ส่วนพ่อของเราเองนั้น ไม่ได้เขียนอะไรแบบนี้ให้เราอ่านหรอก
แต่พ่อก็อยู่ในใจเราเสมอ ว่าแล้วก็ "พ่อครับ คิดถึงพ่อ"
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ได้อ่านจากหนังสือพิมพ์ โพสท์ ทูเดย์ มา ซึ่งทางนสพ.นี้ก็ได้รับเมลมาอีกต่อหนึ่งนั่นเอง
บันทึกช่วยจำของ "เหลียง จี้ จาง"
"เหลียง จี้ จาง" เป็นพิธีกรดังของ TVB ในฮ่องกง และเป็นนักเขียนด้วย
บันทึกช่วยจำที่เขาเขียนให้ลูก ได้รับการเผยแพร่เป็นวงกว้างเมื่อไม่นานมานี้
นอกจากแสดงถึงความห่วงหาอาทรที่มีพ่อมีต่อลูก เฉกเช่นคุณพ่อทั่วๆไป
มุมมองของเขาบางเรื่อง (แบบสังคมฮ่องกง) แม้บางคนจะเคยประสบมาบ้างเหมือนกัน
อ่านแล้วก็เลยนำมาถ่ายทอดสู่กันฟัง ...
ลูกรัก...ที่พ่อเขียนบันทึกช่วยจำฉบับนี้ให้ลูก มีเหตุผลอยู่ 3 ประการ คือ
1.สรรพสิ่งล้วนอนิจจัง จะมีชีวิตอยู่ได้อีกนานเท่าใดไม่มีใครบอกได้ พ่อจึงคิดว่า บางเรื่องพ่อน่าจะสั่งเสียไว้แต่เนิ่นๆ ย่อมจะดีกว่า
2.เพราะพ่อเป็นพ่อของลูก ถ้าพ่อไม่บอกลูก ไม่มีใครหรอกที่เขาจะบอกลูกแบบที่พ่อบอก
3.สิ่งที่พ่อบันทึกไว้นี้ ล้วนเป็นประสบการณ์อันแสนเจ็บปวดที่พ่อได้เรียนรู้มา มันจะทำให้ลูกไม่ต้องเสียเวลาไปเรียนรู้มันอีกในชีวิตของลูก
ขอให้จำสิ่งต่างๆ เหล่านี้ไว้ให้ดี
1.คนที่ไม่ดีต่อเรา ไม่ต้องไปใส่ใจนัก ในชีวิตคนเรา ไม่มีใครมีหน้าที่ที่จะต้องมาดีต่อเรา ยกเว้นพ่อกับแม่ของลูก สำหรับคนที่ดีกับลูก นอกจากลูกจะต้องหวงแหนและขอบคุณเขาแล้ว ยังต้องคอยระวังตัวไว้ด้วย เพราะคนเราทุกคน ทำอะไรย่อมมีจุดประสงค์ เขาทำดีกับลูก ใช่ว่าเขาจะทำเพราะรักลูกเสมอไป ลูกต้องตระหนักจุดนี้ให้ดี อย่าพึ่งรับเขาเป็นเพื่อนเร็วเกินไป (น่ากลัวไหม)
2.ไม่มีใครที่ทดแทนกันไม่ได้ และไม่มีสิ่งใดที่ต้องมีให้ได้ ถ้าเข้าใจจุดนี้ หากวันใดคนข้างกายของลูกไม่ต้องการลูกอีกต่อไป หรือวันใดที่ลูกต้องสูญเสียสิ่งที่รักที่สุดไป ลูกจะได้เข้าใจ ว่านี่ไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตายอะไรเลย
3.ชีวิตนี้แสนสั้น (จะอยู่แค่ 160 ปีเอง 555+) หากลูกยังใช้ชีวิตอย่างไม่เห็นคุณค่า พรุ่งนี้ลูกจะพบว่าชีวิตจะหลุดลอยไปไกลยิ่งขึ้น ดังนั้น ยิ่งรู้จักถนอมชีวิตเร็วเท่าใด เวลาที่ลูกจะได้รับความสุขจากชีวิตก็จะยิ่งมากขึ้นเท่านั้น หาความสุขเสียแต่วันนี้ ดีกว่านั่งหวังให้มีอายุยืนนาน
4.ในโลกนี้ไม่มีเรื่องรักนิรันดร์กาล ความรักเป็นเพียงความรู้สึกชั่ววูบ โดยความรู้สึกนี้ย่อมเปลี่ยนไปตามกาลเวลาและอารมณ์ หากสิ่งที่ลูกรักมากที่สุดจากลูกไป ขอให้รอคอยอย่างอดทน ให้เวลาช่วยชะล้าง ให้จิตใจค่อยๆ ตกตะกอน แล้วความทุกข์ของลูกจะค่อยๆ จางหายไป...อย่าวาดหวังความรักให้สวยเกินไป และอย่าซ้ำเติมการอกหักให้ทุกข์เกินเหตุ
5.แม้ว่าคนหลายคนที่ประสบความสำเร็จในโลกนี้ไม่ได้เรียนมาสูง แต่ไม่ได้หมายความว่า หากไม่ขยันเรียนแล้วจะได้ดี ความรู้คืออาวุธ คนเราอาจสู้แล้วรวย แต่ไม่มีทางรวยได้ หากปราศจากอาวุธสู้ ... จำไว้
6.พ่อจะไม่ขอให้ลูกเลี้ยงดูครึ่งชีวิตหลังของพ่อ เพราะพ่อก็จะไม่เลี้ยงดูครึ่งชีวิตหลังของลูกเช่นกัน เมื่อลูกโตพอจนเป็นอิสระได้แล้ว พ่อก็หมดหน้าที่แล้วเช่นกัน หลังจากนั้นไป ลูกจะนั่งรถเมล์หรือจะนั่งรถเบ๊นซ์ จะกินหูฉลามหรือจะกินบะหมี่ยำๆ ลูกต้องเลือกเอง
7.ต้องทำดีต่อผู้อื่น แต่อย่าหวังว่าผุ้อื่นต้องทำดีต่อเรา เราปฏิบัติต่อผู้อื่นอย่างไร มิได้หมายความว่าผู้อื่นก็จะปฏิบัติตอบต่อเราในแบบเดียวกัน ... ลูกต้องเข้าใจในข้อนี้ จะได้ไม่หาทุกข์ใส่ตัวโดยไม่จำเป็น
8.พ่อซื้อลอตเตอรี่มาตลอดชีวิต ยังยากจนเหมือนเดิม แม้แต่รางวัลเลขท้ายยังไม่เคยถูกเลย นี่เป็นบทพิสูจน์ว่า คนเราจะเจริญก้าวหน้าได้ ต้องขยันขันแข็งอย่างเดียวเท่านั้น ในโลกนี้ไม่มีมื้อเที่ยงที่ไม่ต้องเสียตังค์ (There is nothing has a free lunch.)
9.ญาติ มิตร หรือ สหาย ล้วนเป็นกันชาตินี้ชาติเดียว ฉะนั้นจงหวงแหนโอกาสที่ได้อยู่ด้วยกันและแสนมีค่านี้ เพราะในชาติหน้า ไม่ว่าท่านจะรักหรือชังใคร
ท่านก็จะไม่มีโอกาสได้พบกันอีก (หมายเหตุ ถึงพบกันก้ไม่รู้)
ครับ ขอบคุณ เหลียง จี้ จาง
13 ความคิดเห็น:
ยกนิ้วให้ครับ
กี่นิ้วดี สิบนิ้วเลยละกัน
ยิ้มครับ
ซาบซึ้งที่อ่านโพสท์ทูเดย์เหมือนกัน
ไม่ได้อ่านนะดิ รับ ฟอรเวิดเมล์มา
พ่อหนูก้ไม่ได้เขียนอะไรหรอก แถมพ่อจากไปจะ30ปีแล้วอ่ะ
แต่ก็ยังจำได้ว่าพ่อไม่เคนเอาเปรียบใคร และไม่เคยโกงใครกินเลย
เราก็อยากเดินตามพ่อ จะไม่เอาเปรียบใคร ไม่ว่า ญาติพี่น้อง หรือเพื่อน ร่วมโลก ยกเว้นพี่เม้ง55555
จ๊ะ
แสดงว่ายอม 5555
เหลียง จี้ จาง ยังอยู่ไหม
There is nothing has a free lunch. เช่นวันนี้
: )
รู้สึกมีกำลังใจค่ะ
ดีจัง
แสดงความคิดเห็น