วันพฤหัสบดี, สิงหาคม 24, 2549

ปล่อยวาง

ปล่อยวาง


   โดย  รินใจ

จาก http://www.budpage.com/ba133.shtml
สนใจอ่านสิ่งดีดี  ไปที่  http://www.budpage.com/





    สุพจน์นั่งอยู่ในร้านกาแฟชื่อดัง แต่แทนที่จะมีความสุขกับคาปูชิโนรสโปรด กลับมีสีหน้าขุ่นเคือง ไม่เสบยเอาเสียเลย

    เพื่อนคนหนึ่งเผอิญเดินเข้าไปในร้าน เห็นอาการของสุพจน์แล้ว แปลกใจจึงถามว่าเกิดอะไรขึ้น

    "ก็เจ้าพนักงานเก็บเงินที่เคาน์เตอร์น่ะสิ" สุพจน์ตอบ " ดูสายตาของมันสิ"

    "ทำไมเหรอ เขาก็ดูปกติดีนี่" เพื่อนว่า

    "แกไม่รู้อะไร มันรังเกียจคนอีสาน ดูมันมองฉันสิ "

    "เพิ่งรู้ว่าแกเป็นคนอีสาน"

    "ใครว่า หน้าตาฉันแค่เหมือนอีสาน แต่ฉันเป็นคนกรุงเทพ ฯ ทั้งแท่ง"


      ถ้าคุณเป็นเพื่อนของสุพจน์
คงอดงงงวยไม่ได้ พนักงานคนนั้นดูถูกคนอีสานจริงหรือเปล่าก็ไม่รู้
แต่ถึงจะจริง สุพจน์ก็ไม่น่าจะไปหัวเสีย
ก็ในเมื่อตัวเองไม่ได้เป็นอีสานสักหน่อย จะไปเดือดร้อนทำไม
ถ้าจะทุกข์ร้อนแทนคนอีสานก็ว่าไปอย่าง
แต่นี่กลับไปรับสมอ้างว่าเป็นคนอีสาน แล้วก็เลยทุกข์เสียเอง


      ฟังเรื่องของสุพจน์แล้ว ใคร ๆ ก็ต้องบอกว่าเขาหาเรื่องใส่ตัวแท้ ๆ อยู่ดีไม่ว่าดี


      แต่เอ๊ะ บ่อยครั้งเราก็เป็นอย่างนั้นไม่ใช่หรือ
เวลาคนอื่นเข้าใจผิดคิดเราว่าคดโกง ไม่รับผิดชอบ เห็นแก่ตัว ฯลฯ
ทำไมเราถึงโกรธในเมื่อเราก็ไม่ได้เป็นอย่างที่เขาคิดสักหน่อย
เหตุใดเราถึงไปรับสมอ้างว่าเป็นอย่างเขาว่า



      ลองคิดดูว่าวันหนึ่ง ๆ
เราเป็นทุกข์เพราะไปรับสมอ้างในเรื่องที่เราไม่ได้เป็น กี่สิบกี่ร้อยครั้ง
ใหม่ ๆ ก็รับสมอ้างด้วยความเผลอ
แต่ในที่สุดก็อาจปักใจเชื่อว่าตัวเองแย่อย่างที่เขาว่าจริง ๆ
ไม่มีอะไรที่แย่กว่านี้อีกแล้ว


      มีเหมือนกันที่บางครั้งเรารู้ดีว่าตัวไม่ได้เป็นอย่างที่เขาว่า
แต่ก็ยังทุกข์อยู่ ถามว่าเป็นเพราะอะไร คำตอบก็คือ
เราทนไม่ได้ที่เขาเห็นเราแย่
เราเป็นอย่างไรก็ไม่สำคัญเท่ากับว่าคนอื่นเห็นเราอย่างไร "เป็น" กับ
"เห็น"นั้นต่างกันมาก
แต่บ่อยครั้งเรากลับให้ค่ากับความเห็นหรือสายตาของคนอื่น
ยิ่งกว่าสิ่งที่เราเป็นอยู่จริง ๆ


      นี้คือปัญหาของตัวตนที่ครอบงำใจเรา
ตัวตนหรืออัตตานั้นปรารถนาการพะเน้าพะนอ
ไม่มีอะไรที่ทำให้มันพองโตเท่ากับคำยกย่องสรรเสริญหรือการพินอบพิเทา
เมื่อมีคนชื่นชม เราไม่ค่อยสนใจเหตุผลของเขามากเท่ากับคำว่า "คุณเก่ง"
หรือ "คุณสวย"

 ในทำนองเดียวกันเมื่อมีคนตำหนิ
เหตุผลของเขามีความหมายต่อเราน้อยกว่าคำว่า "เธอแย่" หรือ "เธอขี้เหร่"
ตัวตนใหญ่โตเท่าไหร่ ก็เจ็บมากเท่านั้น เพราะรับเอาแรงกระแทกไปเต็ม ๆ ทั้ง
ๆ ที่หลบได้ แต่ไม่หลบเพราะไปยึดถือเอาคำต่อว่านั้นมาเป็น "ของฉัน" หรือ
"ของกู" ที่จริงเหตุผลของเขาอาจจะดี แต่พอไปคิดแค่ว่า "เขาว่าฉัน ๆๆ"
ก็เลยได้แต่ฟูมฟาย ไม่เอาเหตุผลของเขามาพิจารณาว่าถูกต้องหรือไม่

      เป็นธรรมดาของตัวตนที่ชอบยึดถือสิ่งต่าง ๆ ว่าเป็น
"ของฉัน" เช่น บ้านของฉัน แฟนของฉัน ชื่อเสียงของฉัน ปัญหาก็คือ
พอยึดจนเคยตัวแล้ว ของไม่ดีก็ยึดว่าเป็นของฉันด้วย
ผลก็คือแบกเอาคำตำหนิติเตียนมาไว้ในใจทั้งวันทั้งคืน
จนกินไม่ได้นอนไม่หลับ จะวางก็วางไม่เป็น เพราะยึดไว้เป็นนิสัยเสียแล้ว


      พอยึดถือหนักเข้า ทีนี้อะไรที่ผ่านเข้ามาในชีวิต
แม้ไม่เกี่ยวข้องกับตัว ก็ไปยึดไปแบกเอาไว้จนเป็นทุกข์
เพียงแค่มีเสียงดังเท่านั้น ก็ไปคว้าเอาเสียงนั้นมาเล่นงานตัวเอง
เสร็จแล้วก็ไปต่อว่าเจ้าของเสียงนั้น แทนที่จะหันมาดูจิตใจของตัวเอง


      คราวหนึ่งหลวงปู่บุดดา
ถาวโรได้รับนิมนต์ไปฉันเพลที่บ้านโยมในกรุงเทพ ฯ
เมื่อฉันเสร็จโยมก็นิมนต์ให้ท่านเอนกายพักผ่อนก่อนเดินทางกลับวัดที่สิงห์บุรี

      ระหว่างที่ท่านพัก
ก็มีเสียงเกี๊ยะดังมาจากข้างบ้านซึ่งเป็นร้านขายของ
ศิษย์คนหนึ่งซึ่งอุปัฏฐากท่านอยู่ก็บ่นขึ้นมาดัง ๆ ว่า "แหม
เดินเสียงดังเชียว"

      หลวงปู่แม้จะหลับตาอยู่ แต่ก็รับรู้ตลอด จึงพูดขึ้นมาเบา ๆ ว่า "เขาเดินของเขาอยู่ดี ๆ เราเอาหูไปรองเกี๊ยะเขาเอง"


      ไม่ใช่หูเท่านั้น แต่ตาของเราก็ชอบหาเรื่องไม่ใช่ย่อย
ทั้งนี้ทั้งนั้นก็เพราะใจของเรานั่นเองที่ชอบเผลอไปยึดไปแบกอย่างไม่รู้จักหยุดหย่อน
ปล่อยวางเสียบ้าง แล้วอะไรต่ออะไรจะดีเอง


8 ความคิดเห็น:

BK . กล่าวว่า...

อืม ปล่อยวาง ปล่อยวาง

แงงแงง

Mam ^^ กล่าวว่า...

ชอบๆๆค่ะแบบนี้ :)

XXXX YYYY กล่าวว่า...

นึกถึงเพลงปล่อยวางของ playground อ่ะ

Nu Gade ... กล่าวว่า...

จริงอย่างที่หลวงปู่ว่าจริง ๆ ด้วย

Noon K. กล่าวว่า...

หนักแย่เล้ย วางซะเถอะ จะถือไว้ทำไม จริงมั้ยคะ

แล้วชีวิตจะเบาขึ้นเยอะเลยล่ะ :D

eBeauty ^_- กล่าวว่า...

มาอ่านด้วยคน ตอนนี้ก็เริ่มปล่อยวางได้เยอะขึ้นแล้วล่ะ
^_-

Kong W กล่าวว่า...

ชีวิตเบาขึ้นครับ --- แต่ไม่เห็นน้ำหนักจะลงเลย --- ฮิฮิ

明 เม้ง  ^__^ กล่าวว่า...

ปล่อยวางแก้วเบียร์ลง น้ำหนักต้องลงตามแน่เลย อะ