เพชฌฆาตความเครียด รายการโทรทัศน์ทางช่อง 9 ในช่วงประมาณ พ.ศ. 2527-2530 เป็นรายการตลก ที่มาฉายประมาณหลังข่าว โดยกลุ่ม ซูโม่สำอางเช่น ซูโม่ตู้ (จรัสพงษ์ สุรัสวดี) , ซูโม่เจี๊ยบ (วัชระ ปานเอี่ยม) , ซูโม่ตุ๋ย (อรุณ ภาวิไล) , ซูโม่เอ๋ (เกรียงไกร อมาตยกุล) , ซูโม่เป๊ปซี่ (ธีรวัฒน์ ทองจิตติ) , ซูโม่อิทธิ (อิทธิสุนทร วิชัยลักษณ์) , ซูโม่โค้ก (สมชาย เปรมประภาพงศ์) , ซูโม่สุ่น , ซูโม่กิ๊ก (เกียรติ กิจเจริญ) , ปัญญา นิรันดร์กุล, ภิญโญ รู้ธรรม ภายหลังได้เปลี่ยนชื่อรายการเป็น สูตรสำเร็จความเครียด โดยใช้กลุ่มนักแสดงชุดเดิม ทีมงานส่วนใหญ่เป็นศิษย์เก่าจากคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ในรายการจะมีมุกต่อเนื่อง โดยเป็นมุกที่เล่นซ้ำกันโดยเปลี่ยนรายละเอียดเช่น "ภาษาไทยคำละวัน" ของ ปัญญา นิรันดร์กุล (ล้อเลียนรายการ "ภาษาไทยวันละคำ" ของ อ. กาญจนา นาคสกุล) "มุกเรียกแท็กซี่" ของซูโม่เป๊ปซี่ หรือ "มุกรอรถเมล์" "มุกสองเกลอ" ของซูโม่เอ๋-ซูโม่อิฐ และมุกอื่นๆ อีกมากมาย
ผู้ที่ตั้งชื่อรายการเพชฌฆาตความเครียดนี้คือ ซูโม่ตู้ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งกลุ่มซูโม่สำอาง เพื่อให้สื่อถึงการฆ่าความเครียดด้วยการดูรายการนี้
รายการนี้เป็นต้นแบบแรกๆของวงการโทรทัศน์ไทยยุคใหม่ที่ใช้ความคิดสร้างสรรค์เข้ามาเป็นจุดเด่นของรายการ มากกว่าความขึงขังน่าเชื่อถือแบบยุคต้นๆของการผลิตรายการทีวี และทำให้ช่อง 9 ที่เคยเป็นเหมือนทไวไลท์โซน คือขายโฆษณายาก (เหมือนช่อง 11) กลับฟื้นและอยู่ตัวมาจนถึงทุกวันนี้
-----------------------------------------------------------------------------------------
http://www.oknation.net/blog/print.php?id=237420
ปี 2528 รายการ "เพชฌฆาตความเครียด" ของไนท์สป็อตโด่งดังอย่างรวดเร็ว
หลังจากออกอากาศไปไม่กี่เทป ทำให้ต้องเพิ่มวันฉายและในที่สุดก็นำมาซึ่ง
จุดจบของรายการที่ออกจะสั้นไปสักหน่อย เนื่องจากกลุ่มผู้ผลิต "ซูโม่สำอาง"
ปล่อยมุขออกไปหมด ทำให้รายการในช่วงหลังๆ จะกร่อยลงไปสักนิด
ซึ่งถือว่าค่อนข้างเป็นเรื่องปกติของรายการทีวี ที่ได้รับความนิยมสูงมากๆ
ก็มักจะลดความนิยมลงรวดเร็วเช่นกัน ถ้าไม่มีการปรับเปลี่ยนวิธีการนำเสนอ
โดยเฉพาะรูปแบบของรายการนี้ถือว่าเป็นของใหม่มากสำหรับทีวีบ้านเราในขณะนั้น
ต้นแบบของมุขต่างๆ ได้รับอิทธิพลมาจากทีวีโชว์ประเภทคอเมดี้ของฝรั่ง
ได้รับการปรุงแต่งให้เข้ากับบริบทแบบไทยๆ ทำให้ซูโม่สำอางกลายเป็น "ตลกปัญญาชน"
และได้รับความนิยมอย่างรวดเร็วในโดยเฉพาะในกลุ่มนักเรียนนักศึกษา
ถ้าให้นึกถึงมุขอำที่ผมขำมากๆ เมื่อได้ดูรายการนี้ตอนแรกๆ
หนีไม่พ้น "ภาษาไทยคำละวัน" ซึ่งล้อ "ภาษาไทยวันละคำ" อันนี้จำไม่ได้ว่าอ้างอิง
ชื่อถูกหรือมีการสลับกันหรือเปล่า แค่ได้ดูการจัดฉากและแต่งกายเลียนแบบ
โดย ปัญญา นิรันดร์กุล ซึ่งล้อเลียนรายการต้นแบบก็ฮาแล้ว
แถมคุณปัญญายังพูดเลียนแบบท่านอาจาร์ยสุภาพสตรีได้อย่างเนียนๆ
มุขคลาสสิคอีกอันหนึ่งก็คือ "We Are The World" ซึ่งเหล่าซูโม่จะเข้ามาร่วมร้อง
เพลงนี้กับศิลปินต้นแบบคือ
ไปกับศิลปินในมิวสิควิดีโอต้นแบบ อันนี้ขำโคตรๆ วันรุ่งขึ้นต้องมาคุยกับเพื่อนที่โรงเรียน
ว่า "เมื่อคืนพวกมรึงได้ดูกันหรือเปล่า" สำหรับผมไฮไลท์อยู่ท่อนฮุ๊คที่ ไมเคิล แจ๊คสัน
ต้องเป็นคนร้อง แต่ซูโม่จัดให้ซูโม่เป๊ปซี่แต่งชุดลิเกเป็นคนร้องแทน โดยแพนกล้อง
จากเท้าขึ้นไปถึงหน้า โอย ! ขำจริงๆ
ช่วงที่ผมมักจะใจจดใจจ่อรอชมมากที่สุดเป็นช่วงที่ซูโม่มาสอนเล่นกีต้าร์
เพราะเป็นช่วงเพิ่งผมเริ่มหัดเล่น พี่ตู้ พี่ดี้ พี่เจี๊ยบ สลับกันมาเป็นตัวยืนสอนกันในแต่ละวัน
โดยเฉพาะพี่ตู้มักจะเล่นเพลงของ Simon & Garfunkel และ Crosby Stills & Nash
ซึ่งเทคนิคที่นำมาสอนเล่นแต่ละเพลงไม่ได้เล่นตามกันง่ายๆ นะครับ
และยังมีการร้องประสานเสียงตามต้นฉบับให้ได้ฟังกันอย่างไพเราะด้วย
เมื่อวานรื้อเอาม้วนวิดีโอเก่าๆ ที่ยังไม่ได้ตรวจสอบมาดู พบว่าได้อัดช่วงหนึ่งของ
รายการนี้เอาไว้และยังอยู่ในสภาพที่พอนำเสนอได้ จึงนำมาแบ่งกันชม
เพื่อระลึกถึงความทรงจำในยุคกลางแปดศูนย์ (อีกแล้ว) เป็นเพลง "รักคำเดียว"
ของวงพิณ เล่นกีต้าร์และร้องโดย ซูโม่เจี๊ยบ หรือ วัชระ ปานเอี่ยม ซึ่งขณะนั้น
มีวงเฉลียงแล้วแต่ยังไม่โด่งดัง เฉลียงมาออกชุด "อื่นๆอีกมากมาย" ในปีต่อมา
ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างสูง
12 ความคิดเห็น:
คนแก่ มักจะนึกถึงเรื่องเก่า ๆ
อยากแซวว่าคนแก่นึกถึงความหลัง
แต่เราดันเกิดทันได้ดูซะด้วยซิ แซวไม่ออกเลยอ่ะคุงเม้ง
ขอเพิ่มอีก 1 รายการ ยุทธการขยับเหงือก นี่ก็คลายเครียดดีเนอะ
^ ^
เบื่อละคอนเหมือนกันเลยครับ.... จะว่าไร้สาระก้อยังมีคนดู...เยอะแยะไปหมด เฮ้อ กลุ้ม... ครับ กลัวจะเป็นเพราะว่ามีเราคนเดียวที่ไม่ชอบดูละคอนหรือเปล่าก้อม่ายรู้ครับ เหอะ ๆ
เหมือนมาดูแล้วเครียดเลย..อิอิ เพราะฟังบ่ได้เลยยย
คิดถึงๆ ดูสมัยเรียนมัธยม : )
คิดถึงเนาะ
สะท้อนความคิดของคนแต่ละรุ่นเน้อะครับพี่
คิดถึงมากกกกกก
ทำใหม่ทำใหม่
555 เจอะคนยุคเดียวกันเลย กร๊ากกกกกกกกกกกกกกก
แสดงว่า ร่วมสมัย เดิ้นไม่แพ้กันแน่ ๆ อิอิ
นึกถึงตอนนั้นจริง ๆ ที่เช้าปุ๊บ ต้องมาคุยกันว่า เมื่อคืนได้ดูป่าว ตอนนั้น ตอนนี้ แล้วก็ขำกลิ้ง วันไหนไม่ได้ดูนี่ เสียใจชมัด
แถมท้ายด้วยละครน่ารัก ๆ สมัยก่อน อย่าง คุณยายกายสิทธิ์ หรือละครไนท์สปอต์ ก็ศนุก และไม่เน่า ตั้งหลายเรื่องแนะ
แอบมารำลึกความหลังด้วยคนละกัน
โอ้ว...เกิดไม่ทัน...
ถึงไม่ชอบดูละคร ดูทีไร ต้อง บรรยายให้คนที่บ้านฟัง
เค้าจะถามว่าทำไมละครไทยสาวๆหน้าตาสวยๆร้องวี๊ดๆๆๆ5555
เราจะดีใจหรือเสียใจดี เราไม่ค่อยร้องวี๊ดๆๆเพราะเราไม่สวยในสายตาเค้าแน่ๆเลยอิๆๆๆ
อูยยยยย..เกิดไม่ทัน แฮ่ๆๆ ^^
แสดงความคิดเห็น