วันพุธ, มิถุนายน 20, 2550

เรื่องของคนเก่ง

 ถ้าถามว่าใครอยากเป็นคนเก่งบ้าง
ก็คงมีคนยกมือกันสลอนไปหมด
 แสดงว่าความเก่งนั้นเป็นสิ่งที่มนุษย์ต้องการ
 แต่ในความเก่งนั้น
 ก็ยังมีบางสิ่งบางอย่างที่เราคาดไม่ถึงเกิดขึ้นเรื่อยๆ
ซึ่งหลายๆคนไม่ชอบ เช่น

เก่งแล้วถูกอิจฉา
เคยมีหมอรุ่นน้องคนหนึ่ง มาปรึกษาและเล่าให้ฟังว่า
 เมื่อตอนที่เขากลับจากนอกใหม่ๆ เขาเป็นคนเก่งมาก  ฉลาดมาก
 ท่าทางดี บุคลิกดี การพูดจาเฉียบแหลม
การเสนอแนวความคิดดีมาก
เขากลับมาก็เข้ารับราชการ
 จากผลงานการทำงาน ที่มาจากสมองและความสามารถของเขา
ทำให้เขาประสบความสำเร็จ เจ้านายก็ชอบลูกน้องก็ชอบ
 แต่เพื่อนๆ หมอด้วยกัน ไม่ค่อยชอบเขา

เขาถูกโจมตีด้วยเรื่องเล็กๆ น้อยๆ มีคนคอยจับผิด
 ขยายความผิดเล็กน้อย ให้กลายเป็นความผิดใหญ่โต
 ในวงการวิจารณ์และนินทา
 จะต้องมีชื่อของเขาถูกเอ่ยถึงบ่อยครั้งมาก
 หมอรุ่นน้องที่เคยเดินตามหลังเขามาก็พลอยอิจฉาไปด้วย
หมอรุ่นพี่บางคนที่ก้าวร้าวมากหน่อยถึงกับเคยจับแขนถามว่า
 เมื่อไรจะลาออกไปเสียที
เขาเคยนึกโกรธและคิดจะลาออก
 แต่ก็เตือนตัวเองเอาไว้ว่า ไม่ควรจะลาออก ในตอนโกรธ
จนสุดท้ายเขาเกิดความรู้สึกว่า
 เขาน่าจะได้มีโอกาสได้ทำกิจกรรมอะไรๆ ได้อีกมากมาย
ถ้าหากลาออกจากราชการ
เขาจะลาออกจากราชการด้วยความพร้อมและไม่ได้โกรธบุคคลเหล่านั้น
เป็นแค่รู้สึกตัวว่าถูกอิจฉามาก
ขณะนี้เขาก็ประสบความสำเร็จ ในอาชีพส่วนตัวของเขามากมาย

 เก่งแล้วเหงา
รายนี้เป็นนักบริหารระดับสูงของบริษัทที่ใหญ่โตแห่งหนึ่ง
เขาจบการศึกษาจากต่างประเทศ บุคลิกดี พูดจาคล่องแคล่ว
ฉะฉาน ความคิดริเริ่มดีมาก
 และประสิทธิภาพในการทำงานก็เป็นเยี่ยม
 เขาเล่าให้ผมฟังว่า

เจ้านายชอบเขามาก
เพราะเขามีส่วนช่วยพัฒนาบริษัทให้เจริญก้าวหน้าและทำกำไรให้มากกว่าเดิมมากมาย
 เขาได้รับการสนับสนุนจากนาย ทั้งตำแหน่งและเงินเดือน
ลูกน้องโดยตรงที่อยู่ระดับล่างๆ จะเกรงใจเขา
 และพร้อมจะปฏิบัติตามคำสั่งของเขาทุกประการ
แต่บุคคลที่อยู่ระดับบริหารในฐานะที่ใกล้เคียงกับเขา
 หรือเป็นรองเขาเล็กน้อยจะไม่ค่อยชอบเขา
มักจะไม่ให้ความร่วมมือหรือมักรวมหัวกันประท้วงเงียบบ่อยๆ
 ทำให้มีอุปสรรคมากขึ้นในการทำงาน เขาเล่าให้ฟังว่า
 "งานบางอย่างผมทำให้เสร็จได้ภายใน 1 วัน
 แต่ถ้าให้พวกเขาทำกัน เขาจะเสียเวลาในการประชุมถกเถียงด้วยวิธีที่เยิ่นเย้อ
หรือมีการเสนอแผนงานที่ไม่รัดกุม
 ทำให้ผมรำคาญ ครั้นพอผมเสนอแผนงานออกไป
 มันเข้าท่ากะทัดรัดและผลลัพธ์ก็ได้ดี จึงทำให้พวกเขารู้สึกเสียหน้า และไม่ชอบผมเลย"
เขาก็รู้สึกเหงา ทั้งที่ทำงานได้ผลดี แต่รู้สึกว่าไม่มีเพื่อน
 "บางครั้งผมรู้สึกว้าเหว่ และชักไม่แน่ใจว่า
 ตัวเองจะทำงานไปเพื่ออะไร ทำไมผมจึงไม่มีเพื่อน
ทั้งๆที่คิดว่าตัวเองอยากได้เพื่อน
 และพยายามทำดีกับเขา แต่เขาก็ไม่ยอมรับให้ผมเป็นเพื่อน
ผมรู้ดีว่าความสำเร็จในขั้นสูงสุดต่อไปนั้น
ต้องอาศัยแรงผลักดันจากเพื่อนร่วมงานที่พร้อมจะร่วมมือด้วย
 ผมจึงกังวลกับความรู้สึกว้าเหว่ ในที่ทำงานของผม" เขากล่าวในตอนท้าย

เก่งแล้วระวังตัว
คนเก่งรายนี้จบปริญญาเอก มาเล่าให้ฟังว่า
ด้วยความรู้สึกที่ว่าเขาเป็นคนเก่ง ทำงานเก่ง ประสบความสำเร็จมาก
ผู้คนรอบข้างก็คอยดูว่า เขาจะทำอะไรต่อไป
และอีกหลายๆ คน ก็พร้อมจะเยาะเย้ยทันที ที่เขาทำอะไรพลาด
เขากล่าวว่า "ผมเลยต้องคอยระวังตัวในการทำงานอยู่เสมอๆ
เพราะกลัวว่าถ้าพลาดลงมาจะมีคนพร้อมจะกระทืบซ้ำทันที"
 แน่นอน มนุษย์อิจฉาคนเก่ง แน่นอนที่สุด
 ที่คำกล่าวนี้เป็นจริง เพราะมนุษย์อยากมีความเก่ง
 แต่มนุษย์ก็ไม่ค่อยมีความเก่งกันหรอก

ความเก่งจึงเป็น 'ของหายาก' ที่ใครๆก็อยากได้มีไว้ในครอบครอง
 เมื่อตัวเราไม่สามารถมีไว้ได้ ก็เลยอิจฉาคนอื่นที่เขามีอยู่
 และไม่อยากให้เขามีไว้ ในครอบครองด้วย โดยเฉพาะคนเก่งที่เป็นผู้ชาย
 เขาจะถูกอิจฉาโดยผู้ชายด้วยกันมากมาย
 แม้ว่าต่อหน้าเขาจะทำท่าทีชื่นชมกันก็ตาม
 เพราะผู้ชายเป็นเพศที่อยากได้อำนาจ และอยากได้ความตื่นเต้นมากๆ
 ความเก่งจะทำให้เขาได้อำนาจ และสร้างความตื่นเต้นของชีวิต ในรูปแบบต่างๆ ได้
 ผู้ชายจึงพร้อมจะเลียนแบบ คนเก่งได้ดี
และก็พร้อมจะโค่นคนเก่งลงได้ดีเช่นกัน
 เพราะความอิจฉาโดยเฉพาะในกลุ่มคนที่มีศักยภาพใกล้เคียงจะอิจฉากันมาก
 ถ้าหากมีสถานภาพหรือศักยภาพ แตกต่างกันมากๆ
จะไม่อิจฉากันมากหรอก เช่น ขอทานหรือภารโรง มักไม่อิจฉานายกรัฐมนตรีหรอก!

ผู้หญิงจะชื่นชมคนเก่ง ได้ดีกว่าผู้ชาย ใช่ถ้าคนเก่งนั้นเป็นผู้ชาย
ผู้หญิงจะเป็นพวกที่ชื่นชมคนเก่งที่เป็นผู้ชายได้อย่างมั่นคง
 และอย่างออกหน้าออกตา และในความหมายของคนเก่งนั้น
 เราก็มักนึกถึงผู้ชายกันมากกว่าผู้หญิง

 ผู้ชายเก่งทั้ง 3 รายที่กล่าวมาแล้วนั้น พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า
เขาไม่มีปัญหากับผู้หญิงเลยและผู้หญิงเป็นกลุ่มที่ชื่นชมเขา
 อย่างออกหน้าออกตาด้วย เป็นไปได้ว่า
 ในสภาพจิตใจของผู้หญิงนั้น พวกเธอต้องการความปลอดภัย และความมั่นคงในชีวิต
 ไม่ชอบเสี่ยงโลดโผนอะไรมากนัก
ฉะนั้นการรู้จักคนเก่งจึงทำให้เธอรู้สึกปลอดภัย และอยากอยู่ใกล้
 อยากเก็บเอาไว้นานๆมากกว่าอยากจะแข่งขัน หรือทำลายเสีย

ถ้าเป็นผู้หญิงเก่งเล่า ใครจะอิจฉาดูออกจะเสียเปรียบสักหน่อย
ที่ถ้าผู้หญิงนั้นเก่งเท่าๆกับผู้ชาย   ผู้หญิงด้วยกันก็จะอิจฉา และผู้ชายก็จะยอมรับได้ยาก

 แต่ถ้าหากเก่งเกินชายไปเลยก็จะเป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวาง ทั้งจากชายและหญิง
 ก็ดูอย่าง อินทิรา คานธี หรือ มาร์กาเร็ต แทตเชอร์เป็นไร

เก่งแล้วให้สบายใจด้วย ทำอย่างไรดี
นั่นคือคำถามที่ผมได้รับจากคนเก่งอยู่เรื่อยๆ

ก็เลยอยากแนะนำว่า

1. ต้องรู้จักถ่อมตัวให้เป็น อย่ายกตัวนัก คนเขาไม่ชอบ จงให้โอกาสคนอื่นเขาเก่งบ้าง
สนับสนุนหรือให้โอกาสคนอื่นเขาพูดถึงความสำเร็จของเขาบ้างชมเขาด้วย และต้องชมด้วยความจริงใจ

 2. ทักทายคนอื่นก่อนเสมอ ๆ จับไม้จับมือลูกน้องบ้างเมื่อมีโอกาส(เพศเดียวกัน)
ถ้าไปงานชุมนุมศิษย์เก่าของสถาบันคุณก็ต้องเป็นฝ่ายไปทักทายเพื่อนฝูงก่อนเสมอ อย่ารอให้เขามาทักทาย
เรา
เพราะจะมีอีกเป็นจำนวนมากที่ไม่กล้าหรือไม่ยอมเข้ามาทัก แต่จะไปนินทาลับหลังว่า หยิ่ง ...ยโส
จงยิ้มแย้มแจ่มใสต่อคนอื่นเสมอๆ เมื่อมีโอกาสก็ให้วานลูกน้องหรือคนอื่น
ทำอะไรให้ตัวเองเสียบ้าง ก็คือทำตัวเป็นคนไม่เก่ง
หรือเป็นคนอ่อนแอเสียบ้าง คนที่เขาได้ทำอะไรให้เราได้บ้าง เขาจะได้ชื่นใจ

3. มีความคงเส้นคงวา รักษาความเก่งให้คงที่ เพราะคนเก่งนั้นคนเขาคาดหวังสูง
 ถ้าทำอะไรเหมือนคนทั่วๆ ไป คนอื่นเขาก็จะแลดูว่าธรรมดาหรือไม่เข้าท่า
ฉะนั้นขั้นตอนการทำงานและประสิทธิภาพ ในการทำงานของคนเก่งจะต้องดีกว่าคนอื่นๆ

4. มีโลกส่วนตัวของตัวเอง จงคบกับเพื่อนสนิทๆ ที่จะได้บ่นหรือแสดงความอ่อนแอได้บ้าง
 ฝึกหัดจิตใจของตัวเองให้ยอมรับความพ่ายแพ้ที่จะเกิดขึ้นในวันใดวันหนึ่งแน่ๆ
 เพราะแม้ว่าเราจะเก่งแค่ไหน แต่เราก็ต้องแก่ลงๆ จะมีคนอื่นที่เก่งกว่าเข้ามาแทนที่
 เราจะได้ไม่เสียใจมากขึ้นเมื่อถึงเวลานั้น

5. คนเก่งทั้งหลายมักมีเงื่อนไขมากต้องลดเงื่อนไขในชีวิตของตนเองและกับคนอื่นลงด้วย
ต้องฝึกใจให้มีความรักอย่างไม่มีเงื่อนไข(Unconditioned Love) กับบุคคลทั่วๆ ไป
รักในความเป็นเพื่อนมนุษย์ของเขาเท่านั้นก็พอ ใจจะกว้างขึ้น

 6. ต้องมีการรู้ระวังตัวเอง (Self Awareness)อยู่ตลอดเวลา
รู้ว่าตอนไหน ควรทำอะไรและอย่างไร จึงจะเหมาะสม
ความเหมาะสมเป็นสิ่งที่คนเก่งมองข้ามเสมอ เพราะมักจะมองแค่ความถูกต้องเรื่อยๆ

 7. ช่วยพัฒนาลูกน้อง หรือคนข้างเคียงไปด้วย เขาจะได้ไม่รู้สึกถูกทอดทิ้ง


ก็ขอให้คนเก่งทั้งหลายจงโชคดี
อย่าเก่งแล้วโชคร้าย โดยมีคนเกลียดรอบข้างมากมายเลย

เรียบเรียงโดย : ศ.ดร.น.พ.วิทยา นาควัชระ (จิตแพทย์)

9 ความคิดเห็น:

` aay .. กล่าวว่า...

การทำใจไม่ยึดติด ยอมรับความสามารถคนอื่นบ้าง ก้อพอช่วยให้ลดความหมั่นไส้จากคนอื่นลงได้

Somjit . กล่าวว่า...

พรุ่งนี้จะมาอ่านนะ

Hornbill B กล่าวว่า...

บทความดีจังครับ จานเม้ง

vee .. กล่าวว่า...

ไม่เก่ง .. เลยไม่เจอปัญหาแบบนั้น ..

LukZ® Zaa....a*... กล่าวว่า...

อยากเก่ง แต่ไม่อยากเหงา ...ง่ะ
ขอบคุณคับ

Nathamon Mongkolsri กล่าวว่า...

นานาจิตตัง...

K. R. กล่าวว่า...

ผมว่า จริง ๆ โรคขี้อิจฉา คนเก่ง ก็เป็นกันทั้งโลกนะครับ แต่จะเป็นกันรุนแรง และเอาจริงเอาจัง ที่เมืองไทย ฮ่า ๆ ,,, เศร้าเลย

Jah Lover กล่าวว่า...

ดีมากๆ เลยค่ะ

อ่านแล้วได้ข้อคิดอะไรเยอะเลย

明 เม้ง  ^__^ กล่าวว่า...

คนเก่งมาอ่าน แหงเลย อิอิ