วันเสาร์, ธันวาคม 02, 2549

เมื่อไหร่สมควรขัดใจเจ้านาย?




ยิ้มสู้ขัดใจเจ้านายยังไงโดยไม่ตกงานในสถานการณ์ล่อแหลมต่อไปนี้


เดวิด สไตเบล ผู้เขียนหนังสือ When
Talking Makes Things Worse! Resolving Problems When Communication Fails
บอกว่าโฮเมอร์ ซิมพ์สัน ทำถูกแล้ว ประโยคประจำตัวที่เขาพูดอย่างร่าเริงว่า
“ความคิดแจ๋วครับ เจ้านาย!”
รับประกันความสำเร็จในทุกอาชีพ หรือพูดได้ว่าสำเร็จเป็นส่วนใหญ่นั่นล่ะ
แต่ที่สำคัญพอกันคือรู้ว่าควรปฏิเสธเจ้านายถ้าคุณกำลังถูกเอาเปรียบ


แต่การปฏิเสธไม่ได้หมายถึงวิธีแลบลิ้นปลิ้นตาและกระทืบเท้าปึงปัง
แต่หมายถึงการจูงใจเจ้านายให้เชื่อว่าคุณถูกต้องโดยไม่พูดว่าเจ้านายผิด
ต่อไปนี้คือสถานการณ์ล่อแหลม
7
รูปแบบที่คุณสมควรบอกปัดเจ้านายเพื่อรักษาจิตสำนึก
ความนับถือตัวเองและอาชีพของคุณไว้


สถานการณ์ล่อแหลม #1
เจ้านายอยากให้คุณทำสิ่งผิดศีลธรรม
แพท
เฮม ผู้เขียนร่วมในหนังสือ Hardball for Women: Winning at the Game of Business
บอกว่าถ้าเรื่องเล็กๆ คุณทำได้เต็มที่ที่สุดก็คือช่วยปิดบังความจริงให้เธอ
แต่ห้ามทำตามถ้าเกี่ยวกับการปลอมแปลงข้อมูลสำคัญของบริษัท ทำลายเอกสาร
หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวหรือข้อมูลลับของใคร
เพราะเรื่องเหล่านี้ส่งผลใหญ่โตที่อาจทำลายบริษัท และต้องแลกกับอาชีพของคุณ


วิธีปฏิเสธแบบมือโปร :
อธิบายอย่างสงบว่าคุณอึดอัดใจที่จะทำตามที่เธอขอมา ช่วงที่เฮมเริ่มทำงานใหม่ๆ
เจ้านายเคยกดดันให้เฮมเอาผลการสำรวจความพอใจของลูกจ้างที่เป็นความลับมาให้เธอดู
หลังจากเจ้านายกวนใจอยู่หลายอาทิตย์ เฮมก็ยื่นคำขาดว่า “คุณไล่ฉันออกก็ได้
ไม่อย่างนั้นก็เลิกพูดถึงเรื่องนี้ เพราะฉันจะไม่เอาข้อมูลให้คุณดู” เฮมบอกว่า
“ฉันเดินออกจากห้องทำงานของเธอ ใจก็สงสัยว่าพรุ่งนี้ฉันจะตกงานหรือเปล่า
แต่ฉันต้องทำสิ่งที่ถูกต้องไม่ว่าจะต้องแลกด้วยอะไร”


ผลข้างเคียง : ถ้าคุณโชคดี
เจ้านายจะรู้ตัวว่าล้ำเส้นและจะเป็นฝ่ายถอยเอง เช่นกรณีของเฮม ถ้าโชคร้าย
คุณอาจถูกเหม็นขี้หน้าได้ เจ้านายที่ผูกใจเจ็บอาจไล่คุณออกด้วยเหตุผลเล็กๆ น้อยๆ
ควรปกป้องตัวเองด้วยการเก็บบันทึกเหตุการณ์ครั้งนี้ไว้
เพื่อแสดงให้ฝ่ายบุคคลดูในกรณีที่คุณถูกกล่าวหาผิดๆ ทีหลัง


สถานการณ์ล่อแหลม #2
เจ้านายกำหนดเส้นตายที่เป็นไปไม่ได้
ควรต่อรองขอเวลามากขึ้นดีกว่าไปสัญญาแล้วทำไม่ได้ โรบิน แดเนียลสัน
ประธานบริษัท Mad Dogs & Englishmen เอเจนซี่โฆษณาในนิวยอร์ค บอกว่า
“ลูกจ้างส่วนใหญ่จะตอบรับไปซะทุกเรื่อง แล้วพอถึงกำหนดเวลา
พวกเขาก็จะส่งงานที่ไม่ได้เรื่อง”


วิธีปฏิเสธแบบมือโปร :
ไม่ต้องบ่นว่ากำหนดเวลานั้นเป็นไปไม่ได้ แต่ให้บรรยายว่าโครงการนี้มีอะไรต้องทำบ้าง
อธิบายว่าโครงการที่คล้ายกันก่อนหน้านี้ใช้เวลานานแค่ไหน
รายงานสภาวะการทำงานของคุณในเวลานี้ จากนั้นให้ขอเวลาเพิ่ม
แต่ถ้ากำหนดเวลาไม่สามารถเลื่อนได้จริงๆ ให้ขอคนช่วยเหลือชั่วคราว


ผลข้างเคียง :
คุณอาจถูกมองว่าไร้ประสิทธิภาพ
ดังนั้นอย่าใช้วิธีนี้เวลาที่คุณอยากหลบงานกลับบ้านไปดูละครเรื่องใหม่ ข้อดีคือ
เจ้านายอาจชื่นชมความซื่อตรงของคุณ
ที่ดีที่สุดคือคุณจะแสดงให้เห็นว่าคุณพร้อมทำงานอะไรก็ได้
แต่ก็รู้ดีว่างานนั้นต้องทำอะไรบ้างถึงจะสำเร็จ
นายจ้างส่วนใหญ่ชื่นชมลูกจ้างประเภทนี้ แดเนียลสันบอกว่า
“ผมส่งเสริมลูกน้องที่สามารถตัดสินได้ว่างานนั้นๆ
จะใช้เวลานานแค่ไหน”


สถานการณ์ล่อแหลม #3
เจ้านายชวนออกเดท
ไม่ว่าคุณจะปลื้มหรือเปล่า
คุณต้องปฏิเสธสถานการณ์นี้เพื่อความน่าเชื่อถือของตัวคุณในอาชีพการงาน เพลเลอร์
มาเรียน ผู้เขียนหนังสือ Crisis Proof Your Career เตือนว่า
“แม้คุณจะเป็นคนฉลาดที่สุด มีพรสวรรค์ที่สุดในแผนก
แต่ไม่มีใครเชื่อหรอกว่าคุณได้งานดีๆ
หรือได้เลื่อนตำแหน่งเพราะความสามารถของตัวเอง”


วิธีปฏิเสธแบบมือโปร :
บอกปัดเขาตรงๆ แต่นุ่มนวลประมาณว่า “ฉันชอบคุณนะ
แต่ฉันไม่คิดจะปนเรื่องงานกับความสุขส่วนตัว และถึงยังไงคุณก็คือเจ้านายของฉัน
ถ้าสถานการณ์เปลี่ยนไป บางทีเราอาจกลับมาพิจารณาเรื่องนี้กันใหม่”


ผลข้างเคียง :
เขาอาจโต้ตอบคุณด้วยการทำตัวแย่ๆ
แต่ผลอาจออกมาแบบเดียวกันนี้ได้ถ้าคุณเดทกับเขาแล้วเลิกกันทีหลัง
พยายามเก็บบันทึกบทสนทนาระหว่างคุณเอาไว้
จะได้มีหลักฐานส่งให้แผนบุคคล


สถานการณ์ล่อแหลม #4
คุณเก่งมากจนเจ้านายให้งานมากเกินไป
แน่นอนว่าคุณอยากให้เธอไว้ใจคุณ
แต่ไม่ใช่ทำให้คุณยุ่งซะจนไม่สามารถทำงานที่จะสร้างชื่อเสียงให้ตัวเองได้เลย
เฮมเตือนว่า “อย่าปล่อยให้ความเก่งของตัวเองกลายเป็นโทษ”


วิธีปฏิเสธแบบมือโปร :
ตอบรับงานนั้น แต่หลังจากผ่านไปสองสามวัน
ขอให้เจ้านายช่วยลำดับความสำคัญของงานให้คุณ ประมาณว่า “หนูมี 3 โครงการใหญ่ และ 10
งานย่อยอยู่ในมือตอนนี้ค่ะ หนูควรมุ่งไปที่งานไหนก่อนคะ?”
เมื่อเจ้านายเห็นว่าคุณเอาใจใส่และกำลังพยายามเต็มที่ เธอก็จะมอบหมายงานเล็กๆ
ให้คนอื่นทำ


ผลข้างเคียง :
จะไม่มีเหตุการณ์แบบนี้อีก ตราบใดที่คุณไม่ตอบปฏิเสธไปเฉยๆ


สถานการณ์ล่อแหลม #5
คุณได้รับการเลื่อนขั้นอย่างรวดเร็ว...ไปตำแหน่งที่คุณไม่อยากทำ
ถ้าสิ่งที่คุณต้องการคือตำแหน่งในฝ่ายการตลาด
การได้เลื่อนไปอยู่ในฝ่ายบุคคลคงไม่เหมาะกับคุณ
แม้นั่นจะหมายถึงเงินเดือนเพิ่มก็ตาม
การเลื่อนตำแหน่งครั้งนี้อาจทำลายอาชีพของคุณในระยะยาว
ถ้าคุณยอมรับงานที่คุณไม่พอใจจะทำ งานก็จะออกมาไม่ดี
อาชีพของคุณก็เช่นกัน


วิธีปฏิเสธแบบมือโปร :
เจ้านายมองว่าการโยกย้ายครั้งนี้คือโอกาสดี
ดังนั้นบอกเธอว่าคุณอยากขอคิดดูอีกสองสามวัน สไตเบล บอกว่า
จากนั้นอธิบายอย่างจริงใจว่าทำไมคุณไม่เหมาะกับตำแหน่งนั้น
และเสนอทางเลือกที่ดีต่อทั้งสองฝ่ายว่า “ฉันขอบคุณจริงๆ ค่ะกับข้อเสนอนี้
แต่จุดแข็งของฉันคือการทำวิจัยและพัฒนากลยุทธ์การตลาด
ฉันคิดว่าฉันจะใช้ความสามารถของตัวเองได้ดีที่สุดถ้าอยู่ในตำแหน่งเดิมและมุ่งสร้างฐานลูกค้า”
เมื่อคุณปฏิเสธโดยใช้การแจกแจงในแง่บวก
คุณจะดูเหมือนร่วมมือกับเจ้านายอยู่ต่างหาก


ผลข้างเคียง : สไตเบล เตือนว่า
“คุณอาจไม่ได้รับการพิจารณาในการเลื่อนขั้นครั้งต่อไป ถ้าเป็นอย่างนั้น
คุณควรไปสมัครงานใหม่จะดีกว่า


สถานการณ์ล่อแหลม #6
คุณได้รับงานที่ขัดแย้งทางศีลธรรม
คุณควรเชื่อจิตสำนึกของตัวเอง เมื่อต้นทศวรรษ 1980 เชอรีล ดี.
บรูซสาร์ด ซึ่งเป็นนายหน้าค้าหุ้นอยู่ขณะนั้น
ปฏิเสธไม่ขายหุ้นที่มีความเสี่ยงให้แก่นักลงทุน
เพราะนักลงทุนคงตายก่อนจะได้เห็นเงินปันผล บรูซสาร์ด ผู้เขียนหนังสือ Sister CEO:
The Black Woman’s Guide to Starting Your Own Business บอกว่า
“ฉันไม่ชอบธุรกิจที่หลอกเอาเงินจากคนอื่น สำหรับฉันแล้ว
การลงทุนเป็นเรื่องผิดศีลธรรมนะ”


วิธีปฏิเสธแบบมือโปร :
ขอเจ้านายมอบหมายงานอื่น ถ้าคุณจะปฏิเสธ คุณควรเสนอตัวทำงานด้านอื่น


ผลข้างเคียง :
การไม่ทำตามคำสั่งอาจทำให้คุณถูกไล่ออก ถูกลดขั้น
ไม่ขึ้นเงินเดือนหรือไม่ได้รับพิจารณาเลื่อนตำแหน่ง เจ้านายอาจบอกว่า
“ถ้าคุณไม่ชอบสินค้าที่เรากำลังขาย แล้วคุณมาอยู่นี่ทำอะไร?” สุดท้าย
คุณอาจยอมทำตามเพื่อสงบศึก แต่ถ้าคุณไม่ยึดมั่นกับคุณค่าที่คุณเชื่อ
คุณจะทำงานอย่างไม่มีความสุข และกระทบต่อคุณภาพของงานได้


สถานการณ์ล่อแหลม #7
คุณทำงานล่วงเวลาไม่ได้เพราะปัญหาทางบ้าน
มาเรียน อธิบายว่า
“คุณไม่ควรเกรงใจที่จะปฏิเสธงานล่วงเวลาในเมื่อคุณมีลูกเล็กที่กำลังป่วยรออยู่ที่บ้าน
หรือแม่ป่วยเข้าโรงพยาบาล” ในสถานการณ์แบบนี้
มีเหตุผลพอที่คุณจะให้ความสำคัญกับปัญหาทางบ้านก่อนแล้วค่อยปรับตารางงานให้เข้ากัน


วิธีปฏิเสธแบบมือโปร :
บอกเจ้านายว่าคุณไม่อยากเอาเรื่องส่วนตัวมาเป็นข้ออ้างเลย แล้วพูดประมาณว่า “ช่วง 2
เดือนที่มีปัญหานี้ ฉันจะทำงานประจำให้เต็มที่ แต่จะไม่ทำงานล่วงเวลา ต้องขอโทษด้วย
แล้วฉันจะเร่งงานให้มากขึ้นทันทีที่แก้ปัญหาทางบ้านได้แล้ว”
และอย่าลืมทุ่มเทกับงานมากเป็นพิเศษ พยายามมาเร็ว
และกินมื้อเที่ยงที่โต๊ะ


ผลข้างเคียง :
คุณอาจพลาดงานที่อยากทำ หรืองานที่น่าสนใจ
แต่การรับงานฉุกเฉินไม่ได้ทำให้อาชีพของคุณพุ่งทะยาน
ถ้าคุณยังทำงานได้ดีแม้จะมีปัญหาทางบ้าน เจ้านายต้องอยากได้คนแบบคุณร่วมทีมแน่




2 ความคิดเห็น:

phyche phyche123 กล่าวว่า...

เจ้านายใจดีค่ะ...

Satanic Slave กล่าวว่า...

เป็นบทความที่ดีครับ แต่ไม่แน่ใจว่าจะเอามาใช้ในสังคมไทยที่ไ่ม่ค่อยยอมรับฟังกันได้หรือเปล่า