ภาพและเสียงนั้นไซร้

เคยเข้าฟังการบรรยายของ ดร.อาจอง  ชุมสาย ณ อยุธยา
ชมชอบไม่น้อย  และนำมาใช้ในชีวิตประจำวัน   ท่านบอกว่า

ภาพที่เราเห็น
เกิดจากแสง    แสงคือคลื่นไฟฟ้า

เสียงที่เราได้ยิน
เกิดจากการสั่นสะเทือนของอากาศ

โดยลำพังตัวตนของแสงและเสียงนั้น ไม่อาจทำอันตรายเราได้

แต่เราไปเจ็บแค้น และรู้สึกว่าถูกทำร้ายด้วยอากัปกิริยาหรือคำพูด หรือข้อเขียนอะไรก็ตาม
นั่นเพราะจิตที่เกิดจากการรับรู้ แล้วแปลความหมาย

ฉะนั้น

จิตคิดดี  จิตปล่อยวาง...
คำพูด ก็ทำร้ายหรือจะมามีอิทธิพลต่อเราไม่ได้


--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


1. แท้จริงความนึกคิดไม่ใช่ทุกข์ แต่การไปยึดความนึกคิดมาเป็นของตน จึงเป็นทุกข์
2. เวลากิเลสมันเกิดขึ้น เกิดขึ้นทางกาย เกิดขึ้นทางวาจา เกิดขึ้นทางใจ รู้ทันมันเดี๋ยวนี้ มันก็ดับไปเดี๋ยวนี้แหละ
3. เมื่อมนุษย์เป็นคนไม่ดี แม้วัตถุเหล่านั้นจะเป็นของดีก็ตาม มันจะกลับกลายเป็นโทษแก่ปวงชนได้เหมือนกัน
ถ้ามนุษย์มีธรรมประจำใจ สิ่งทั้งหลายที่ให้โทษก็จะกลายเป็นประโยชน์
4.เราเป็นผู้ก่อกรรม ก่อเวร ก่อภัย ไม่มีใครก่อให้ ไม่ใช่เทวบุตร เทวธิดาสร้างให้ พี่น้องสร้างให้ บิดามารดาสร้างให้ เราสร้างเอง

5. เวลาแม้เพียงหนึ่งนาทีที่ผ่านไปนั้น แม้ว่าจะทุ่มเงินจำนวนมหาศาลสักสิบล้าน ร้อยล้านบาท ก็ไม่สามารถซื้อกลับคืนมาได้ ฉะนั้น

สิ่งที่น่า เสียดายในโลกนี้ จะมีอะไรน่าเสียดายเท่ากับปล่อยวันเวลาผ่านเลยไปโดยเปล่าประโยชน์ แม้ว่าจะเพียงแค่นาทีเดียว

6.ก่อนที่จะพูดอะไร ให้ถามตัวเองว่าที่จะพูดนี้จำเป็นหรือเปล่า ถ้าไม่จำเป็นก็อย่าพูด
7.จิตเปรียบเหมือนพระราชา อารมณ์ทั้งหลายเปรียบเหมือนเสนา เราอย่าเป็นพระราชาที่หูเบา
8. คนอื่นเขาด่าเรา เขาก็ลืมไป แต่เราไปเก็บมาคิด เหมือนเขาคายเศษอาหารทิ้งไปแล้ว เราไปเก็บมากิน แล้วจะว่าใครโง่
9. ผู้ไปยึดอารมณ์จะเป็นทุกข์ เพราะอารมณ์มันไม่เที่ยง
10. มองตัวเองให้มากจึงจะกลายเป็นคนดีได้ มัวแต่มองท่านผู้อื่นแล้วไซร้ ก็กลายเป็นคนพาลไป ไม่รู้ตัว เพราะนิสัยคนพาลย่อมเพ่งโทษผู้อื่น

เป็นวัตร โบราณท่านกล่าวว่า อุจจาระของตนนั่งดมอยู่ก็พอดม อุจจาระท่านผู้อื่นเล่า มากระทบจมูกเข้าก็เกิดเป็นพิษเป็นภัยขึ้น

(โลกทั้งปวงย่อมเป็นแบบนี้เป็นส่วนมาก)