จุดเริ่มต้นของการเขียนบทความชิ้นนี้มาจากเมื่อเช้า มองเห็นมอเตอร์ไซต์ ที่มีพี่ตำรวจคนนึงขับอยู่ข้างหน้า ไม่มีป้ายทะเบียน ที่บอกว่าเป็นตำรวจเพราะสันนิฐานจาก ปืน วิทยุ และอื่นๆที่เหน็บอยู่ที่เอว อ้อรวมทั้งชุดและหมวกที่สวมใส่ด้วยครับ
แล้วผมก็คิดว่า ทำไมน้า ผมถึงเคยเห็นตำรวจ ขี่รถย้อนศร ซ้อนสาม ซ้อนสาวไม่ใส่หมวกกันน้อค เรียกรับเงินสดแทนใบเสร็จ
แล้วผมก็คิดต่อไปว่า ทำไมน้า พระสงฆ์ ถึงละเมิดศีลเรื่องชู้สาว เรื่องเงินทอง
ทำไมน้า คนสอนเรื่อง ธรรมาภิบาล ถึงไม่มีธรรมาภิบาลเอาเสียเลย
ทำไมน้า คนสอนเรื่องสันติวิธี ถึงไม่เอาสันติวิธีมาปรับใช้ในชีวิตประจำวัน
ทำไมน้า คนสอนเรื่องการพูดเชิงบวก การมีส่วนร่วม จึงไม่ยักจะนำมาปรับใช้
ทำไมน้า คนเป็น สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร หรือตัวแทนองค์กรต่างๆ ถึงทำตัวไม่มีเกียรติ อย่างที่เขาเรียกๆกัน
ทำไมน้า องค์กรการกุศล รับบริจาคเงินคนอื่นมาทำกิจกรรมเพื่อสังคม จึงพยายามจะคิดตกแต่งบัญชีเพื่อโกงภาษี
.
.
.
.
.
.
แล้วผมก็มาคิดได้ว่า ผมคาดหวังอะไรมากเกินไปหรือเปล่า
ทุกคนที่เอ่ยมาข้างต้น ก็แค่คนธรรมดาคนหนึ่ง
คนธรรมดาที่ต้องมาสวมบทบาท หัวโขน
มันก็เหมือนการแสดงละคร อะเนอะ
ผมคงแยกไม่ออกเอง ระหว่าง บทบาทที่คนเราได้รับ กับกมลสันดานในตัวตนของคนเรา
สมมุติว่า ผมเป็นคนชอบแคะขี้มูก แต่ต้องรับบทเป็นคนแขนชา ผมก็คิดว่า ผมก็คงเผลอแคะขี้มูกอยู่วันยังค่ำละมั้ง
ผมก็คนธรรมดานี่นา