วันอังคาร, มิถุนายน 12, 2550

ความสุขอยู่ที่ใด

ความสุขอยู่ที่ใด

ธามาดา

           ฉันไม่มีความสุข...

 

           ฉันไม่ชอบงานที่ฉันทำ   เพราะมันน่าเบื่อและไม่มีที่สิ้นสุด

           ฉันไม่ชอบเจ้านาย   เพราะเขาไม่เคยคิดหรือทำอะไรเองนอกจากชี้นิ้วสั่งกับดุด่าฉันเท่านั้น

           ฉันไม่ชอบเช้าวันจันทร์   เพราะเป็นวันที่ฉันรู้สึกเหมือนถูกบังคับให้ตื่นขึ้นมาเผชิญโลกที่โหดร้าย  แต่ละสัปดาห์ของการทำงานดูราวกับการคืบคลานไปท่ามกลางสนามรบ

           ฉันไม่ชอบเช้าวันอังคาร   เพราะเป็นวันที่ฉันรู้สึกว่าตัวเองเพิ่งทำงานไปได้วันเดียวยังมีอีกหลายวันที่โหดร้ายรออยู่

           ฉันไม่ชอบเช้าวันพุธ   เพราะเป็นวันที่ฉันเริ่มตื่นขึ้นมาพร้อมกับความล้าและพบว่าเวลาเพิ่งผ่านไปเพียงครึ่งทางเท่านั้น

           ฉันไม่ชอบเช้าวันพฤหัสบดี   เพราะเป็นวันที่ฉันเหนื่อยล้าจากการทำงานมาตลอดหลายวัน  แต่ทุกอย่างก็ยังคงดำเนินต่อไป  พรุ่งนี้ก็ยังต้องทำงาน

           ฉันไม่ชอบเช้าวันศุกร์   เพราะฉันเหนื่อยจนแทบลุกจากเตียงไม่ไหวแล้วแต่ก็ยังต้องลุกไปทำงาน

           ฉันไม่ชอบเช้าวันเสาร์   เพราะฉันอยากตื่นสายๆ  แต่กลับมีเด็กบ้านใกล้ๆวิ่งเล่นเสียงดังจนต้องตื่นแต่เช้า

           ฉันไม่ชอบเช้าวันอาทิตย์   เพราะฉันจะถูกปลุกแต่เช้าเช่นกันด้วยเสียงเครื่องรถยนต์ของเพื่อนบ้าน

           ฉันไม่ชอบวันหยุดนักขัตฤกษ์   เพราะมันทำให้ร้านรวงในกรุงเทพฯปิด จะซื้อหาอะไรก็ยาก จะออกไปต่างจังหวัดคนก็มาก  ฉันเคยเห็นรถติดบนยอดเขาห่างไกลในวันสิ้นปีมาแล้ว

           ฉันไม่ชอบรถติด   เพราะมันทำให้ฉันถึงที่ทำงานช้า

           ฉันไม่ชอบรถเมล์   เพราะฉันต้องยืนเบียดกับคนแปลกหน้าและร้อนอบอ้าว

           ฉันไม่ชอบบ้านเช่าที่ฉันอยู่   เพราะมันคับแคบแออัด เปิดหน้าต่างออกไปเห็นแต่ตึกบังท้องฟ้า

           ฉันไม่ชอบบ้านเดิมที่ต่างจังหวัด   เพราะมันห่างไกลมากและมีแต่ความกันดาร

           ฉันไม่ชอบนิยายน้ำเน่า   เพราะมันไม่เคยให้แง่คิดหรือช่วยพัฒนาจิตใจของเราให้ดีขึ้นเลย

           ฉันไม่ชอบหน้าร้อน   เพราะมันทำให้ฉันรู้สึกอบอ้าวและหงุดหงิดทั้งวัน

           ฉันไม่ชอบหน้าฝน   เพราะมันทำให้ฉันเปียกแฉะ เดินทางลำบาก ตากผ้าก็ไม่แห้ง

           ฉันไม่ชอบหน้าหนาว   เพราะมันทำให้ฉันเป็นหวัดและไม่มีชีวิตชีวา

           ฉันไม่ชอบมหาวิทยาลัยที่ฉันเรียนจบมา   เพราะมันไม่ค่อยมีชื่อเสียง ทำให้ฉันหางานทำลำบาก

              ฉันไม่ชอบกรุงเทพ   เพราะที่นี่มีแต่ความเบียดเสียด ทุกอย่างเร่งรีบและดิ้นรนผู้คนเห็นแก่ตัว

 

           ฉันไม่มีความสุข...

           ความสุขอยู่ที่ไหนกัน...

 

           .......................................................................................................................

 

 

           วันหนึ่งฉันยืนอยู่ที่ป้ายรถเมล์ แม่ลูกคู่หนึ่งนั่งรอรถอยู่ใกล้ๆ ผ่านไปสักพักอยู่ๆลูกชายวัยซนของหญิงคนนั้นก็ชี้นิ้วขึ้นไปบนท้องฟ้าและบอกกับแม่ แม่หมาอยู่บนฟ้า

           ไหนลูก แม่ขมวดคิ้วแล้วโน้มตัวมองตามลูก อ๋อ เมฆน่ะเหรอลูก ดูเป็นหมายังไงนะ

           นี่ไงแม่ ตรงที่ยื่นๆออกมานี่เป็นหัวหมา นี่หูมัน มีขาหน้าด้วย

           แล้วขาหลังล่ะลูกไม่เห็นมีเลย

           มันกระโดดออกจากปุยนุ่น ขาหลังมันเลยจมในปุยนุ่น เด็กชายว่า

           ฉันหันไปมองเมฆก้อนนั้นตามด้วนความอยากรู้อยากเห็นแล้วก็ต้องขมวดคิ้วมันเป็นแค่ก้อนเมฆสีขาวไร้รูปทรงธรรมดารูปหนึ่งเท่านั้นเอง ไม่ได้มีความเหมือนกับหมาตรงไหนเลย ฉันยักไหล่แล้วหันไปชะเง้อมองรถเมล์บนถนนตามเดิม เสียเวลาฟังเจ้าเด็กฟุ้งซ่านจริงๆ

           เหรอ...แต่แม่ว่ามันดูเหมือนกับยีราฟนะลูก เห็นมั้ย คอมันยาวเป็นยีราฟเลย หูชี้ด้วย

           ไม่ใช่นะแม่ ยังเป็นหมาอยู่ หมาคอยาวๆโอ๊ยๆๆทำไมขามันหายไปแล้วล่ะ

           ข้างบนลมคงพัดแรงน่ะลูก เมฆมันเป็นแค่ไอน้ำที่ลอยในอากาศและจับตัวกันเป็นก้อน พอลมพัดมันก็เปลี่ยนรูปร่างเหมือนกันตอนที่ลูกเป่าควันในชามก๋วยเตี๋ยวร้อนๆไงจ๊ะ

           ฉันเงยหน้ามองก้อนเมฆไอน้ำสีขาวบนทั้งฟ้าอีกครั้ง ฉันมองอย่างไรก็เห็นเป็นเพียงแต่เมฆธรรมดาๆ ก้อนหนึ่งเท่านั้น ในขณะที่แม่ลูกคู่นั้นเห็นเป็นสัตว์ต่างๆมากมาย ทำไมของสิ่งเดียวกันแต่คนสองคนที่ยืนอยู่ใกล้ๆกันกลับมองไม่เหมือนกัน หรือว่ามาลูกคู่นี้เห็นในสิ่งที่ฉันไม่เห็น...

          

           บนรถเมล์ที่ฉันโหนไปทำงาน เด็กนักเรียนสองคนใกล้ๆ กำลังพูดถึงการสอบเข้ามหาวิทยาลัย

           ทำไมแกรีบอ่านหนังสือคร่ำเคร่งนัก กว่าจะสอบก็ปีหน้าไม่ใช่เหรอ

           ต้องรีบอ่านสิ อีกแค่ปีเดียวพวกเราต้องสอบแล้วนะ นี่อ่านแทบไม่ได้นอนมาหลายเดือนแล้ว

           เหรอ...

           แล้วแกล่ะ ทำไมจนป่านนี้ยังไม่อ่านหนังสือสักที

           ไม่ต้องรีบหรอก อีกตั้งปีกว่าจะถึงวันสอบ

           ฉันมองตามหลังเด็กทั้งสองขณะที่พวกเขาเดินลงจากรถหน้าโรงเรียน นับว่าเป็นอีกตัวอย่างหนึ่งของคนสองคนที่มองสิ่งเดียวกันต่างออกไป คนหนึ่งมองอย่างเป็นทุกข์ อีกคนมองอย่างไม่ทุกข์ หรือว่าทุกสิ่งรอบตัวสามารถมองได้สองแบบจริงๆ แบบเดียวกับที่ฉันมองสองด้านของเหรียญหรือมองแก้วน้ำที่มีน้ำเหลืออยู่ครึ่งแก้ว

 

           แล้วที่ฉันไม่มีความสุขอยู่ทุกวันนี้เกิดจากการมองของฉันใช่หรือไม่...

 

           เย็นวันนั้นฉันกลับบ้านมานั่งพักที่ระเบียง แมวดำตัวหนึ่งกำลังพยายามจะมาคุ้ยหาขยะในถุงดำที่มัดกองไว้หน้าบ้าน แต่แรกฉันทำท่าจะถอดรองเท้าขว้างใส่แบบที่เคยทำมา แต่พอคิดไปอีกทางว่าการเกิดเป็นแมวจรจัดไร้เจ้าของและที่ซุกหัวนอนนั้นก็แย่พออยู่แล้ว ยังต้องมาคุ้ยขยะหาอาหารประทังชีวิตให้รอดแล้วยังถูกคนขับไล่อีกไปที่ไหนก็มีแต่คนไม่ต้อนรับเอ็นดู

           ฉันลองเปลี่ยนความคิดดู หันหลังเดินเข้าครัว หยิบไส้กรอกอีสานและแฮมในตู้เย็นออกมาอุ่นเล็กน้อย จากนั้นก็เปิดประตูบ้านออกไป แมวดำยังอยู่ที่กองขยะหน้าบ้าน แสงจากเสาไฟฟ้าที่ส่องสลัวลงมาถึงตัวของมันทำให้มองดูเหมือนกับว่ามันเป็นสิ่งมีชีวิตที่โดดเดี่ยวที่สุดในโลก ฉันส่งเสียงเลียนแบบแมวดังเมี้ยวๆ จนมันหันมามอง

           กินซะนะ อยู่ด้วยกันมานานฉันเพิ่งจะมาใจดีวันนี้แหละ

           แมวตัวนั้นค่อยๆเดินมาอย่างกล้าๆกลัวๆจนมาหยุดใกล้ๆฉันจึงวางไส้กรอกอีสานกับหมูแฮมลงบนพื้น แมวจรจัดส่งเสียงร้องเหมียวๆขณะก้มลงดมอาหารมื้อพิเศษนั้น ในที่สุดมันก็กินอย่างเอร็ดอร่อยทีเดียว

           ฉันยืนกอดอกมองภาพแมวที่กำลังกินอาหารที่ฉันหามาให้อย่างมีความสุข เพิ่งได้รู้กับตัวเองว่าการไล่แมวกับการให้อาหารแมวนั้นมันให้ความสุขทางใจที่แตกต่างกันมากกขนาดนี้เอง

           ต่อจากนี้ไปฉันจะมีความสุข...

 

           .........................................................................................................

 

           ฉันชอบงานที่ฉันทำ  เพราะมันให้โอกาสฉันได้แสดงฝีมือทำงานเพื่อส่วนรวมและมีรายได้มาเลี้ยงตัวเอง งานทั้งหลายนั้นดูช่างท้าทายฉันอย่างไม่มีที่สิ้นสุด

           ฉันชอบเจ้านาย   เพราะเขาให้โอกาสฉันคิดและตัดสินใจลงมือทำสิ่งต่างๆด้วยตัวเองโดยพยายามตักเตือนแนะนำเมื่อฉันทำงานผิดพลาด

           ฉันชอบเช้าวันจันทร์   เพราะเป็นวันที่ฉันรู้สึกเหมือนทุกอย่างเริ่มต้นขึ้นอีกครั้งสัปดาห์นี้จะต้องดีกว่าสัปดาห์ที่แล้ว

           ฉันชอบเช้าวันอังคาร   เพราะเป็นวันที่ฉันเพิ่งทำงานไปได้วันเดียว ยังมีอีกหลายวันที่สนุกสนานรออยู่ เพื่อนที่ทำงานยังรอฉันอยู่

           ฉันชอบเช้าวันพุธ   เพราะเป็นวันที่ฉันเริ่มตื่นขึ้นมาพร้อมความล้าเล็กน้อยและพบว่าเวลาผ่านไปครึ่งทางแล้ว ฉันจะรีบทำงานในเวลาที่เหลือให้ดีที่สุด อีกไม่นานฉันจะได้พักผ่อนวันหยุดแล้ว

           ฉันชอบเช้าวันพฤหัสบดี  เพราะเป็นวันที่ฉันเห็นความคืบหน้าของงานในสัปดาห์นี้มากมาย หากฉันไม่จัดการงานพวกนี้ บริษัทและทุกคนในบริษัทคงลำบากมากฉันรู้ว่าฉันมีส่วนร่วมในการผลักดันบริษัทของฉัน

           ฉันชอบเช้าวันศุกร์   เพราะฉันจะให้กำลังใจตัวเองว่านี่คือวันทำงานวันสุดท้ายแล้วฉันจะจัดการทุกสิ่งไม่ให้คั่งค้างเพื่อให้พรุ่งนี้และมะรืนนี้เป็นวันหยุดที่แสนสบาย

           ฉันชอบเช้าวันเสาร์   เพราะฉันจะตื่นมาพร้อมกับเสียงหัวเราะของเด็กบ้านใกล้ๆที่กำลังวิ่งเล่นกันอย่างสนุกสนาน ฟังดูสดชื่นมีชีวิตชีวา จากนั้นฉันจะเริ่มทำความสะอาดบ้านและมองดูบ้านที่สะอาดขึ้นทีละน้อยอย่างภูมิใจ

           ฉันชอบเช้าวันอาทิตย์   เพราะฉันจะตื่อนแต่เช้าเช่นกันเพื่อเตรียมหุงหาอาหารใส่บาตรพระที่ผ่านมาหน้าหมู่บ้าน จากนั้นฉันจะไปซื้อของและกลับมาพักผ่อนที่บ้าน รอคอยสัปดาห์ใหม่ที่กำลังจะเริ่มขึ้น

           ฉันชอบวันหยุดนักขัตฤกษ์   เพราะมันทำให้ฉันมีเวลาส่วนตัวให้ตัวเองและครอบครัวมากขึ้น

           ฉันชอบรถติด   เพราะมันทำให้ฉันเพลิดเพลินกับรอบข้างตัวและเหม่อมองสิ่งต่างๆรอบตัวนานขึ้น

           ฉันชอบรถเมล์   เพราะฉันมองเห็นคนมากมายที่กำลังร่วมทางกันอยู่บนรถคันเดียวกัน แต่ละวันที่ได้พบกับผู้คนบนรถเมล์ฉันมักจะได้แง่คิดดีๆ จากการเงี่ยหูฟังพวกเขาคุยกันอยู่เสมอ

           ฉันชอบบ้านเช่าที่ฉันอยู่   เพราะมันดูกะทัดรัดดูแลทำความสะอาดได้ง่าย มีเพื่อนบ้านมากมายคอยช่วยเป็นหูเป็นตาให้

           ฉันชอบบ้านเดิมที่ต่างจังหวัด   เพราะมันห่างไกลจากความวุ่นวายในเมืองหลวง และฉันมักจะกลับไปพักผ่อนเติมพลังอยู่เสมอเมื่อเหนื่อยล้าจากการใช้ชีวิตในเมือง

           ฉันชอบนิยายน้ำเน่า   เพราะมันทำให้ฉันผ่อนคลายและได้ล่องลอยไปในโลกความฝันบ้างหลังจากที่เหน็ดเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว

           ฉันชอบหน้าร้อน   เพราะมันทำให้ฉันรู้สึกถึงชีวิตชีวารอบข้าง เสียงแมลงต่างพากันร้อง นกต่างพากันบินออกหากิน ดอกไม้เบ่งบาน

           ฉันชอบหน้าฝน   เพราะมันช่างดูอบอุ่นชุ่มเย็น การเฝ้ามองต้นไม้เขียวขจีต้องลมฝนจากใต้ชายคาบ้านฉันเป็นภาพที่สวยงามจริงๆ

           ฉันชอบหน้าหนาว   เพราะมันทำให้ฉันรู้สึกเย็นสบาย ได้หยิบเสื้อหนาวสวยๆในตู้ออกมาใส่จะเดินออกไปไหนมาไหนก็กระชุ่มกระชวย นอนหลับก็สบายไม่ต้องเปิดพัดลม

           ฉันชอบมหาวิทยาลัยที่ฉันเรียนจบมา   เพราะมันไม่ค่อยมีชื่อเสียง หากฉันทำงานของฉันจนประสบความสำเร็จฉันจะกลายเป็นบุคคลที่สร้างชื่อเสียงให้กับมหาวิทยาลัย และมหาวิทยาลัยของฉันจะเป็นที่ยอมรับของทุกคน

           ฉันชอบกรุงเทพ   เพราะที่นี่มีผู้คนมากมาย และมีบทเรียนใหม่ๆ ที่จะคอยสอนใจฉันอย่างไม่รู้จักจบสิ้น เหมือนกับที่มันเคยสอนฉันให้มองโลกอย่างมีความสุขมาแล้ว

           ฉันมีความสุข...

           ความสุขอยู่ในทุกหนแห่งและอยู่ที่ตัวฉันเอง...อยู่ที่ฉันจะตั้งใจมองหามันในทุกสิ่งรอบข้างเองหรือไม่เท่านั้น...

 

 

การ์ตูน ขายหัวเราะ

ฉบับประจำวันพุธที่ 14-20 กุมภาพันธ์ 2550

          

 

 

12 ความคิดเห็น:

phyche phyche123 กล่าวว่า...

ยิ้มให้โลก แล้วโลกจะยิ้มให้เรา เสมอ

แทมมี่ & แม่ปีป B. กล่าวว่า...

อ่านยังไม่จบเพราะเจ็บตา

แต่อยากจะบอกว่า ความสุขของเราก็อยู่ที่ตัวเราเอง

เราสามามารถทำให้เรามีความสุขได้เอง

ทำในสิ่งที่เรารักและเราชอบ ไม่เบียดเบียนคนอื่น(แต่ขอต้นไม้เพื่อนได้อิอิ..)
ทำบ้านเราที่อยู่อาศัยเราให้มันน่าอยู่ ทำผู้คนรอบข้างเราให้มีความสุข

แค่นี่เราเองก็มีความสุขแล้วค่ะ

คิดว่าถ้าเราให้ความสุขคนอื่นไป เราก็ได้ความสุขนั้นกลับมาค่ะ

明 เม้ง  ^__^ กล่าวว่า...

ความสุข ความสุข ความสุข
ความทุก ความทุก ความทุก
สุข ทุก สุข ทุก

Somjit . กล่าวว่า...

ความสุขอยู่ที่ใจนะเพื่อน

Somjit . กล่าวว่า...

หาใจให้เจอก็เป็นสุข

missnathaya ing กล่าวว่า...

ใจยังเป็นทุกข์อยู่ แต่ก็รู้สึกดีขึ้น ขอบคุณที่เอามาฝากนะคะ

mrorchid . กล่าวว่า...

คิดถึงคนที่เรารัก ทำให้เรามีความสุขตั้งแต่เช้าลืมตา จนกว่าจะนอน
คิดถึงแต่ตัวเอง ก็ทุกข์ตั้งแต่เช้าลืมตา จนหลับฝันนู่นเลย

Hornbill B กล่าวว่า...

เหมือนที่ผมไปเข้าอบรมมาเลยครับ จานเม้ง
ให้เปล่งเสียงเต็มที่...ผมเป็นคนมีความสุข.....อิ อิ เจ็บลำคอไปหมดเยย

MilkyWay ~* กล่าวว่า...

สุขที่สุดอยู่ที่ใจของเรานั่นเอง

明 เม้ง  ^__^ กล่าวว่า...

เจบลำคอแล้วมีฟามสุขไหม

` aay .. กล่าวว่า...

สุขมากจนลืมทุกข์ ทุกข์มากจนลืมสุข

Boy ^_^ กล่าวว่า...

ความเบื่อนี่เอง