากับ 10 เดือน DQ ของเด็กชายเอก = 6/10x100 = 60 ซึ่งถือว่าอยู่ในกลุ่มพัฒนาการช้าเล็กน้อย
    การที่เราสามารถวัดค่า IQ DQ ทำให้เราสามารถตรวจหาความผิดปกติและติดตามเด็ก ที่มีความผิดปกติได้ดียิ่งขึ้น
    CQ (Creativity Quotient)
    ระดับความสามารถในการมีความคิด จินตนาการ หรือแนวคิดใหม่ๆ ในรูปแบบต่างๆ เช่น การเล่น งานศิลปะ การประดิษฐ์สิ่งของ CQ จะสัมพันธ์ กับเรื่องการเล่น ถ้าเด็กได้เล่นอย่างอิสระตามความชอบและเหมาะกับวัย เด็กก็จะมีความคิดสร้างสรรค์การปลูกฝังเรื่องนี้จึงอยู่ที่พ่อแม่มีเวลาเล่นและทำกิจกรรมที่ส่งเสริมจินตนาการกับลูก เช่น การเล่นศิลปะ การหยิบจับของใกล้ตัวมาเป็นของเล่น การเล่านิทาน เป็นต้น
    MQ (Moral Quotient)
    มีความสามารถในการควบคุมตนเอง มีความรับผิดชอบ ซื่อสัตย์ ความกตัญญู เป็นคนดี มีระเบียบวินัยนักจิตวิทยาค้นพบว่าพัฒนาการด้านต่าง ๆ ของเด็ก ไม่ว่าจะเป็นความฉลาด อารมณ์ สังคม ศีลธรรม มิติสัมพันธ์ คณิตศาสตร์ ภาษา ดนตรี การเคลื่อนไหว ฯลฯ ต่างก็ค่อนข้างเป็นอิสระต่อกัน หมายความว่า เด็กอาจจะเก่งด้านใดด้านหนึ่งหรือหลายด้านแต่อาจจะไม่เก่งในด้านอื่นก็ได้ พัฒนาการในด้านต่าง ๆ ไม่จำเป็นต้องมีระดับเท่ากัน เช่น เด็กอาจจะเฉลียวฉลาด แต่พัฒนาการทางอารมณ์ต่ำและนิสัยไม่ดี หรือ ฉลาดอารมณ์ดี แต่ คุณธรรมต่ำก็ได้ หลายคนอาจจะประหลาดใจว่า อารมณ์ดี สังคมดี แต่คุณธรรมต่ำเป็นอย่างไร นิยามคำว่า คุณธรรมในที่นี้หมายถึง ระดับความเห็นแก่ตัว สรุปแล้ว IQ EQ และ MQ มีเส้นทางการพัฒนาต่างกันแม้ว่าในความหมายอาจจะคล้าย ๆ กันก็ตามทีMQ นั้นไม่สามารถฝึกฝนหรือขัดเกลาได้ในช่วงเวลาสั้น ๆการที่บุคคลคนหนึ่งจะมี MQ ระดับดี ต้องเริ่มปลูกฝังในวัยเด็กจึงจะได้ผล
    วิธีฝึกฝน
    - มีตัวอย่างดีๆให้เห็น
    - ปลูกฝังคุณธรรม จริยธรรม ตั้งแต่เล็กๆ ก่อนวัยอนุบาล อาจจะเป็นในรูปนิทาน
    - วัยอนุบาล ประถมต้น เล่านิทานสอนใจ ช่วยบำเพ็ญประโยชน์ต่อชุมชน
    - ประถมปลาย - มัธยม สอน หลักธรรม ตัวอย่างดีๆ ช่วยบำเพ็ญประโยชน์ต่อชุมชน โรงเรียนด้อยโอกาส ช่วยสอนหนังสือหรือช่วยดูแล รุ่นน้องๆ ช่วยงานคุณครู สอนเพื่อนๆที่อ่อนกว่า
    - ไม่ยอมรับพฤติกรรมที่ไม่ถูกต้องเช่นทำร้ายผู้อื่น พูดจาหยาบคาย ขโมย โดยเฉพาะ 0-5 ขวบ
    SQ (Social Quotient)
    ทักษะทางสังคม การใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับผู้อื่นปัจจัยที่มีผลกระทบเช่น
    - ได้เล่นกับเพื่อน ในวัยเด็กเล็กๆ
    - เด็กโต ทำกิจกรรมกลุ่ม หรือทำงานอื่นๆกับเพื่อน
    - คบเพื่อนๆ ที่หลากหลาย
    PQ (Physical Quotient)
    ความฉลาดทางพลานามัย มีความมั่นใจในการเคลื่อนไหว ร่างกายสมบูรณ์แข็งแรง ถ้าจะเล่นก็เล่นอย่างมีความสุข ซึ่งจะไปกระตุ้นไอคิวและอีคิวให้ดีตามไปด้วย
    ทั้งนี้ทั้งนั้นยังมีอีกหลายสิบ quotient ที่ต่างคนต่างยกขึ้นมาเป็นเกณฑ์ในการชี้วัดแต่ว่าอันไหนจะเป็นที่ยอมรับและมีชื่อเสียงนั้นขึ้นอยู่กับผลลัพธ์และประสิทธิภาพของเกณฑ์นั้น ๆ ครับเพราะลำพังแค่ทฏษฏีใคร ๆ ก็คิดได้แล้วจู่ ๆ ก้อจะมีพวก quotient ต่าง ๆ ขึ้นมาพรึ่บ ๆ แบบข้างบนนั้น

    ที่ลิสต์มาให้ดูข้างบนนี่ จริง ๆ เราไม่จำเป็นต้องเอาให้ได้เยอะ ๆ ทั้งหมดหรอก เพราะคงเป็นไปไม่ได้ที่คน ๆ นึงจะเก่งอะไรได้ขนาดนั้น แถมยังใช้เวลาและความพยายามอีกตั้งไม่รู้เท่าไหร่ กว่าจะทำได้ทั้งหมดนั้น ข้อสำคัญที่สุดก็คือว่า เราอย่าหยุดพัฒนาตัวเองก็แล้วกัน :D


    มล.ข้างบนนั้น ก้อบมาจากที่นี่ครับ  http://pawncp.exteen.com/20061210/iq