วันจันทร์, กุมภาพันธ์ 27, 2549

กาแฟ หรือ ถ้วยกาแฟ?

วันหนึ่ง
ศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยแห่งน็อตเทรอะดามกลุ่มหนึ่งกลับไปเยี่ยมสถาบัน
ไม่ช้าวงสนทนาก็เริ่มเปลี่ยนไปเป็นการบ่นพร่ำเกี่ยวกับความเครียดในเรื่องการทำงานและปัญหาชีวิต

แล้วอาจารย์ก็เสนอเลี้ยงกาแฟกลุ่มลูกศิษย์เก่า
อาจารย์เดินเข้าไปในครัวและออกมาพร้อมกับกาแฟเหยือกโตและถ้วยกาแฟแบบต่างๆ บ้างเป็นถ้วยกระเบื้อง
บ้างเป็นถ้วยพลาสติก และบ้างทำด้วยแก้ว โดยบางใบเป็นแบบพื้นๆ ธรรมดา
บางใบสวยวิจิตรสูงค่า อาจารย์บอกให้ลูกศิษย์แต่ละคนจัดการการดื่มกาแฟร้อนๆ
กันเอาเอง และเมื่อลูกศิษย์ทุกคนต่างมีถ้วยกาแฟในมือกันทุกคนแล้ว
อาจารย์ก็กล่าวว่า

ลองสังเกตุดูกันหรือเปล่าว่า ถ้วยสวยๆ แพงๆ
ถูกเลือกไปหมดเหลือไว้แต่ถ้วยแบบธรรมดาราคาถูก
เป็นเรื่องปกตินะที่พวกเราต่างก็มักจะเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับตัวเอง ซึ่งนี่คือที่มาของความเครียดและปัญหาทั้งหลายแหล่ในชีวิต

ในขณะที่สิ่งที่พวกเราต้องการแท้จริงแล้วคือกาแฟไม่ใช่ถ้วยกาแฟ
แต่จิตสำนึกกลับนำพาเราไปเลือกที่ถ้วยและมิหนำซ้ำยังคอยชำเลืองมองถ้วยของคนอื่นๆ
อีกด้วย

หากชีวิตคือกาแฟ หน้าที่การงาน ตำแหน่งต่างๆ ในสังคมก็คือถ้วยใส่กาแฟ
มันเป็นเพียงเครื่องมืออุปกรณ์ช่วยหยิบจับหรือประคองชีวิตของเรา
มันไม่ได้ทำให้เนื้อหาจริงๆ ของชีวิตเปลี่ยนไป

บางครั้ง.........การมัวไปเพ่งเล็งที่ถ้วยใส่กาแฟก็ทำให้เราลืมที่จะใส่ใจกับรสชาติของตัวกาแฟ

เมื่อเช้านี้ถ้วยกาแฟ เอ๊ะ ไม่ใช่สิ กาแฟของคุณรสชาติเป็นยังไง?

วันเสาร์, กุมภาพันธ์ 25, 2549

"วิธีสลัดเรื่องไร้สาระออกจากใจ"

 Don't Sweat the Small Stuff

บทความที่นำมาเสนอจากหนังสือเรื่อง Don't Sweat the
Small Stuff แต่งโดย  Richard Carlson  (แปลโดยใครไม่ยู้)
                 
ผู้แต่งเชื่อว่านิสัยเกิดจากการกระทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งครั้งแล้วครั้งเล่า
                 
นิสัยเหล่านี้จะเกิดขึ้นเองตามสภาวะธรรมชาติและเกิดขึ้นบ่อยครั้งเสียจนเราไม่รู้สึกว่าเป็นสิ่งผิดปกติหรือเป็นสิ่งที่ต้องแก้ไข
                 
แต่หารู้ไม่ว่านิสัยที่ไม่ดีของเราเหล่านี้จะเป็นตัวบั่นทอนพลังชีวิต  ทำให้เราหมดกำลังใจ และทำให้เราเป็นคนมองโลกในแง่ร้าย
ดังนั้นผู้แต่งจึงชี้ให้เห็นถึงนิสัยที่ไม่ดีและมิจฉาทิฏฐิที่ควรแก้ไข ดังนี้
 
 
 
1. ความคิดที่ว่าเมื่อประสบปัญหาต้องรีบแก้ไขทันที
                  ในช่วงที่ประสบปัญหาจิตใจจะวกวนสับสน เครียด อึดอัด มึนงง
                  เศร้าสลดหดหู่ไม่ควรที่จะขบคิดแก้ไขปัญหาใด ๆ เพราะยิ่งคิดยิ่งมึนงง
                  มองไม่เห็นทางออก หรือถ้าคิดออกความคิดที่ได้ก็ไม่เฉียบคม
วิธีแก้ หยุดคิด ทำใจให้สบาย ๆ ปล่อยวาง เมื่อจิตใจสงบจึงค่อยเริ่มแก้ไขปัญหา
แก้ไขปัญหาที่พอจะแก้ไขได้ก่อน
ปัญหาที่รุนแรงและเรื้อรังยากที่จะแก้ไขได้โดยทันที
ก็ให้ค่อย ๆแก้ไขไปทีละเปลาะสองเปลาะ
เมื่อปัญหาลดน้อยลงจะทำให้เรามีกำลังใจมากขึ้น
ปัญหาที่ยากย่อมต้องใช้เวลา ความพยายาม ความอดทน
และความต่อเนื่องเป็นธรรมดา

จงยอมรับความเป็นจริงทั้งหมดที่ปรากฏอยู่ต่อหน้าเรา
คิดถึงเหตุการณ์ที่ร้ายแรงที่สุดที่อาจจะเกิดขึ้น(Worst case scenario)
แล้วทำใจยอมรับให้ได้ เมื่อนั้นจิตใจจะสงบ
                 
และในความเป็นจริงมันอาจจะไม่เลวร้ายอย่างที่เราคิดไว้ก็ได้
จะทำให้เรายิ่งมีกำลังใจที่จะขบคิดแก้ไขปัญหาต่อไป
 


2. หงุดหงิดรำคาญใจ ทุกสิ่งทุกอย่างขัดหูขัดตาไปหมด
ไม่ได้ดั่งใจเอาเสียเลย
                  บุคคลที่มีความคิดประเภทนี้จะมีจิตใจคับแคบ ไม่รู้จักให้อภัยผู้อื่น
                  เอาตนเองเป็นที่ตั้ง ชี้ถูกชี้ผิดอยู่ตลอดเวลา
                  นิดหนึ่งก็ไม่ได้นิดหนึ่งก็ไม่ยอม จิตใจร้อนรุ่ม หาความสุขไม่ได้
                  ไม่มีใครอยากเข้าใกล้หรืออยากทำงานด้วย มีศัตรูเต็มไปหมด
                 
สุขภาพเสื่อมโทรมโรคภัยรุมเร้าเพราะมีความเครียดอยู่ตลอดเวลา
                 
วิธีแก้รู้จักปล่อยวางเสียบ้าง ในโลกนี้ไม่มีใครสมบูรณ์แบบ
ไม่มีใครสามารถทำตามใจเราได้ทุกอย่าง
ทำอะไรก็ตามให้อยู่ในระดับกลาง ๆ พอดี ๆ ไม่ต้องสมบูรณ์แบบไปเสียทุกอย่าง
พูดจาให้นุ่มนวลอ่อนหวาน สบาย ๆ ไม่ต้องเอาเป็นเอาตาย
เอาจริงเอาจังไปเสียทุกเรื่อง
 

3. บ้างาน คิดว่าตนเองมีงานล้นมือ
                  ทุกอย่างมีแต่ความรีบเร่งจนไม่มีเวลาเป็นของตัวเอง
                  คนที่รีบเร่งทำงานหลาย ๆ อย่างแต่ทำไม่เสร็จซักอย่าง งานส่วนใหญ่มักจะไม่มีสาระ
                  ไม่สำคัญ ไม่ได้ทำให้ชีวิตดีขึ้นเพราะการรีบเร่งทำงานอยู่ตลอดเวลาจิตจะไม่ว่าง
                  กิริยาจะร้อนรน ขาดสติสัมปชัญญะ
                 
ขาดความระมัดระวังทำให้ไม่รู้ตัวว่าตนกำลังทำสิ่งที่ไร้สาระอยู่
                  เมื่อพลังงานส่วนใหญ่สูญเสียไปกับการทำเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ
                  งานที่ออกมาก็ไม่มีประสิทธิภาพ
                 
เมื่อโดนตำหนิก็เกิดความเครียดทำให้ต้องรีบสร้างผลงานมากขึ้นเพื่อชดเชยความผิด
                  แต่ยิ่งรีบก็ยิ่งผิด วนเวียนเป็นวงจรอุบาทว์ไม่มีที่สิ้นสุด

                 
วิธีแก้เลือกทำในสิ่งที่สอดคล้องกับเป้าหมายในชีวิตถามตนเองว่าสิ่งที่กำลังทำ
                  กำลังพูด และกำลังคิดอยู่นี้จะทำให้เรามีความสุขขึ้น เป็นคนดีมากขึ้น
                  มีสติปัญญามากขึ้น และมีเงินทองมากขึ้นหรือไม่ ถ้าไม่ก็ให้ตัดทิ้งเสียเช่น
                  การนินทาว่าร้ายเจ้านาย เป็นต้น ทำปัจจุบันให้ดีที่สุด เพราะสิ่งต่าง ๆ
                  ที่ทำในปัจจุบันจะส่งผลไปยังอนาคตอย่างแน่นอน ให้บอกตนเองเสมอว่า
                  ในโลกนี้มีงานต่าง ๆ อีกมากมายทำเท่าไรก็ทำไม่หมดหรอก
                  ทำแต่สิ่งที่สำคัญเท่านั้นก็พอ
ให้ตระหนักถึงสัจธรรมที่ว่า                  ถึงแม้ว่าเราจะจากโลกนี้ไป
โลกมันก็ยังคงดำเนินต่อไปได้โดยไม่ต้องมีตัวเรา
                  อย่าสำคัญตัวเองมากนัก หยุดทำงานทุกอย่าง นั่งสงบนิ่งดูลมหายใจ (อาณาปาณสติ)  สัก 15 นาที
เจริญมรณานุสติโดยการคิดว่าถ้าจะต้องตายในอีก 7 วันข้างหน้า  เราอยากทำสิ่งใดมากที่สุด
                 
(แต่วิธีนี้ไม่เหมาะกับบุคคลที่เป็นโทสะจริตเพราะมีมรณานุสติเป็นอารมณ์อยู่แล้ว)
 

 4. คิดเอาตนเองเป็นใหญ่และคิดอาฆาตแค้นพยาบาทคนอยู่ตลอดเวลา
                  ความคิดนี้เป็นความคิดในแง่ลบ (Negative thinking) ซึ่งเป็นตัวบั่นทอนพลังชีวิตทำให้เราเป็นคนย้ำคิดย้ำทำและเป็นคนมองโลกในแง่ร้ายโดยที่เราไม่รู้ตัว การกระทำ คำพูดและแววตาจะแสดงออกมาด้วยความก้าวร้าวรุนแรง
                 
 
วิธีแก้ให้ระมัดระวังความคิดในแง่ลบ  เมื่อมีความคิดเหล่านี้โผล่ขึ้นมาเองไม่ต้องสนใจ ไม่ต้องคิดต่อ ให้เปลี่ยนเรื่องคิดทันที
                 
ให้หันมาคิดในแง่บวกแทนซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่เกิดเองตามธรรมชาติจะต้องสร้างขึ้นมา
ทำใจยอมรับว่ามนุษย์ทุกคนเกิดมาพร้อมกับความคิดที่เป็นอกุศลเช่น ความอิจฉาริษยา ความอาฆาตพยาบาท ความมีอัตตาตัวตน และความยึดมั่นถือมั่น เป็นต้น
                  ไม่มีใครหลีกเลี่ยงได้รวมทั้งตัวเราเอง ทุกคนเท่าเทียมกันหมด
                  เราจึงไม่มีสิทธิ์ที่จะไปตัดสินผู้อื่นว่าถูกหรือผิด
                  หากเรายอมรับความเป็นจริงในข้อนี้ได้
                  เราจะรู้จักให้อภัยผู้อื่นและให้อภัยตัวเอง รู้จักสำรวมคำพูดและการกระทำมากขึ้นพยายามประคับประคองความคิดที่ดีให้อยู่นานที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
 

5. คิดดูถูกผู้อื่น และชี้ถูกชี้ผิดอยู่ตลอดเวลา
                  ความคิดเหล่านี้จะทำให้เรามีจิตใจคับแคบ ไม่มีเมตตาต่อผู้อื่น
                  มีความเครียดเป็นอาจิณ วิธีแก้เอาใจเขามาใส่ใจเรา เลิกเอาตัวเองเป็นที่ตั้ง
                 
หัดเข้าใจความคิดและอารมณ์ของผู้อื่นว่าทำไมเขาถึงพูดหรือทำเช่นนั้น
                  และถ้าเราอยู่ในสถานการณ์เดียวกับเขา
เราอาจจะทำแบบเดียวกับเขาก็ได้ เป็นต้น
                  ยอมรับว่าในโลกนี้ไม่มีใครที่คิดเหมือนกับเรา ดังนั้น
                  การมีความคิดที่ขัดแย้งกันย่อมเป็นเรื่องธรรมดา
                  ไม่มีใครถูกใครผิดหัดฟังมากกว่าพูด สักแต่รู้สักแต่เห็น
                  รับรู้ทุกอย่างแต่อย่าคิดต่อ
                 
ไม่ต้องหาเหตุหาผลไปซะทุกเรื่องพิจารณาอารมณ์ของตนเองว่าในขณะนี้เราสุข ทุกข์
                  หรือเฉย ๆ เพื่อหยุดความคิดซึ่งป็นบ่อเกิดแห่งอัตตาตัวกูของกู
 
 
6. คิดเอาชนะผู้อื่น
                 
การโต้เถียงเอาชนะผู้อื่นเพียงเพื่อพิสูจน์ว่าสิ่งที่เราคิดนั้นถูกต้องเป็นการสิ้นเปลืองพลังงานโดยใช้เหตุ และยังเป็นการสร้างศัตรูโดยที่เราไม่รู้ตัว

                 
วิธีแก้พูดเท่าที่จำเป็นพูดแต่สิ่งที่สร้างสรรค์และเป็นประโยชน์
                  รู้จักปล่อยวางเสียบ้าง หัดฟังมากกว่าพูด และเอาใจเขามาใส่ใจเรา
                  พยายามประคับประคองจิตใจให้ผ่องใสอยู่เสมอ
                  หลีกเลี่ยงการโต้เถียงให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้
 

7. คิดทวงบุญคุณจากผู้อื่น
                  การทวงบุญคุณจะทำให้จิตใจคับแคบ เต็มไปด้วยความอึดอัด
ไม่พอใจ ลังเลสงสัย จิตใจสกปรกขุ่นมัวเพราะเป็นการทำดีเพื่อหวังผลตอบแทน
 
วิธีแก้ ช่วยเหลือโดยไม่ต้องคำนึงถึงผู้ให้ในที่นี้คือตัวเรานั่นเอง
                  ควรให้เพราะอยากช่วยเหลือไม่ต้องมีตัวเขาเราท่าน
                  ช่วยเหลือโดยไม่ต้องคำนึงถึงผู้รับ
                 
คนไหนพอช่วยได้ให้ช่วยไปเลยไม่ต้องจำกัดว่าช่วยเพราะเป็นญาติเรา
                  หรือช่วยเพราะเขาทำดีกับเรา เป็นต้น
ช่วยแล้วหันหลังกลับ ไม่หวังผลตอบแทน
 
 
8. คิดกังวลในสิ่งที่ยังมาไม่ถึง
                 
การคิดวิตกกังวลในสิ่งที่ยังมาไม่ถึงจะทำให้จิตใจว้าวุ่น สับสน
                  เต็มไปด้วยความหวาดกลัว จิตใจล่องลอยไม่อยู่กับปัจจุบัน
                 
 
วิธีแก้ รู้เนื้อรู้ตัวว่าตนเองกำลังทำอะไรอยู่ ทำแล้วเกิดผลอะไร
ทำวันนี้ให้ดีที่สุด คิดโกรธเกลียดหมั่นไส้ผู้อื่น ความโกรธ เกลียด รำคาญ
                 
และไม่ชอบหน้าบุคคลที่เคยทำให้เราเจ็บช้ำน้ำใจเป็นนิสัยที่เกิดได้กับมนุษย์ทุกคน
                 
แต่เมื่อมีความคิดเหล่านี้ผุดขึ้นในจิตใจเราควรระมัดระวังไม่ให้แสดงออกมาทางสีหน้า
 แววตา น้ำเสียง และการกระทำ นอกจากนั้น เราควรมองบุคคลเหล่านั้นในแง่บวกเช่น
                 
คนที่ตำหนิติเตียนเรานั้นอาจจะกำลังสอนให้เรารู้จักทำงานให้เป็นระเบียบมากขึ้น
                 
หรือคนนินทาว่าร้ายเรานั้นอาจจะกำลังสอนให้เรารู้จักวางตัว พูดเท่าที่จำเป็น
 เพราะเขารู้เรื่องของเราหมดจึงเอาไปคุยกันจนสนุกปาก เป็นต้น
 

9. คิดน้อยใจในโชคชะตาของตนเอง
การคิดน้อยใจในชะตากรรมของตัวเองเช่น เกิดมายากจน
รูปร่างไม่ดี หน้าตาไม่สวย เรียนหนังสือไม่เก่ง หรือทำอะไรก็สู้เขาไม่ได้ เป็นต้น
                 
การคิดเช่นนี้นอกจากจะเป็นการบั่นทอนกำลังใจตัวเองแล้วยังทำให้ชีวิตจมปลักไม่ก้าวหน้าไปไหน เพราะมัวแต่ย้ำคิดย้ำทำแต่สิ่งเดิม ๆ

วิธีแก้ จงพอใจในสิ่งที่ตนมี และอย่าคิดเปรียบเทียบกับคนอื่น
ระลึกและจดจำในสิ่งดี ๆ ที่เราได้รับจากคนรอบข้าง
รู้จักและยอมรับตนเองทั้งจุดเด่นและจุดด้อย
                 
พัฒนาและใช้จุดเด่นของเราให้เป็นประโยชน์และปรับปรุงจุดด้อยหรือหาสิ่งอื่นมาทดแทน
                  เรียนรู้จากประสบการณ์ต่าง ๆ ในชีวิต
                  ลืมอดีตที่ขมขื่นเพื่อทำปัจจุบันให้ดีที่สุด คิดในแง่บวก
                  และพยายามประคับประคองจิตใจให้ผ่องใสอยู่ตลอดเวลา
 

10. นิสัยมองโลกในแง่ร้ายและคิดว่ามนุษย์ทุกคนล้วนเห็นแก่ตัว
                 
การคิดเช่นนี้จะยิ่งเป็นการตอกย้ำความคิดในแง่ลบให้มากขึ้นเป็นทวีคูณ
                  มองความจริงไม่ตรงตามความเป็นจริง ปัญหาเล็ก ๆ
                  ก็ตีโพยตีพายจนกลายเป็นเรื่องใหญ่โต จิตใจคับแคบ
                  หาความสุขไม่ได้เพราะจะคอยจับผิดผู้อื่นอยู่ตลอดเวลา
 
วิธีแก้คิดถึงประสบการณ์ดี ๆ
ที่เราได้รับจากคนรอบข้างเช่นคิดถึงบุคคลที่มีบุญคุณหรือมีน้ำใจกับเรา
เป็นต้นพยายามมองโลกในแง่บวก อย่าปล่อยให้จิตมันคิดเอง
 

11. คิดว่าโลกนี้มีแต่ปัญหาเต็มไปหมดแก้เท่าไรก็ไม่หมดเสียที
                 
การคิดเช่นนี้นอกจากจะไม่ช่วยแก้ปัญหาแล้วรังแต่จะเป็นตัวบ่อนทำลายกำลังใจของเราเองเสียอีก
 
 

วิธีแก้ ให้มองปัญหาเสมือนด่านทดสอบความอดทน
ตัวฝึกฝนทักษะในการแก้ปัญหาและเป็นแหล่งปัญญาที่หาไม่ได้จากในหนังสือ
                 
มองปัญหาในแง่บวกว่ามันอาจจะเป็นสัญญาณเตือนภัยล่วงหน้าก่อนที่ความหายนะจะเกิดขึ้นก็ได้    ปัญหาทำให้เราเห็นข้อบกพร่องที่เราอาจจะมองข้ามไป
มองปัญหาเป็นเรื่องธรรมชาติที่มนุษย์ทุกคนต้องประสบ อันไหนพอแก้ได้ก็ทำไปก่อน
                 
คิดในแง่บวกและตั้งจิตว่าจะประคับประคองจิตใจให้ผ่องใสอยู่ตลอดเวลา
 

12. คิดว่าเราเก่งกว่าผู้อื่น ฉลาดกว่าผู้อื่น หรือร่ำรวยกว่าผู้อื่น
                 
ความคิดเช่นนี้จะส่งผลให้พฤติกรรมที่แสดงออกมาเต็มไปด้วยความหยิ่งยะโสโอหัง
                  อวดดี ถือตัว มองผู้อื่นด้วยสายตาดูถูกดูแคลน
วาจาจะรุนแรงและสามหาว
 บุคคลรอบข้างจะรังเกียจ หมั่นไส้ และอิจฉาริษยา ซึ่งเป็นการสร้างศัตรูโดยไม่รู้ตัว
วิธีแก้ ระมัดระวังคำพูด ความคิด และการกระทำ
ต้องมีสติรู้เนื้อรู้ตัวอยู่ตลอดเวลา หัดมองตัวเอง เลิกเปรียบเทียบกับผู้อื่นอยากวิพากษ์วิจารณ์คนอื่น
 

13. การด่าทอ เหน็บแนม ประชดประชัน และวิพากษ์วิจารณ์
                  เป็นอกุศลวาจาที่สร้างความเจ็บช้ำน้ำใจให้กับผู้อื่น
                  ซึ่งเป็นการสร้างศัตรูโดยไม่ได้ตั้งใจ นอกจากนั้น
                  ความคิดเหล่านี้ยังเป็นที่มาของความโกรธ ความเกลียด
                  และความไม่ไว้เนื้อเชื่อใจมนุษย์อีกด้วย

วิธีแก้   คิดก่อนพูดและไม่ต้องพูดทุกอย่างที่เราคิด
ถ้าพูดแล้วไม่สร้างสรรค์นิ่งเสียจะดีกว่า
เอาใจเขามาใส่ใจเราในโลกนี้ไม่มีใครชอบถูกวิพากษ์วิจารณ์แม้แต่ตัวเราเอง

วันจันทร์, กุมภาพันธ์ 20, 2549

อ่านแบ้งค์ 20 กันเถอะ


อยากให้"พวกท่านๆ" ทั้งหลายเหล่านั้นน่ะ ก้มมองแบ๊งค์20 ในมือซะบ้าง

สถานการณ์บ้านเมืองเรานับวันดูมันจะ ยังไงๆ ไปเรื่อยเปื่อย คนดูทีวีโทรทัศน์อย่างเราก็เหมือนเสพข่าวด้านเดียว (รึเปล่าไม่รู้) คุยกับคนบางคนก็เหมือนกับว่า "ชั้นอยู่ประเทศเดียวกันกับแกหรือเปล่า (วะ) " ก็เลยทำให้มันท้อๆ ยังไงไม่รู้ กลายเป็นพวกวิตกจริตไปเล็กน้อยว่าอนาคตลูกหลานดิฉันมันจะอยู่กันยังไงอะไรทำนองนั้น ก็อาจจะคิดมากไป อย่าว่ากันนะคะ

วันนี้ยืนรอซื้อข้าวอยู่ ก้มมองแบ๊งค์20 ในมือ ก็เจอพระราชดำรัสของในหลวงอานันทมหิดล ร.8 ของพวกเราแล้วก็รู้สึกมีกำลังใจขึ้นแปลกๆ

ก็เลยอยากจะให้ พวกท่านๆ ทั้งหลายที่กำอนาคตของชาติบ้านเมืองเอาไว้ในมือของท่านลองควักเอาแบ๊งค์เล็กๆ ค่าเพียง 20 บาทไทยนั้นขึ้นมาพลิกดูซะบ้าง  สำหรับดิฉันแล้วแบ๊งค์ 20 บาทนี้มันคงจะประเมินค่ามิได้เลยถ้าหากว่ามันสามารถทำให้การ "ขายประเทศชาติบ้านเมือง" ของเรานั้นยุติหรือบรรเทาเบาบางลงได้


http://www.pantip.com/cafe/chalermthai/topic/A4116296/A4116296.html

อ่านใจจากการแอ๊คท่าถ่ายภาพ

เอามือกอดอก
คนที่ถ่ายรูป แล้วชอบเอามือกอดอก มักจะเป็นคนชอบเสี่ยง ชอบความท้าทาย และใช้เงินฟุ่มเฟือย แต่ถ้ามีความรักและจะระมัดระวังตัวมาก จะพยายามทะนุถนอมความรักที่มี เป็นอย่างดี จึงทำให้สัมพันธภาพนั้นยืนยาว และมีความมั่นคง

นั่งไขว่ห้าง
คนคนนี้จะรักศักดิ์ศรีมากทีเดียว มีความซื่อสัตย์ และเป็นคนที่ค่อนข้างลึกลับ เอาใจใส่ และชอบช่วยเหลือผู้อื่นอยู่ตลอดเวลา คุณจะมองหาคำแนะนำดี ๆ ได้จากคนแบบนี้

ทำหน้าทะเล้นเด๋อด๋า
คนที่ชอบแอ็คท่าขี้เล่น เวลาถ่ายรูปเป็นคนที่ ค่อนข้างอ่อนไหว ขี้อาย แต่ขณะเดียวกันก็มีอารมณ์ขัน ชอบทำให้ผู้อื่นหัวเราะอยู่เสมอ จะไม่ชอบอยู่ท่ามกลาง คนแปลกหน้ามาก ๆ ถ้าให้เลือกได้ จะเลือกสนทนาปาร์ตี้อย่างอบอุ่น กับเพื่อนสนิทไม่กี่คนมากกว่า

วางมือไว้ที่หลังศรีษะ
ท่าแอ็คชั่นท่าพิเศษนี้ เป็นของคนที่ชอบสนุกสนาน ไม่แคร์อะไรทั้งนั้น ไม่ชอบพิธีการ ใช้ชีวิตเรียบง่าย ชอบทำอะไรประหลาด ๆ ให้คนอื่นแปลกใจอยู่เสมอ เมื่อเวลามีทุกข์ หรือมีเรื่องไม่สบายใจ ก็จะขอคำแนะนำจากเพื่อน ยิ่งเป็นเพื่อนสนิทด้วยแล้ว จะปฎิบัติตามคำแนะนำนั้น อย่างเชื่ออกเชื่อใจทีเดียว

ชอบหันใบหน้าด้านข้าง เข้าหากล้อง
คนที่ชอบถ่ายรูป โดยเอาใบหน้าด้านข้างเข้าหากล้องนั้น เป็นคนที่มีจิตใจเข้มแข็ง หนักแน่น ไม่หวั่นที่จะแก้ปัญหาใด ๆ ที่เกิดขึ้น จะเผชิญหน้ากับอุปสรรคตลอดเวลา เก็บรักษาของเป็นอย่างดี และไม่ยอมเสียผลประโยชน์ ใช้จ่ายเงินอย่างคุ้มค่า ไม่ฟุ่มเฟือย

ยิ้มเห็นฟันนิดหน่อย
ถ้าชอบถ่ายรูปในลักษณะนี้ คือจะยิ้มกว้างอย่างเต็มที่ แต่จะโชว์ให้เห็นฟันเพียงเล็กน้อย แสดงว่าเป็นคนชอบเข้าสมาคม สังสรรค์กับผู้อื่น เข้ากับคนได้ง่าย เฉลียงฉลาดเฉียบแหลม และมักจะมีไอเดียดี ๆ ให้ผู้อื่นเสมอ

ถ่ายรูปทีไร เป็นได้ยิ้มกว้างทุกที
คนที่ถ่ายรูปแล้วชอบยิ้มโชว์ฟัน ทำท่าเริงร่าสุดขีดนั้น ที่จริงแล้ว เป็นคนที่ชอบเก็บงำความรู้สึก เมื่อมีปัญหาอะไร ก็ไม่อยากให้ใครมารับรู้ ช่วยแก้ปัญหาด้วย เรียกได้ว่าไม่อยากให้ผู้อื่นไม่สบายใจ ในเรื่องของตนเอง จะพยายามแก้ไขปัญหา อย่างสุดความสามารถด้วยตนเอง ถึงแม้ว่าจะรู้สึกแย่สักแค่ไหนก็ตาม แต่ในทางกลับกัน ถ้าเพื่อนต้องการความช่วยเหลือ ก็จะรีบเข้าไปช่วยทันที

เอามือจับที่คาง
ท่าแอ็คชั่นถ่ายรูปท่านี้ เป็นของคนที่มีอารมณ์ศิลปิน อ่อนไหว เมื่อชอบอะไรก็ตามจะทุ่มจนสุดตัว เมื่อรักใครก็รักสุดชีวิต และเมื่อเกลียดจะเกลียดแทบขาดใจ ถ้ามีเงินทองอยู่ในมือ ก็จะใช้จ่ายอย่างไม่เสียดาย ไม่มีการวางแผนไว้เผื่อวันข้างหน้า แต่ใช้ชีวิตวันนี้ให้คุ้มที่สุด

 

 

เอามาจากเมล์

 

อยากบอกว่า ...



คนเรามีความรู้สึกรัก ชอบ โกรธ เศร้า ไม่ต่างกัน


ขึ้นอยู่กับว่าเวลาไหนมันจะแสดงออกมามากน้อยเพียงใดเท่านั้น


" คนที่จะหัวเราะได้เสียงดัง ข้างในคงต้องขำบ้างพอสมควร


คนที่น้ำตาจะไหลได้ ข้างในคงมีเรื่องปวดร้าว....


ถ้าไม่นับการร้องไห้ที่มาจากความปิติ "



โลกสอนมนุษย์ว่าทุกสิ่งต้องมีการเปลี่ยนแปลง...


แต่โลกก็กลับสอนให้มนุษย์ผูกพัน



เด็กๆ จะมองว่าผู้ใหญ่ซีเรียส


ในขณะที่ผู้ใหญ่จะบอกว่า เด็กไร้สาระ


เพราะเด็กไม่เคยเป็นผู้ใหญ่มาก่อน


วันหนึ่งเค้าคงจะรู้ว่า ทำไมถึงต้องมีเรื่องซีเรียส


สำหรับผู้ใหญ่ซึ่งได้ผ่านวัยเด็กมาแล้วอาจจะลืมไปว่า


ณ วันที่ผ่านมา" สาระ " ในชีวิตของเค้า คืออะไร


card image here


คนที่ตลกหัวเราะสดใส ก็คือ


คนเดียวกับคนที่สามารถร้องไห้ฟูมฟายได้


เพียงแต่คุณจะได้เห็นหรือเปล่าเท่านั้น อาจจะเคยได้ยินว่า


" คนที่หัวเราะได้ดังที่สุด ก็คือคนที่สามารถร้องไห้ได้ดังที่สุดเช่นกัน"



ก่อนที่วันนี้ .. คุณจะทำความรู้จักกับผู้คนใหม่ๆ


อย่าลืมสำรวจตัวเองก่อนว่า ในช่วงเวลาที่ผ่านมา...


" คุณทำใครหล่นหายไปจากชีวิตหรือเปล่า "



ครอบครัวไทย ... มักจะเลี้ยงลูกผู้หญิงให้เป็นฝ่ายถูกเลือก


คอยสั่งสอนให้ทำตัวเรียบร้อย ไม่อย่างนั้นจะไม่มีใครเลือกไปเป็นคู่ครอง


แต่ความจริงแล้วผู้ชายและผู้หญิง เราต่างเลือกซึ่งกันและกันมากกว่า


card image here


เพื่อนที่ดีที่สุด คือ


คนที่คุณสามารถนั่งอยู่ริมระเบียงด้วยกันโดยไม่พูดอะไรกันซักคำ


แต่สามารถเดินจากไป ด้วยความรู้สึกเหมือนได้คุยกันอย่างประทับใจที่สุด



ใครหลายคนไม่กล้าเข้าไปปลอบโยนให้คำปรึกษากับเพื่อน


เพราะคิดว่าเราไม่รู้จะบอกเค๊ายังไง เพราะเราเป็นแค่เพื่อน


แต่ความจริงแล้ว...คุณเป็นตั้งเพื่อนต่างหาก



ผู้ชายที่ร้องไห้ และยอมรับว่าตัวเองร้องไห้ เค้าคือสุภาพบุรุษที่สุด


อย่างน้อยการซื่อสัตย์กับความรู้สึกของตัวเอง... คือความกล้าหาญสุดยอด





เงินไม่ใช่พระเจ้าแต่....ทำให้เรามีทางเลือกมากขึ้น


มีสติ สตางค์อยู่...ก็ปลีกเวลาไปใช้เสียบ้าง

อีกหน่อยไม่มีสติแต่มีสตางค์...ก็สายไปเสียแล้ว



เวลาที่เรารักใคร เราจะรู้สึกตัวเล็กเหลือเกิน...


เวลาใครรักเรา เราจะรู้สึกตัวใหญ่เหลือเกิน...


แต่..ถ้าเราเจอคนที่เรารักเค้าและเค้าก็รักเรา


เราจะผลัดกันตัวเล็ก ตัวใหญ่



วันที่คุณเข้มแข็งและแข็งแรงพอ


อย่าลืมเป็นผู้ฟังที่ดีให้กับคนที่มีปัญหาด้วย


"เอาไหล่ให้เค้าพิง เอามือให้เค้าจับ"


100 คำพูดดี ดี ไม่เท่ากับ 1 สัมผัสที่มีค่าหรอกนะ




คุณรู้ไหมว่า อายุคนเราเฉลี่ย 76 ปีนั่นคือแค่ 3952 อาทิตย์เท่านั้น


คุณหมดเวลาไปกับการนอนถึง 1317 อาทิตย์ ซึ่งเท่ากับว่า....


คุณเหลือเวลาที่ใช้ดำเนินชีวิตแค่ 2635 อาทิตย์เท่านั้นเอง



ลองฉลองวันเกิดกับครอบครัวสักปี


แล้วคุณจะได้รู้ว่า......


เมื่อตอนที่คุณร้องไห้จ้าในวันเกิดวันแรก


คนในครอบครัวคุณมีความสุขกันขนาดไหน....



เอามาจากอีเมล์